15 พ.ค. 2020 เวลา 07:02 • ประวัติศาสตร์
ประธานาธิบดีผู้รอดชีวิตจากการตกเป็นอาหารของข้าศึก
จอร์จ เฮอร์เบิร์ท วอล์กเกอร์ บุช หรือ จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช (George Herbert Walker Bush or George H. W. Bush) ประธานาธิบดีคนที่ 41 แห่งสหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่งระหว่างปี ค.ศ. 1989 - ค.ศ. 1993 เป็นบิดาของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) ประธานาธิบดีคนที่ 43 แห่งสหรัฐอเมริกา
จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
เส้นทางชีวิตในการเป็นทหารของจอร์จเริ่มขึ้นหลังจากการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์อย่างฉับพลัน โดยกองบินของกองทัพเรือแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น ในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 จอร์จในวัย 17 ย่าง 18 ปี ได้เข้าสมัครเป็นทหารสังกัดกองทัพเรือสหรัฐฯ ในฐานะนักบินสำรอง ซึ่งก่อนหน้านั้นเขามีความคิดที่จะเข้าสมัครเป็นทหารในกองทัพแคนาดา แต่หลังจากเหตุการณ์การโจมตีในครั้งนี้ เขาได้เปลี่ยนใจและมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมกับกองทัพเรือสหรัฐฯอย่างเต็มที่
ฐานทัพเรือสหรัฐฯที่เพิร์ลฮาเบอร์หลังถูกโจมตี ในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนโดยรวมมากกว่า 3,700 ราย
1 ปีต่อมา จอร์จ ได้เป็นนักบินยศร้อยตรี ประจำการบนเรือ ซาน จาซินโตและได้ชื่อว่าเป็นนักบินที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น เขาได้เข้าร่วมในปฏิบัติการสำคัญๆอยู่หลายครั้ง และครั้งหนึ่งในภารกิจเหนือทะเลฟิลิปปินส์ เครื่องบินของเขาเกิดขัดข้องและไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้ เขาจึงนำเครื่องบินลงจอดบนพื้นน้ำและได้รับการช่วยเหลือโดยเรือพิฆาต ยูเอสเอส แคร์เลนซ์ เค บรอนสัน
จอร์จ ในชุดเครื่องแบบเต็มยศหลังสำเร็จการฝึกการบินจากโรงเรียนคอร์ปัส คริสตี้ รัฐเท็กซัส
ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1944 จอร์จได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญคือการนำกองบินทิ้งระเบิดไปทำลายสถานีวิทยุของญี่ปุ่นบนเกาะชิชิจิม่า เมื่อกองบินไปถึงยังเกาะชิชิจิม่าก็ได้ทำการทิ้งระเบิดใส่ฐานทัพและสถานีวิทยุของญี่ปุ่นได้สำเร็จ แต่เนื่องจากการต่อต้านทางอากาศอย่างหนักหน่วงของทหารญี่ปุ่น ทำให้เครื่องบินทิ้งระเบิดทั้งหมดถูกยิงตก จอร์จและนักบินคนอื่นๆได้ทำการสละเครื่อง จอร์จบังคับร่มชูชีพให้ตกลงบนพื้นน้ำแต่คนอื่นๆตกลงบนเกาะและถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไป จอร์จพยายามเอาชีวิตรอดในทะเลแต่กระแสน้ำพยายามพัดเขาเข้าหาฝั่งที่มีทหารญี่ปุ่นรออยู่ เขาพยายามแหวกว่ายทวนกระแสน้ำแต่ก็ไม่เป็นผล ทหารญี่ปุ่นที่อยู่บนชายหาดได้เห็นจอร์จกำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเล ก็ได้ส่งเรือลาดตระเวนชายฝั่งออกไปเพื่อจับตัวจอร์จแต่ก็ถูกเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯเข้าสกัดไว้ จากนั้นจอร์จได้รับการช่วยเหลือโดยเรือดำน้ำสหรัฐฯ ยูเอสเอส ฟินแบ็ค ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงพอดี จอร์จจึงรอดพ้นจากการถูกจับเป็นเชลยได้ในวันนั้น จากนั้นเขาก็ยังออกปฏิบัติภารกิจอีกหลายครั้งจนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง
เครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น TBM Avenger ที่ใช้ปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดในสมรภูมิแปซิฟิก
จอร์จ ในชุดปฏิบัติการภายในห้องคนขับของเครื่องบินทิ้งระเบิดอเวนเจอร์
จอร์จได้รับความช่วยเหลือโดยลูกเรือของเรือดำน้ำสหรัฐฯ ยูเอสเอส ฟินแบ็ค
หลายปีต่อมา จอร์จก็ได้ทราบความจริงของชะตากรรมของทหารที่ถูกจับไปในวันนั้นที่เกาะชิชิจิม่า หลังจากที่เขาได้อ่านหนังสือชื่อ ฟลายบอยส์ (Flyboys) เขียนโดย เจมส์ แบรดลี่ย์ (James Bradley) นักสืบสวนทางประวัติศาสตร์ ซึ่งได้อธิบายไว้ว่า ทหารญี่ปุ่นได้ทำการทรมานเชลยอย่างหนักและฆ่าตัดหัวเชลยเหล่านั้น จากนั้นนำเนื้อบริเวณต้นขาและตับ มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปปรุงอาหาร ให้พวกนายทหารรับประทานกัน โดยมีความเชื่อที่ว่า มันเป็นยาบำรุงอวัยวะภายในช่องท้องชั้นดี ซึ่งมีหลักฐานระบุไว้ชัดเจนในการพิพากษาคดีในสงครามเกาะกวม และลงในหนังสือพิมพ์ของอังกฤษชื่อ เดอะเทเลกราฟ (The telegraph)
นี่คือเหตุการณ์ที่ จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ไม่มีวันลืมในตลอดช่วงชีวิตของเขา ว่าครั้งหนึ่งเขารอดจากการตกเป็นอาหารของมนุษย์ด้วยกัน และเขาได้เคยพูดประโยคหนึ่งที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ไว้ว่า "ทำไมผมถึงรอดมาได้ พระเจ้ามีแผนการณ์บางอย่างกับผมอย่างนั้นหรือ ผมคิดว่ามันต้องเป็นโชคชะตาหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่เพื่อจะได้ทำบางสิ่งให้กับโลกใบนี้ ไม่มีเลยสักวันที่ผมจะไม่นึกถึงคนเหล่านั้น"
โฆษณา