วัฒนธรรมการกินกับวิถีชีวิตที่จะเปลี่ยนไปหลังโควิด- 19 ระบาด
จนถึงวันนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธว่าโรคอุบัติใหม่จากโคโรน่าไวรัส หรือที่เรารู้จักกันในชื่อโควิด -19 ได้ทำให้วิธีการบริโภคของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่ในอุตสาหกรรมอาหารโลกได้มีการคาดการณ์ว่า เทรนของอุตสาหกรรมอาหารจะมีแนวโน้มไปใน 6 แนวทาง (ข้อมูลจาก https://www.foodbytesworld.com/foodbytes-trend-report-the-impact-of-coronavirus-on-food-ag/)
กลุ่มที่ 1 อาหารฟังก์ชั่น (Funtional food) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกเหนือจากโภชนาการพื้นฐาน อาหารประเภทนี้จะมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายของคนเรา นอกจากประโยชน์หลักทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆของร่างกายได้ด้วย
Q: แล้วกลุ่มอาหารฟังก์ชั่นพบในไหนได้บ้าง
A: พบได้ในกลุ่มอาหารที่หลากหลาย เช่น อาหารประเภทเส้นใยสููงอย่างกลุ่มธัญพืชต่างๆ อาหารโปรไบโอติก (Probiotic food) ที่เราคุ้นเคย เช่น โยเกิร์ต คีเฟอร์ คอมบูชา เทมเป้ กิมจิ ผักดอง ถั่วหมัก และอื่นๆ
(รอบหน้าจะมาขยายความอาหารกลุ่มนี้ เพราะเป็นกลุ่มที่เราคุ้นเคยและสามารถทำเองที่บ้านได้)
กลุ่มที่ 2 อาหารส่งด่วน ส่งเร็ว แน่นอนว่าหลังจากที่เราอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ มาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ผู้บริโภคเริ่มคุ้นชินต่อความสะดวกสบายจากการเลื่อนฟีดสั่งอาหารออนไลน์
จากร้านดังย่านต่างๆ สิ่งที่ตามมาคือ การแข่งขันกันอย่างดุเดือดของธุรกิจเดลิเวอรี่ ตามมาเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหล่าร้านอาหารต้องปรับตัว
Q: ร้านอาหารเล็กๆ หรือร้านอาหารท้องถิ่นจะปรับตัวกับสงครามเดลิเวอรี่ได้หรือไม่
A: ชุมชนหรือท้องถิ่นต่างๆ เริ่มจัดทำระบบจัดส่งอาหารในภูมิภาคต่างๆ ที่นอกเหนือจากเจ้าใหญ่ๆ ที่เราคุ้นเคย แม้แต่ในพื้นทีห่างไกล เดลิเวอรี่ท้องถิ่นก็จัดส่งได้ ลองค้นหาและใช้บริการจากขนส่งท้องถิ่นในพื้นที่คุณเองแทนการใช้บริการเจ้าใหญ่
กลุ่มที่ 3 อาหารแบบรู้ที่มา ยิ่งจะให้ดีมาจากแหล่งผลิตที่ไว้ใจได้ มาถึงข้อนี้ เกษตรอินทรีย์คงได้ร้องเฮ เพราะนอกจากเราจะผลิตอาหารแบบปลอดภัยและสร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภคแล้ว การเกษตรแบบนี้ยังคืนสมดุลธรรมชาติให้กับโลกใบนี้ด้วย
Q: ในฐานะผู้บริโภค เราจะซื้ออาหารแบบนี้ได้จากไหน
A: ตลาดเขียวหรือตลาดเกษตรอินทรีย์ที่อยู่ใกล้ชุมชนต่างๆ (ดูรายชื่อตลาดเขียวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้ที่ https://web.facebook.com/rongbomnature/posts/464963037640494)
นอกจากนี้ เรายังได้เห็นการทำแพลตฟอร์มที่น่าสนใจอย่างโลเคิลอร่อย สตาร์ทอัพที่ส่งต่อความอร่อยจากชุมชนต่างๆทั่วประเทศ ไปถึงหน้าบ้านคุณ หากสนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://localaroi.com/
กลุ่มที่ 4 บรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ บรรจุภัณฑ์ที่ดีนอกจากจะสามารถป้องกันอาหารให้สะอาด ปลอดภัยและสะดวกในการขนส่งแล้ว ต่อจากนี้ เราจำเป็นต้องมองหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แทนการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ที่ผ่านมาพบว่าขยะพลาสติกจากฟู้ดเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้นถึง 15% หรือราว 6,300 ตันต่อวัน (ข้อมูลสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย)
ขยะมหาศาลเหล่านี้ จะยังคงไม่ย่อยสลายอยู่คู่กับโลกใบนี้ไปตราบนานเท่านาน
Q: ถ้าเราสั่งอาหารออนไลน์ เราจะเลือกบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกจากไหน
A: มีความพยายามของในการสร้างนวัตกรรมขนส่งแบบขยะเป็นศูนย์ (zero waste delivery) ด้วยการใส่ภาชนะใช้ซ้ำได้ และคืนกล่องกลับมาที่ร้าน เมื่อสั่งอาหารครั้งต่อไป ตัวอย่างร้านอาหารที่ใช้วิธีขนส่งแบบนี้ https://www.indydish.com/ (หากใครมีเบาะแสร้านอาหารแนวนี้ ชี้เป้าเพิ่มเติมได้เลยนะ)
กลุ่มที่ 5 สุขอนามัยของอาหารคือสิ่งสำคัญ ในอนาคต เรื่องนี้ส่งผลต่อเนื่องไปถึงการทดสอบพาหะนำโรคและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อต่างๆ ซึ่งในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีการปรับตัวในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่หัวข้อนี้ ร้านอาหารหรือร้านค้าขนาดเล็กจำเป็นต้องปรับตัวกันต่อไปในอนาคต
กลุ่มที่ 6 การผลิตที่ต้องพึ่งเทคโนโลยีมากขึ้น ผลต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรที่ชะงักงันจากการพึ่งพิงแรงงานคน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ที่ไม่สามารถข้ามมาทำงานหรือบางส่วนต้องกลับประเทศ (เราเองก็ได้รับแรงงานต่างชาติจากโปรแกรมการท่องเที่ยวทำงานแลกที่พักก็มีอันต้องหยุดโครงการชั่วคราว หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโลก) ในต่างประเทศ คาดการณ์ว่าภาคการเกษตรจะนำโรบอทเข้ามาช่วยภาคการผลิตถึง 30% สำหรับประเทศไทยเอง เกษตรกรจำเป็นต้องปรับตัวเช่นกัน เกษตรอัจฉริยะหรือ smart farmer อาจไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวสำหรับเกษตรกรอีกต่อไปแล้ว
จะเห็นว่า โลกหลังจากการระบาดของไวรัส ส่งผลให้ทั้งภาคการผลิตและผู้บริโภคต้องปรับตัว ต่อจากนี้ การกินข้าวหนึ่งจานของเรามีความหมาย สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกทั้งใบได้
อาหารปรุงสุขจากเกษตรกรอินทรีย์ที่ตลาดบ้านรังนก อ.บางเลน จ.นครปฐม
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
