15 พ.ค. 2020 เวลา 04:30
จู่ๆก็เกิดคำถำถามแล้วมานั่งสงสัยใคร่ครวญพิจารณาเรื่อง #การคบซ้อน เลยมาเขียนบทความเล่นๆเพราะนอนไม่หลับ และความสงสัยด้วยแล้วจริงๆ อีกข้อที่เป็นเหตุผลให้เกิดการเขียนบทความนี้ขึ้นก็เพราะอยากเห็นมุมมองของคนอื่นๆบ้าง อันนี้รวมข้อมูลจากประสบการณ์ของตัวเอง ของเพื่อนๆและทฤษฎีที่อ่านมาจากหนังสือหลายๆเล่มที่เรามี
#การคบซ้อน
.
ผู้เขียนรู้สึกสงสัยว่าหรือการมีกิ๊กเปนเรื่องปกติ เพราะคนรอบข้าง เพื่ิอน รุ่นน้องรุ่นพี่ คนรุ้จัก ไล่ไปตนถึงคนดัง ดารา ผู้มีอำนาจทางการเมือง การเงิน ไม่ผู้หญิงเป็นฝ่ายไปมีเสียเอง ก็สามีหรือแฟนเป็นฝ่ายไปมีกิ๊กๆกั๊กๆ บ้านเล็กบ้านน้อย และดูเหมือนว่าใครๆก็เจอปัญหานี้เต็มไปหมด ไม่ว่าจะความรักในวัยทีนส์ ป็อปปี้เลิฟ ไปจนถึงคู่รักอมตะอย่างรุ่นปู่ๆยายๆ
.
สรุปแล้วว่ามันคือเรื่องที่ผิดศีลธรรม ผิดในกฎของความสัมพันธ์ หรือกฏและศีลธรรมต่างหากที่ผิดและดัดจริตบิดเบี้ยว???
.
เพราะนี่คือธรรมชาติ โดยปกติแล้วมนุษย์ไม่ใช่สัตว์ผัวเดียวเมียเดียวในทางชีววิทยา ทำไมจึงว่าเช่นนั้น ในหนังสือเซเปียนส์ประวัติย่อมนุษยชาติกล่าวไว้ว่า เพศผู้จะเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของพวกเรา การมีลูกมากก็จะยิ่งทำเพศผู้นั้นมีอำนาจที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มได้มากขึ้น ยิ่งมีลูกมากยิ่งทำให้มีโอกาสมาก ในขณะที่เพศเมียเมื่อมีลูกแล้วทุกอย่างจะจบและความรู้สึกทั้งหมดถ่ายโอนไปที่ลูกไม่ส่าจะเป็นความรัก ความห่วงใย สารอ็อกซิโทซินหลั่ง(ฮอร์โมนแห่งความรักความผูกพันธ์ความดีงาม) จะหลั่งออกมาตั้งแต่วันที่ให้กำเนิดทารกและจะคงอยู่แบบนั้นจนตนเองตายไป นี่เป็นกฎธรรมชาติและจะเห็นได้ว่านี่เป็นสัญชาตญาณเดิมตามธรรมชาติมีมานานมาก มีมาก่อนที่ระบบศีลธรรมและกฏหรือข้อบัญญัติต่างๆจะเกิดขึ้นเสียอีก
แม้เราจะเติบโตมาในยุคที่เฟื่องฟูไปด้วยศีลธรรม กฏและข้อบัญญัติทางสังคมและศาสนาที่หล่อหลอม(ล้างสมอง)ให้เราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ การมีชู้ มีกิ๊ก หรือคบซ้อนเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในสังคม แต่ถ้าหากเรามองตามความเป็นจริงแล้ว(จากประสบการณ์ส่วนตัวและจากที่ได้เห็นจากชีวิตคนอื่นๆ) มองดูคนรอบข้างที่มีแฟน มีชีวิตคู่ ทั้งที่แค่เป็นแฟนหรือแต่งงานกันไปแล้ว
.
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชีวิตคู่ของหลายๆคนต้องพบเจอกับปัญหาเช่นนี้ การคบซ้อน การนอกใจ และบางกรณีเลยเถิดไปถึงการนอกกายอีกด้วย ไม่แฟนไปมีกิ๊ก ตัวเองก็มีซะเอง แต่ส่วนมากที่เห็นอยู่หลัดๆกรณีแบบนี้จะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า
.
ในละคร ซีรีย์ นวนิยายหรือข่าวต่างๆ
เราต่างมีภาพและแสดงออกถึงการตัดสิน ด่าทอ ดูถูกและไม่ให้การยอมรับว่าพฤติกรรมการการคบซ้อนนอกใจและมองว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรทำและเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข บุคคลที่ทำนั้นจะมีความผิดบาปทั้งในทางศีลธรรมและทางสังคม และรวมไปถึงในทางจิตวิทยาด้วย
.
