8 พฤษภาคม ที่ผ่านมาคือวันครบรอบ 7 ปีที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สุดยอดผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศวางมือจากการทำหน้าที่กุนซือของ “ปีศาจแดง” หลังอยู่คุมทีมในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มายาวนานกว่า 27 ปี และพา “ยูไนเต็ด” กวาดแชมป์ไปมากถึง 38 รายการ
.
อย่างไรก็ตามหลังจากป๋าวางมือ “ปีศาจแดง” ดูเหมือนเขาจะทิ้งรอยรั่วรูใหญ่เอาไว้กับสโมสร เพราะไม่ว่าจะเป็นกุนซือคนไหนที่เข้ามารับงานก็ไม่สามารถอุดรอยรั่วนั่นได้
.
ไม่ว่าจะเป็นเดวิด มอยส์ คนที่ป๋าเชื่อมั่นและเชื่อใจจนถึงขนาดบรรจงจิ้มเองกับมือก็เอาตัวไม่รอด แถมยัง โดนเชือดตั้งแต่ยังไม่ครบปีเลยด้วยซ้ำ
.
ไหนจะหลุยส์ ฟาน กัล หนึ่งในกุนซือระดับอาจารย์ กุนซือจอมปรัญชาที่เหมือนจะทำทีมได้ดีขึ้น ทว่าทำไปทำมาก็กลับมาวนลูปเดิม
.
ยังดีที่สองปีของอาจารย์หลุยส์ ยังมีแชมป์เอฟเอ คัพ ติดไม้ติดมือพอให้แฟนผีแดงชุ่มชื่นหัวใจบ้าง
.
ขนาดคนที่แฟนผีมั่นอกมั่นใจว่าจะเป็นคนที่พา “ยูไนเต็ด” กลับคืนความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งอย่างโชเซ่ มูรินโญ่ ยังไม่สามารถอุดรูรั่วรูใหญ่ที่เฟอร์กี้ทิ้งไว้อยู่
.
แม้ประวัติของเขานับตั้งแต่คุมปอร์โต้ มูรินโญ่ ไม่เคยพลาดแชมป์ลีกในการคุมทีมไหนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าสถิติอันสวยหรูของเขาก็มาจบสิ้นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
.
อย่างไรก็ตาม “จ่ามู” ยังช่วยให้ทีมมีถ้วยรางวัลติดไม้ติดมือตั้งแต่ปีแรกทั้งอีเอฟแอล คัพ และยูโรป้า ลีก
.
รวมถึงพาทีมจบรองแชมป์ในปีถัดมาแม้ว่าแต้มจะห่างจากแมนฯ ซิตี้ ทีมแชมป์ถึง 19 แต้มก็ตาม
.
แต่สุดท้ายด้วยสไตล์การคุมทีมรวมถึงความเป็นมูรินโญ่ ก็ทำให้เขาต้องจบกับ “ยูไนเต็ด” แบบไม่สวยงามซึ่งก็ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของเขาไปแล้ว
.
ขณะที่กุนซือคนปัจจุบันอย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ดูเหมือนเขาจะได้รับการสนับสนุนและการซัพพอร์ตอย่างเต็มที่จากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ยังไม่สามารถสรุปหรือทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่าเขาคือคนที่จะพา “ปีศาจแดง” กลับมาอยู่ยังจุดที่เคยอยู่ได้อีกครั้ง
.
หลายๆครั้งผลงานของทีมก็เหมือนจะดี แต่เล่นไปเล่นมาก็วนลูปกลับมาเล่นแย่ แต่พอเริ่มมีข่าวเตรียมโดนปลด ผลงานของทีมก็กลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง
.
โดยเฉพาะก่อนวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ของโซลชา กลับมาเล่นได้ยอดเยี่ยมจนมีลุ้นท็อปโฟร์รวมถึงมีลุ้นแชมป์ยูโรป้า ลีก อีกด้วย