ต่อมาในปี 2510 มีแกนนำมุสลิมในพื้นที่นำโดย นายยง ฟูอนันต์ นายสมพงษ์ อยู่อย่างไทย(เจ๋าจิ้งฟง) นายสุจิต ตรงเพียรเลิศ และพรรคพวก ก็ได้ดำริที่จะสร้างมัสยิดขึ้นเนื่องจากมัสยิดบ้านฮ่อ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการรวมตัวของมุสลิมในยุคนั้น อยู่ไกล ลูกหลานจะเรียนศาสนาต้องเดินทางไปเรียนกันที่นั้น ซึ่งเด็กเยาวชนมุสลิมหลายคนก็หมดโอกาสไปเรียนเนื่องจากระยะทางและการเดินทางไม่สะดวก
ปี2512 จึงสร้างมัสยิด ขึ้นมา ชื่อมัสยิดสันป่าข่อย เป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางในการทำอิบาดัตเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า และเป็นที่จัดการเรียนการสอนศาสนาให้กับเด็กเยาวชนในชุมชน โดยทำการเปิดมัสยิด ในปี 2513 มีจุฬาราชมนตรี ต่วน สุวรรณศาสตร์ .มาเป็นประธานในพิธีเปิด ตั้งแต่นั้นมา มัสยิดอัตตักวาชียงใหม่ ก็เจริญเติบโตขึ้นมาตามลำดับ มีพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ต่างๆ ย้าย เข้ามาซื้อที่ดิน เพื่ออยู่อาศัย จุดมุ่งหมายเพื่ออยู่ใกล้มัสยิดรักษาตนเองและครอบครัวให้อยู่ในศาสนา
ปี 2515 แกนนำจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนาชื่อโรงเรียนจิตต์ภักดี โดยทางมัสยิดขอซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ จากคุณแอนด์ เบน ลูกหลานของนายห้างบอร์เนียว มัสยิดอัตตักวาจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องมุสลิมในและนอกชุมชน และยังเป็นศูนย์กลางของการศึกษาศาสนาอิสลามในพื้นที่ภาคเหนือจวบจนวันนี้
ชุมชนแห่งนี้เรียกรวมๆ ว่าชุมชนบ้านวัดเกต ซึ่งเป็นชุมชนที่ มีผู้คน ที่มีความต่างด้านศาสนา อยู่ร่วมกันถึง 4 ศาสนา อาทิ พุทธ คริสต์ อิสลาม และซิกข์ ต่างอยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ด้วยความรัก ความสามัคคี และความสันติสุข จึงเป็นชุมชนตัวอย่าง ที่ผู้คนหลายพื้นที่เข้ามาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง และมัสยิดอัตตักวา เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเข้าใจในอิสลาม
การเลี้ยงละศีลอด จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยแต่ละวันจะมีผู้ใจบุญสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงอาหารละศีลอดตลอดทั้งเดือนรอมฎอนด้วยหวังความโปรดปรานและความพึงพอใจจากพระผู้เป็นเจ้า อีกทั้งยังเป็นการหลอมรวมพี่น้องในชุมชนได้มีโอกาสพูดคุย กินอาหารร่วมกันเกิดความรักความสามัคคีขึ้นในชุมชน
ชุมชนมุสลิมอัตตักวาเชียงใหม่จึงเป็นชุมชนหนึ่งที่น่ามาเยือน สัมผัสกับวิถี อันถือเป็นตัวอย่างในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม