14 พ.ค. 2020 เวลา 15:42 • บันเทิง
ใจความ..... ฮาว ทู ทิ้ง เคลียร์บ้าน เคลียร์ใจ
เมื่อการจัดบ้าน เหมือนจะไม่ใช่แค่การจัดบ้าน
แต่เป็นการจัดการความรู้สึกไปด้วย บางเรื่อง เราอยากจะเก็บเอาไว้ เป็นความทรงจำ แต่สำหรับบางคน ก็เลือกที่จะตัดเราทิ้งออกไป โดยสิ้นเชิง (มีสปอยล์แน่นอน)
ก่อนจะไปถึงโรงหนัง ซึ่งแอดเมี้ยวรีบเลยเรียกgrabcarไป ระหว่างทางก็คุยโทรศัพท์กับแฟนกุบกิบ
พอวางสาย คนขับgrabcar
ก็พูดขึ้นมาว่าจะไปดู ฮาว ทู ทิ้งเหรอครับ ผมก็กะว่าจะไปดูคืนนี้เหมือนกัน พอดีเลิกกับแฟนที่คบกันมา 7 ปี พอดี
นี่ก็มาขับgrab ไม่ให้ฟุ้งซ่าน ...
อื้มม...รู้สึกเหมือนอยู่กับ intro ก่อนเข้าโรงหนัง ความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้ง แล้วก็กำลังพยายามจะ ทิ้งไม่ให้เหลือเธอไปด้วย
 
จุดเริ่มต้นของเส้นเรื่อง ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แค่อยากจะเคลียร์บ้านให้เป็นออฟฟิศมินิมอล เลยต้องเก็บของมากมาย ออกไปจากบ้าน
แบ่งเป็นสเตปๆ ใส่ถุงดำ ก็มองไม่ออกแล้วว่าเราโยนอะไรลงไปบ้าง แล้วก็ดีดนิ้วเพี้ยะ เดี๋ยวก็เอาถุงดำทั้งหมดนี้ออกจากบ้าน มันก็ดูเป็นความคิดที่ดี ในการโยนทิ้งไป แบบ ไม่ต้องคิดถึงที่มา ว่ามันมาจากไหน ใครให้ เรื่องราวเบื้องหลัง ใช้สมองตัดสินใจล้วนๆ โยนลงถุงกันไปเลย
 
จุดเปลี่ยนก็แสนง่ายดาย เมื่อเพื่อนที่จะมาช่วยรีโนเวทบ้าน ไปเจอว่า จีน ทิ้งซีดีหายาก ที่สมัยก่อนเคยหา แล้วเพื่อนก็ไปหามาให้ ไม่ต้องพูดอะไรมากแค่เพื่อนยื่นให้ดู ยังมีการ์ดแนบพร้อม ข้อความ ลงชื่อ จบลงด้วยถุงดำมันไม่ใช่หลุมดำที่ใส่แล้วของวาร์ปหายไปไม่กลับมา มันเป็นเหมือนแค่ฟิล์มกันแดดรถยนต์ ที่ติดไว้ ลวงเราว่าพระอาทิตย์ร้อนน้อยลงแต่พอเปิดกระจก พระอาทิตย์มันก็ไม่ได้ร้อนน้อยลงเลย มันยังคงร้อนเท่าเดิม
ในเรื่อง มีประโยคจึ้กใจ หลายชอต ทั้งเรื่องที่เพื่อนกลับมา
บอกว่า "มึงหัดมีหัวใจเหมือนคนอื่นบ้างได้ไม๊วะ"
แต่โดยนิสัยของ จีน ซึ่งดูเหมือนจะ เป็นคนที่ทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ผ่านมา ก็อยากปล่อยให้ผ่านๆไป
 