ไม่เพียงผิดในทางสังคมเท่านั้น การคบซ้อนจะทำให้ผู้ที่กระทำรู้สึกผิดในทางจิตวิทยา ส่งผลต่อสภาะจิตใจของทั้งสองฝ่าย ผู้กระทำอาจรู้สึกว่าต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกผิดที่มีของตนเองกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป ความรู้สึก "guilty" (ร๊้สึกผิด)
โดยสามารถสรุปได้คือสองวิธีด้วยกันที่ผู้ผิดพลาดมักนำมาแก้ปัญหาในภายหลังที่ปัญหาได้เกิดขึ้นไปแล้ว
1. รู้สึกผิด ปรับปรุง แก้ไข เริ่มต้นใหม่ทำตัวใหม่กับคนเดิม พยายามนึกถึงจิตใจของอีกฝ่าย ทบทวนแล้วแก้ไข จากนั้นก็ปรับความเข้าใจกันไปตามลำดับ
หรือ
2. รู้สึกผิดว่าตัวเองผิดสมควรได้รับการลงโทษ จึงลงโทษตัวเองโดยการที่เป็นฝ่ายเดินออกไปเอง โดยปล่อยให้ผู้หญิงชอกช้ำอยู่แบบนั้น
(ส่วนมากแล้วไม่รู้ว่าคนเขาชอบนิยมทำกันแบบไหนนะ?)
.
ในชีวิตจริง เราและเพื่อน(พวกเรา)ยังพูดคุย พูดแซวถึงบุคลอื่นในขณะที่ลับตาแฟน หรือพวกผู้ชายก็จะชอบแซวเรื่องสาวๆที่สวยๆ เอ่ยถึงสรีระที่สะโอดสะองของพวกเธอเหล่านั้น หนักหน่อยก็จะมีการยุแยงให้กับเพื่อนหรือที่เรียกว่า(พวกเรา)แล้วทำอะไรลงไปั ทำมันให้เหมือนเรื่องตลกจนเกิดปัญหาบานปลาย เราพูดเหมือนมันเป็นแค่เรื่องโจ๊ก อันนี้ไม่ได้ว่าใครนะแต่หมายถึงรวมๆ ...สุดท้ายก็เกิดปัญหาที่ไม่โจ๊กตามมา หรืออาจจะโจ๊กก็ได้...ความรู้สึกของอีกฝ่ายเละเป็นโจ๊ก
.
ทั้งที่จริงกว่านั้นไปอีก มีตัวอย่างให้เห็นมากมายว่าผู้มีอำนาจหรือความพร้อมทางสังคมและการเงิน ก็มักจะมีค่านิยมการมีเมียหลายคน มีอย่างออกหน้าออกตา จนตัวเราอดคิดไม่ได้ว่า #แล้วอย่างงี้เราจะดัดจริตกันไปทำไม สร้างกฏให้มันยุ่งยากทำไมในเมื่อสุดท้าย ผู้ชายก็มักทำตามสัญชาตญาณอยู่ดี ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนหรือบางศาสนาก็อนุญาติให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้และสนับสนุนด้วยซ้ำ
.
#สุดท้ายแล้วเกิดคำถามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในชีวิต สรุปแล้วการไปมีกิ๊กของผู้ชาย หรือการมีคนคุย คบซ้อนนั้น มันเป็นเรื่องผิดและไม่ควรทำจริงเหรอ ทั้งที่ชีววิทยานั้นได้ตั้งโปรแกรมให้สัตว์ตัวผู้บนโลกทุกชนิดมาแบบนี้คือมีหน้าที่สืบพันธุ์
.
แม้มนุษย์จะเรียกตัวเองว่าสัตว์ประเสริฐและพยายามปิดกั้นหรือรังเกียจสัญชาตญาณตามธรรมชาติของตนมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วเราก็ควบคุมมันไม่ได้อยู่ดีแม้ว่าเราจะสร้างความเชื่อต่างๆมาครอบงำจิตใจไว ้ แต่...มันก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุม
.
เขียนไปเขียนมาก็เกิดคำถามขึ้นมาอีกว่า....แล้วผู้หญิงในสังคมปัจจุบันที่ตกเป็นทาสของความเชื่อทางศีลธรรม และกฎของสังคมที่ว่า ต้องรักเดียวใจเดียว เชื่อในรักแท้ตลอดไป และค่านิยมการครองรักแบบคู่เดียวไปจนวันตายนั้น ขัดแย้งกับสิ่วที่เป็น นี่ทำให้เกิดความกดดันผู้หญิงมากขึ้น เป็นบ้าเป็นหลังมากขึ้น ด้วยภาพโฆษณาต่างๆกับชีวิตจริงมันย้อนแย้งกันเป็นอย่างมาก คำถามคือ...
.
