ก่อนจะไปถึงโรงหนัง ซึ่งแอดเมี้ยวรีบเลยเรียกgrabcarไป ระหว่างทางก็คุยโทรศัพท์กับแฟนกุบกิบ
พอวางสาย คนขับgrabcar
ก็พูดขึ้นมาว่าจะไปดู ฮาว ทู ทิ้งเหรอครับ ผมก็กะว่าจะไปดูคืนนี้เหมือนกัน พอดีเลิกกับแฟนที่คบกันมา 7 ปี พอดี
นี่ก็มาขับgrab ไม่ให้ฟุ้งซ่าน ...
อื้มม...รู้สึกเหมือนอยู่กับ intro ก่อนเข้าโรงหนัง ความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้ง แล้วก็กำลังพยายามจะ ทิ้งไม่ให้เหลือเธอไปด้วย
จุดเริ่มต้นของเส้นเรื่อง ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แค่อยากจะเคลียร์บ้านให้เป็นออฟฟิศมินิมอล เลยต้องเก็บของมากมาย ออกไปจากบ้าน
แบ่งเป็นสเตปๆ ใส่ถุงดำ ก็มองไม่ออกแล้วว่าเราโยนอะไรลงไปบ้าง แล้วก็ดีดนิ้วเพี้ยะ เดี๋ยวก็เอาถุงดำทั้งหมดนี้ออกจากบ้าน มันก็ดูเป็นความคิดที่ดี ในการโยนทิ้งไป แบบ ไม่ต้องคิดถึงที่มา ว่ามันมาจากไหน ใครให้ เรื่องราวเบื้องหลัง ใช้สมองตัดสินใจล้วนๆ โยนลงถุงกันไปเลย
จุดเปลี่ยนก็แสนง่ายดาย เมื่อเพื่อนที่จะมาช่วยรีโนเวทบ้าน ไปเจอว่า จีน ทิ้งซีดีหายาก ที่สมัยก่อนเคยหา แล้วเพื่อนก็ไปหามาให้ ไม่ต้องพูดอะไรมากแค่เพื่อนยื่นให้ดู ยังมีการ์ดแนบพร้อม ข้อความ ลงชื่อ จบลงด้วยถุงดำมันไม่ใช่หลุมดำที่ใส่แล้วของวาร์ปหายไปไม่กลับมา มันเป็นเหมือนแค่ฟิล์มกันแดดรถยนต์ ที่ติดไว้ ลวงเราว่าพระอาทิตย์ร้อนน้อยลงแต่พอเปิดกระจก พระอาทิตย์มันก็ไม่ได้ร้อนน้อยลงเลย มันยังคงร้อนเท่าเดิม
ในเรื่อง มีประโยคจึ้กใจ หลายชอต ทั้งเรื่องที่เพื่อนกลับมา
บอกว่า "มึงหัดมีหัวใจเหมือนคนอื่นบ้างได้ไม๊วะ"
แต่โดยนิสัยของ จีน ซึ่งดูเหมือนจะ เป็นคนที่ทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ผ่านมา ก็อยากปล่อยให้ผ่านๆไป
แต่แน่นอน ชีวิตบางทีก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อ จีน เริ่ม เปลี่ยนวิธีจากทิ้งของให้ซาเล้งมาเปลี่ยนเป็นส่งคืนให้คนที่เคยให้ของมา จนมาถึง ตอนที่พยายามคืนของให้กับ เอ็ม
ซึ่ง เช่นเดิม จีน ปล่อย เอ็ม ทิ้งไป และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน
"เวลาเราเจอเรื่องดี ๆ เราโครตอยากโทรหาเธอเลย แต่มันก็ทำไม่ได้ไง เวลามีเรื่องแย่ ๆ แล้วเรา อยากโทรหาใครสักคน เราก็โทรหา เธอไม่ได้ เราโครตรู้สึกตัวคนเดียว แต่เราต้อง มูฟออนไง เราต้องไปต่อ "
จริงๆแล้ว การที่จีนจะมา บอกว่า ตอนนี้กลับมาอยู่ตรงนี้แล้ว มีอะไรให้โทรหาได้ตลอด มันเป็นอะไรที่สายเกินไป และ มันเหมือน จีน แค่อยากจะมีโอกาสแก้ตัว ซึ่ง จีน เลือกที่จะทิ้งมันไปตั้งแต่ 3 ปี ที่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ บอกลา ด้วย ประโยค ว่า" แล้วเจอกัน"