แต่แน่นอน ชีวิตบางทีก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อ จีน เริ่ม เปลี่ยนวิธีจากทิ้งของให้ซาเล้งมาเปลี่ยนเป็นส่งคืนให้คนที่เคยให้ของมา จนมาถึง ตอนที่พยายามคืนของให้กับ เอ็ม
ซึ่ง เช่นเดิม จีน ปล่อย เอ็ม ทิ้งไป และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน
"เวลาเราเจอเรื่องดี ๆ เราโครตอยากโทรหาเธอเลย แต่มันก็ทำไม่ได้ไง เวลามีเรื่องแย่ ๆ แล้วเรา อยากโทรหาใครสักคน เราก็โทรหา เธอไม่ได้ เราโครตรู้สึกตัวคนเดียว แต่เราต้อง มูฟออนไง เราต้องไปต่อ "
จริงๆแล้ว การที่จีนจะมา บอกว่า ตอนนี้กลับมาอยู่ตรงนี้แล้ว มีอะไรให้โทรหาได้ตลอด มันเป็นอะไรที่สายเกินไป และ มันเหมือน จีน แค่อยากจะมีโอกาสแก้ตัว ซึ่ง จีน เลือกที่จะทิ้งมันไปตั้งแต่ 3 ปี ที่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ บอกลา ด้วย ประโยค ว่า" แล้วเจอกัน"
การที่พัสดุตีกลับเพราะ คนรับเลือกที่จะ rejected มันเป็นเหมือน butterfly effect ที่ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมวงกว้างตามมาจีนต้องเอาของมา ให้เอ็มด้วยตัวเอง > เอ็มมูฟออนต่อไปกับแฟนคนใหม่แล้ว > เป็นอะไรที่ akward มาก
กับการพยายามเป็น เพื่อนกับแฟนเก่า+แฟนใหม่ของแฟนเก่า ประโยคที่ มี่ พูด ว่า เราเข้าใจ ค่อนข้างจะได้ยินบ่อย มันเป็นเหมือนการบอกตัวเองว่า เรา(ต้อง)เข้าใจ เพราะ เธอกับเอ็ม มีความทรงจำร่วมกันมามากมาย มันเป็นประโยคที่ จึ้กๆลึกๆ นะ มี่พยายามที่จะใจกว้างมากพอ แต่ก็มีมุมที่เอ็มแสดงออกมาเมื่ออยู่กับ จีน ซึ่ง มี่ ไม่เคยรู้จักกับ เอ็ม ในมุมนั้น มี่ แทบกลายเป็น คนนอก และ สุดท้าย มี่ก็หลุดออกไปจากวงโคจร เพราะเริ่มต้นจากการ rejected พัสดุกล่องเดียว
เมื่อ เอ็ม กับ จีน พูดคุยกัน เรื่อง มี่ สถานการณ์ก็ไปไกลเกินกว่าจะแก้ไข "ที่เธอเอาของมาคืนเราก็เพื่อตัวเธอเอง ที่เธอมาขอโทษก็เพื่อตัวเธอเอง เรื่อง มี่ เธอก็ทำเพื่อตัวเอง เธอจะได้ทิ้งเราแบบสบายใจไง "
 
ซึ่ง เอ็ม ก็ ไม่ได้พูดผิดเท่าไหร่ บางครั้งเราก็ต้องยอมรับว่า เรามีมุมเห็นแก่ตัวอยู่ลึกๆ การกลับมาทำดีกับ คนเก่า ที่เราเลือกจะทิ้งไป เพราะเราเองรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเรามีความผิดส่วนหนึ่ง คนทิ้ง คนโดนทิ้ง บางทีถ้าตัดสินใจ กับการ มูฟออนไปแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไป เรื่องบางอย่างไม่ใช่สิ่งของที่คืนแล้วจะจบ เหมือนที่เอ็ม บอกว่า เราเลือกที่จะเก็บภาพความทรงจำไว้ แบบนั้นมันก็ดีอยู่แล้ว
 
คนที่ถูกทิ้งบางคนก็ยังรอ เก็บบางอย่างเอาไว้เพราะ รอว่าคนที่ทิ้งไปจะกลับมา "ภาพบางภาพ พอมาดูตอนนี้ ล้ำค่าขึ้นมาเลย" มันล้ำค่าเพราะ สิ่งที่เกิด ขณะนั้น ความรู้สึกที่เกิดขณะนั้น ถึงแม้ว่าคนในรูปจะเปลี่ยนไปแล้ว
 
