15 พ.ค. 2020 เวลา 03:50 • ธุรกิจ
นำเข้าง่ายนิดเดียว
1. เลือกประเทศที่เราต้องการสินค้า
สิ่งที่ต้องดู ถ้าคุณซื้อของ online
คำถาม - คุณจะมั่นใจได้ยังไงว่าสินค้าที่ส่งมาจะมีคุณภาพ ปกติแล้ว ถ้าซื้อจำนวน น้อยๆ ก็ไม่เท่าไหร่ ถ้ารอได้ ก็ สั่งสินค้า ตัวอย่างเข้ามาก่อน แต่ก็ว่าไป การได้ไปดู ณ แหล่งผลิต ได้เจอผู้ขาย ย่อมดีที่สุด อย่างน้อย ก็ เรียกความเชื่อมั่นได้ ที เดียว อันนี้ไม่บังคับ เลือกกันเอาเอง ขึ้นอยู่กับ Budget ในกระเป๋า นะคะ
2. ศึกษา สิ่งที่เราจะนำเข้าว่ามีกฎ ระเบียบอะไรที่ต้องระวัง บ้าง เป็นของต้องห้าม หรือ ต้องกำกัด หรือเปล่า
การ ศึกษา ตรงนี้ เราควร จะเช็คว่า Harmonize Code (HS code) ภาษาไทย นำเข้า เรียกว่า พิกัด มีเลขอะไร เช็คก่อนนำเข้า จะได้ รู้ทางหนีทีไล่ ไม่ใช่ทางหนีที่ไล่ในการนำของผิดกฎหมาย เข้ามา แต่เราจะได้รู้ว่า
ภาษี เท่าไหร่ ประเทศเรา ห้ามนำเข้าไหม มีโควต้า หรือเปล่า ลดภาษีได้ไหม ต้องใช้เอกสาร อะไรบ้างในการลดภาษี ตรงนี้ ปรึกษา ผู้รู้ หรือ Google เอา ง่ายๆ
3. เทอมของการ ซื้อขาย
3.1 EX FACTORY อันนี้ พี่จีนชอบใช้มาก คือราคาหน้าโรงงาน แม้จะดูถูก แต่บางครั้งค่าใช้จ่าย จนถึงท่าเรือ ก็ทำให้ราคาไม่ถูกอย่างที่คิด
3.2. FOB FREE ON BORD อันนี้ราคาจะส่งถึงเรือ เลย แต่ไม่รวม ค่า Freight หรือค่าขนส่ง แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้น ในประเทศต้นทางไม่ต้องจ่าย
3.3 C&F Cost and Freight ราคานี้รวมทุกอย่างในการส่งของมายังท่าเรือในประเทศต้นทางและยังรวมค่าระวางเรือในการขนส่งสินค้าด้วย แต่เราจะต้องมาทำ insurance (ประกัน) เอง เพราะเวลานำเข้ากรมศุลกากร จะต้องขอราคาที่รวม insurance ด้วย
3.4 CIF cost insurance freight รวมหมด ทุกอย่างมาจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นปลายทางอย่างเดียว
ลองเลือกเอานะคะ ส่วนมากจะแนะนำให้ใช้ FOB และ ขอราคา Freight แยกมาต่างหาก จ้า จะประหยัดไปได้เยอะอยู่ insurance มาทำเอง ได้ คะ อีกเรื่องที่สำคัญ มาก FORM ต่างๆ ต้องให้ทางประเทศ คู่ค้าออกมาให้ถูกต้องนะจ๊ะ ราคาของเอกสารพวกนี้มักจะรวมอยู่แล้วในค่าใช้จ่ายของ FOB แต่อย่างไรก็ดี คุยกันก่อน ให้เรียบร้อย การทำงานตรงนี้ ควรจะมีเอกสารระบุในใบเสนอราคาให้ชัดเจน ด้วยทุกครั้ง
วันนี้ พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อให้ ใครมีคำถาม comment มานะคะ ไม่เข้าใจถาม ได้เลยจ้า
โฆษณา