#แล้วมนุษย์เพศเมียจะดำรงอยู่อย่างไรให้ทุกข์น้อยที่สุด กับความจริงที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมาและดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ดูโหดร้ายและเจ็บปวดเป็นอย่างมากเช่นนี้
.
ในเมื่อเราต่างพากันสร้างกฎทางสังคมและศาสนาขึ้นมา ซึ่ง...มันขัดกับหลักชีววิทยาของมนุษย์ และดูเหมือนว่าการปฏิบัติตามกฎที่เราเองเป็นผู้สร้างขึ้นมานั้นดูเหมือนว่ามันจะเหลาะแหละหละหลวมเป็นอย่างมาก
.
น่าสงสัยว่า พวกผู้ชายจะยอมได้หรือไม่หากให้แฟนหรือคนรักของตนเองทำแบบนี้บ้าง ทำแบบที่คุณทำบ้าง คุณจะสามารถทนทุกข์กับอะไรแบบนี้ได้หรือไม่
.
เอาจริงๆส่วนตัวไม่คิดว่าจะมีชาติหน้า เกิดมาแค่ชีวิตเดียว เราเองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์เพศเมียที่ตกเป็นทาสของระบบศีลธรรมและกฎเกณฑ์ทางสังคม เราอดไม่ได้ที่จะอินไปกับความเชื่อแบบที่ผู้หญิงหลายๆคนนั้นเชื่ิอ อยากมีความรักในฝันเหมือนที่หลายๆคนอยากมี ไม่อยากให้แฟนมีกิ๊ก มีชู้คนคุย ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น.... แม้ในใจจะรู้ดีว่าเราไม่อาจทัดทานสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้
.
#จะมีชีวิตอยู่อย่างไรให้ทุกข์ใจน้อยที่สุด กับความจริงที่โหดร้ายนี้???
.
ชีวิตการเกิดเป็นผู้หญิงดูไม่น่าเกิดและสิ้นหวังขึ้นมาทันที...
.
การคบซ้อน นอกใจ หรือนอกกายเป็นปัญหาที่ค่อนข้างส่งผลกระทบที่รุนแรงทางความรู้สึก ทั้งตัวผู้กระทำเองและผู้ได้รับผลกระทบ ทำให้เกิดบาดแผลทางใจ แล้วคุณไม่รู้หรอกว่าคนที่จ่อมจมกับสิ่งนี้มันทรมานแค่ไหน แผลมันลึกแค่ไหน เป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้ไปตลอดชีวิต เป็นปมที่ค้างคาอยู่แบบนั้น ไม่เพียงเท่านั้นมันยังทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบรู้สึกสั่นสะเทือนไปถึงคุณค่าของตัวเอง...
.
การคบซ้อนผลของมันคือทำให้ทุกข์ทรมานทั้งสอง หรืออาจจะสามฝ่าย ทำให้เหตุการณ์บานปลาย ผู้กระทำคุณอาจสนุกหรือตื่นเต้นในใจลึกๆ แต่อย่าลืมว่าผลที่จะตามมานั้นหนักหนาสาหัสไม่ใช่เล่นเลย ฉะนั้นแล้ว จริงอยู่ที่ว่าเราไม่่สามารถตัดขาดสัญชาตญาณตามธรรมชาติได้ แต่อย่าลืมว่ามนุษย์แจกต่างจากสัตว์เพราะเรามีจินตนาการ จินตนาการกำหนดกฎและข้อบัญญัติต่างๆไม่ว่าจะเป็นประเพณี หรือกฎหมู่ กฎหมายรวมไปถึงศีลธรรมในใจขึ้นมานั้นก็เพราะว่า ป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ในทุกๆเรื่องคุณไม่ทำตามกฎก็ได้ แต่อย่าลืมว่าคุณอยู่ในสังคมและกฎทำหน้าที่ของมันเสมอ...เมื่อมีคนผิดกฎ กฎก็จะทำหน้าที่ลงโทษโดยที่ผู้ที่ถูกกระทำไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเลย
ผู้เขียนเชื่อว่าลึกๆแล้วปัญหาทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนนั้นมีสาเหตุและที่มาที่ไปเสมอ การคบซ้อนไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะปัจจุยทางชีววิทยาเพียงอย่างเดียว อาจเกิดได้จากปัญหาสะสมของคู่รักที่ไ่ได้รับการสะสางหรือพูดคุย จนอาจทำให้อีกฝ่ายนั้นวิ่งหาความสบายใจโดยการออกไปหาเพื่อนหรือบางคนก็เลือกที่จะออกไปหาตัวเลือกอื่นๆท่สามารถสะสางปัญหา รับังและเข้าอกเข้าใจตนเองได้
ความสัมพันธ์ที่ดีและมีคุณภาพนั้นไม่มีอะไรจะเกินไปกว่าความเข้าอกเข้าใจกันหรอกนะคะ
-TearsThieyr-
โฆษณา