เปียโน กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนมาก นอกจาก แม่ของจีน จริงๆแล้วส่วนลึกในใจ จีน ก็คง คาดหวังว่า จีน จะ ไม่ถูกลืม
เมื่อโทรหาป๊า เพื่อจะได้พบว่า ป๊าเลือกที่จะทิ้ง ลืม ไปแล้ว การเป็นคนที่ทั้งทิ้งคนอื่นลืมคนอื่น แต่เมื่อมาเจอกับตัว ยิ่งเจ็บกว่าเดิม
"ถ้าวันนั้น หลับตา ขายมันไป ก็คงไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้"
สิ่งของไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่ภาพจำ เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับสิ่งของเหล่านั้นมากกว่า ที่ทำให้ ใครหลายคน
อยากจะเคลียร์บ้าน ทิ้งของรับปีใหม่ ก็ทำได้ยากเหลือเกิน
 
ของบางอย่างคนที่ให้เรามาก็อาจจะลืมไปแล้วว่าเคยให้เรา ของบางอย่างอาจเป็นเราที่ยึดติดอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ปล่อยมันไป
ตัวละครในเรื่อง ทั้ง ม๊า จีน เจ เอ็ม มี่ กรณ์ ทำให้เห็นว่า มันก็มีคนหลายแบบ คนถูกทิ้งที่ยังรอ คนถูกทิ้งที่มูฟออน คนที่เป็นสายsupport แบบ เจ หรือคนที่ต่างเคยทิ้งกันไป แล้วกลับมาหากันใหม่ จนถวิลหา ภาพคู่ใบแรก เพื่อใช้ในวันสำคัญ
ฮาว ทู ทิ้ง ถ้าจะดูแบบไม่คิดอะไรมากก็ได้
ก็เคลียร์ของคิดอะไรมาก big cleaning day ได้บ้านสะอาดรับปีใหม่ไปเลย
บางคนก็นั่งคิดก่อนจะใส่ถุงดำ นั่งรำลึกความหลังกับ ทุกอย่าง เพราะมีความทรงจำมากมายในของทุกสิ่ง
ส่วนตัวแอดเมี้ยวเอง ของถ้าใครให้มาก็ใช้ ก็เก็บนะ ถึงแม้ ว่าคนที่ให้จะเปลี่ยนไป หรือ เราเดินออกจากชีวิตเค้า เค้าเดินออกจากชีวิตเรา แต่สำหรับแอดคิดว่า สิ่งของก็ไม่ได้ผิดอะไร
เว้นซะว่า ถ้าภาพบางภาพ เผาๆทิ้งไป ของจากบางคนเก็บลงถุงดำทิ้งไป ดีที่สุดแล้ว เพื่อจะได้ปล่อย และ วาง จริงๆ
เต็มที่เลยยยย
ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นแบบ เอ็ม ในเรื่อง ก็ไม่ได้คิดจะคืนของ แล้วก็ถ้าไม่คิดจะติดต่อมาอีก ก็ควรจะให้มันเป็นอย่างนั้นไป ดีกว่า การกลับเข้าไปในชีวิตบางคน เราเคยเป็นความสุขของเค้า เค้าเคยเป็นความสุขของเรา ถึง มันจะจบ สวย ไม่สวย แต่ถ้ามันจบไปแล้ว มันคือหนังสือที่ต้องเก็บขึ้นหิ้งไว้
เพราะกลับมาอ่านยังไง ตอนจบ ก็แทบจะเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย ก็อยู่ที่เรา จะจมอยู่ที่เดิมจนพอใจ หรือ เดินต่อไปหาโอกาสใหม่ๆให้ชีวิตตัวเอง
#ฮาวทูทิ้ง #ทิ้งของที่พัง #ทิ้งของที่แมวทำเลอะไปแล้ว #ทิ้งเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งาน #ตอนนี้คิดว่าในบ้านก็ยังมีของให้ทิ้งออกไปได้อีก #ไม่ได้จะมินิมอลแต่มาดามเมี้ยวที่บ้านชอบไปทำวีรกรรมตามซอก
ฮาวทูทิ้งอย่างไร ให้ไม่เหลือที่ให้แมวแอบ อี๊!!! ข้อแรกที่แอดเมี้ยวต้อง เก็บของออก
รีวิวยาวมาก มหากาพย์ ของต้องเอาออกจากบ้าน
Cr. ภาพจาก GDH
โฆษณา