Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PVD for Fun-สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
•
ติดตาม
16 พ.ค. 2020 เวลา 12:54 • ธุรกิจ
🤔 เราควรส่งเงินสะสมเท่าไหร่ดีนะ❓
คำถามนี้ เชื่อว่าสมาชิกกองทุนฯ หลายท่านคงเคยตั้งคำถามกับตัวเองกันมาบ้าง
ต้องเกริ่นก่อนว่า ปัจจุบัน ตามกฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกำหนดให้ลูกจ้างอย่างเราๆ จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนได้ในอัตราระหว่าง 2-15% ของค่าจ้าง
ที่เห็นช่วง% กว้างๆ แบบนี้ ก็เพื่อความยืดหยุ่นตามความต้องการและความสามารถในการออมของสมาชิกแต่ละราย
ถ้าเรามองในแง่การออมเงิน แน่นอนว่าการส่งเงินสะสมอัตราสูงสุด 15% ย่อมจะช่วยให้เรามีวินัยในการออมเงินได้อย่างดี
ไม่ผิดที่จะมองว่ายิ่งใส่เงินไปเยอะ ก็ยิ่งเป็นการออมเยอะ แต่สิ่งที่อยากให้พิจารณาเพิ่มเติมคือ เงินที่เราใส่ไปเยอะนั้น ช่วยทำงานหรือสร้างผลตอบแทนให้เรางอกเงยอย่างที่เราต้องการหรือไม่
ดังนั้น สิ่งที่สมาชิกกองทุนฯ ควรให้ความสำคัญเพิ่มเติม นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนที่เราใช้เป็นข้อพิจารณาหลักว่าจะส่งเงินสะสมเข้ากองทุนฯแต่ละเดือนกี่ % แล้ว
✔️สิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ นโยบายการลงทุนที่บริษัทเรามีให้เลือกลงทุน หรือที่ได้ยินกันคุ้นเคยคือ มีแผน Employee’s Choice แบบไหนบ้างนั่นเอง
เบื้องต้น อยากให้ลองไปเช็คดูก่อนว่า นโยบายการลงทุนที่คณะกรรมการกองทุนคัดกรองมาให้สมาชิกกองทุนฯ สามารถเลือกลงทุนได้นั้น มีนโยบายอะไรบ้าง ลองเช็คลิสดูกันหน่อยตามตัวอย่างว่ามีนโยบายที่หลากหลายพอมั้ย เช่น
✅นโยบายตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วเงินคลัง เงินฝากระยะสั้น
✅นโยบายตราสารหนี้ เช่น หุ้นกู้ภาคเอกชน
✅นโยบายผสม เช่น 30% ลงทุนในตราสารทุน 70% ลงทุนในตราสารหนี้
✅นโยบายตราสารทุน เช่น ลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนต่างๆ
📚ถ้าบริษัทเรามีทางเลือกให้เราลงทุนหลากหลายแบบนี้ เราก็สามารถเลือกแผนที่ตรงตามความเสี่ยง และตรงความต้องการของเราได้ไม่ยาก แนะนำให้ส่งเงินสะสมเข้าไปในกองทุนฯ ถึง 15% ได้เลย
📘แต่สำหรับบางบริษัท นโยบายการลงทุนมีแค่ 1 หรือ 2 นโยบาย หรือนโยบายยังไม่หลากหลายพอที่จะตอบโจทย์การลงทุนของเรา แล้วเราจะจัดการยังไงดีละ🤔
✳️ ทางเลือกแรก ขอให้คุณไปดูที่ข้อบังคับกองทุน ว่านายจ้างมีการจ่ายส่งเงินสมทบแต่ละเดือนให้อย่างไร เพราะแต่ละบริษัทนายจ้างจ่ายเงินสมทบตามเงื่อนไขที่แตกต่างกัน บางบริษัท นายจ้างจะจ่ายเงินสมทบ ล้อตาม%ที่สมาชิกส่งเงินสะสมก็มี
เช่น ถ้าคุณส่งเงินสะสม 5% นายจ้างก็สมทบ 5% ถ้าคุณส่งเงินสะสม 10% นายจ้างก็สมทบให้ 10% เช่นกัน ถ้าเป็นแบบนี้ แนะนำให้ส่งเงินสะสมไปเลยค่ะ 15% เพราะผลตอบแทนที่คุณได้แน่ๆ คือเงินจากนายจ้างอีกเท่าตัวเลยทีเดียว
ยิ่งถ้า 15% ที่เราส่งเงินสะสมทั้งปีแล้วยังไม่ถึง 500,000 บาท ก็เท่ากับว่าเราก็ยังมีวงเงินเหลือที่จะไปลงทุนเพิ่มใน RMF อีกก็ยังได้ ซึ่งไม่ผิดเงื่อนไขแต่อย่างใด
✳️ แต่ถ้านโยบายมีให้เลือกก็น้อย เงินสมทบก็ไม่ได้ล้อตามที่เราส่งเงินสะสม แต่สมทบให้ตามเงื่อนไขอื่น
เช่น ข้อบังคับกำหนดให้นายจ้างส่งเงินสมทบตามอายุงาน เช่น
นายจ้างจะสมทบให้ตามอายุงานดังนี้
อายุงาน น้อยกว่า 3 ปี นายจ้างสมทบให้ 3%
อายุงาน 3 ถึง 5 ปี นายจ้างสมทบให้ 5%
อายุงาน 5 ปี ขึ้นไป นายจ้างสมทบให้ 7%
หรือบางบริษัท นายจ้างสมทบให้อัตราเดียวเท่ากันหมดทุกอายุงานก็มี
ถ้าเป็นแบบนี้ เราอาจจะเลือกส่งเงินสะสมใน% ที่ไม่ต้องถึง 15% ก็ได้ หรืออย่างน้อย ทั้งปีควรส่งเงินสะสมรวมขั้นต่ำ 10,000 บาท เพราะสามารถนำเงินก้อนนี้ไปหักลดหย่อนได้ทั้งจำนวน 10,000 บาทนั่นเอง
สำหรับส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง และไม่เกิน 490,000 บาท ตามเกณฑ์ที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้ที่เสียภาษีนั้น อาจเลือกไปลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ที่มีนโยบายให้เราเลือกลงทุนได้หลากหลายมากกว่า แถมบางกองทุนยังมีนโยบายที่กระจายการลงทุนไปลงทุนต่างประเทศอีกด้วย
✴แต่ต้องบอกก่อนว่าวิธีนี้คุณต้องมีวินัยในการลงทุนระดับหนึ่งเลยนะคะ มิเช่นนั้น เช่น บางเดือนคุณลืม บางเดือนคุณนำเงินไปทำอย่างอื่น แผนเกษียณของคุณก็อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้ง่ายๆ เลยค่ะ
ถ้าเป็นแบบนี้แนะนำให้ส่งเงินสะสมเข้าไปในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามความสามารถที่คุณส่งได้สูงสุดเลยค่ะ อย่างน้อยเป็นการบังคับตัวเองให้ออมเงินค่ะ
ที่เล่ามาก็เป็นไอเดียหนึ่งที่นำมาเแชร์เท่านั้นนะคะ เผื่อมีประโยชน์และนำไปปรับใช้กับเงินลงทุนส่วนอื่นก็ได้ค่ะ
ต่อไปเดี๋ยวจะมาเล่า ในส่วนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ที่จะมาช่วยตอบโจทย์การลงทุนเพิ่มเติมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของเรา ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย