16 พ.ค. 2020 เวลา 08:00 • กีฬา
"ด้านมืดของ ไมเคิ่ล จอร์แดน"
ไมเคิ่ล จอร์แดน ได้รับการยกย่องจากหลายคนว่าเป็นนักบาสเกตบอลที่เก่งที่สุดตลอดกาล เขาคว้าแชมป์เอ็นบีเอ 6 สมัย กับ ชิคาโก้ บูลล์ส และรับรางวัลส่วนตัวนับไม่ถ้วนไปพร้อมกัน
.
ทุกคนต้องการ "เป็นเหมือนไมค์" ในยุค 80 และ 90 อย่างไรก็ดีตำนานยัดห่วงรายนี้ยอมรับด้วยตัวเองว่าไม่ได้เพอร์เฟคไปเสียทุกเรื่อง
.
ความสำเร็จของเขาในคอร์ตบาสเกตบอล และในโลกธุรกิจซึ่งเขาทำรายได้กว่า 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 6.7 หมื่นล้านบาท) นั้นไม่มีนักกีฬาคนไหนทาบได้ แต่ตลอดอาชีพของเขานั้น จอร์แดน ก็เคยเผย "ด้านมืด" ของเขาออกมา
** ต่อย สตีฟ เคอร์ **
ในยุค 1990 การฝึกซ้อมของทีมเอ็นบีเอนั้นเอาจริงเอาจังกว่ายุคโมเดิร์นมาก ในยุคนี้ผู้ได้รับเวลาเพิ่มขึ้นสำหรับการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายในการลงเล่นท่ามกลางโปรแกรมที่อัดแน่น
.
ในแคมป์ฝึกซ้อมของบูลล์ส ก่อนที่ซีซั่น 1995-96 จะเริ่มขึ้นนั้น จอร์แดนเพิ่งกลับมาจากการรีไทร์ช่วงสั้นๆ (1993-1994) เขาและ เคอร์ เล่นหนักใส่กันในการซ้อม จนถึงจุดที่ทะเลาะกันอย่างดุเดือดซึ่งจบด้วยการที่ เคอร์ โดนต่อยจนตาฟกช้ำ
.
ปัจจุบันทั้งคู่ไม่ได้ขุ่นเคืองกัน และ เคอร์ ซึ่งตอนนี้เป็นเฮดโค้ชของ โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส เชื่อว่าความจริงจังจนทะเลาะกันนั้นช่วยพวกเขาในระยะยาว
.
"ผมอยากจะบอกว่ามันช่วยเรื่องความสัมพันธ์ของเรา" เคอร์ บอกในการให้สัมภาษณ์กับ TNT "การฝึกซ้อมนั้นเข้มข้นมาก มันเป็นส่วนที่สำคัญของบูลล์ส และ ไมเคิ่ล สร้างมาตรฐานการเล่นของเราไว้"
.
"สำหรับผมในเคสนี้ ไมเคิ่ลนั้นทดสอบผมอย่างเห็นได้ชัด และผมโต้ตอบกลับ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองผ่านการทดสอบ ซึ่งเขาเชื่อมั่นในตัวผมเพิ่มขึ้นในภายหลัง"
.
เคอร์ บอกว่าการทะเลาะในการฝึกซ้อมนั้นเป็นเรื่องปกติมากกว่าที่ทุกคนคิดโดยเฉพาะในทีมที่เขาเล่นด้วย และเปิดเผยว่าเขาน่าจะทะเลาะกับไมเคิ่ล 3 ครั้งในซีซั่นนั้น แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า จอร์แดน ได้ทะเลาะกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นด้วยหรือไม่
.
หลังเหตุการณ์ต่อยกัน จอร์แดน และ เคอร์ คว้าแชมป์เอ็นบีเอร่วมกัน 3 สมัย ซึ่งรวมถึงโมเมนต์สำคัญที่ จอร์แดน ผ่านบอลให้ เคอร์ ชู้ตนำชัยเหนือ ยูท่าห์ แจ็ซซ์ ในรอบชิงปี 1997
** ปิดปากเงียบเรื่องปัญหาการเมือง **
แม้ จอร์แดน จะไม่ได้แชร์ความเห็นเรื่องการเมืองกับใคร แต่มีหลายคนที่รู้สึกผิดหวังที่เขาไม่ได้สนับสนุน ฮาร์วี่ย์ แกนท์ นักการเมืองผิวสี ในการลงชิงชัยตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภากับ เจสซี่ เฮล์มส์ ที่นอร์ธ แคโรไลน่า ซึ่งเขาอาศัยในวัยเด็ก
.
ตอนนั้นหลายคนคาดหวังว่า จอร์แดนซึ่งเป็นนักกีฬาผิวสีที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจะพูดต่อต้าน เฮล์มส์ ซึ่งมีความฉาวหลายอย่างทั้งการไม่เห็นด้วยเรื่องการมีวันหยุดเพื่อระลึกถึง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, การถูกกล่าวหาว่าเห็นด้วยกับการแบ่งแยกผิวสี รวมถึงต่อต้านกลุ่มคนรักร่วมเพศ
.
อย่างไรก็ดี จอร์แดนเลือกที่จะปิดปากเงียบ และทุกอย่างย่ำแย่ลงสำหรับแบรนด์รองเท้าของเขา เมื่อเจ้าตัวพูดว่า "พวกรีพับลิกันก็ซื้อรองเท้าสนีคเกอร์ของเขาเช่นกัน" ตอนที่ถูกถามว่าทำไมถึงนิ่งเงียบ
.
"เอ็มเจ" บอกภายหลังว่ามันเป็นการพูดขำๆ ในรถบัสของทีมบูลล์ส แต่ผู้คนเอาไปขยายอย่างจริงจังว่าเขาสนใจที่จะทำเงินจากรองเท้าไนกี้ของตัวเอง มากกว่าการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในสังคม
.
แม้แต่ บารัค โอบาม่า อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ก็ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ในการปรากฏตัวในหนังสารคดี "The Last Dance" ทางเน็ตฟลิกซ์
.
"สำหรับบางคนที่ตอนนั้นต้องการเห็นกฎหมายความเท่าเทียมกันของพลเมืองและชีวิตของสาธารณะ และรู้ว่า เจสซี่ เฮล์มส์ มีจุดยืนเช่นไร คุณคงต้องการเห็น ไมเคิ่ล มีบทบาทมากกว่านั้น" โอบาม่า กล่าว
.
จอร์แดนเผยว่าเขาได้บริจาคเงินสนับสนุนแคมเปญของ แกนท์ แต่เป็น เฮล์มส์ ที่คว้าเก้าอี้ในการเลือกตั้งปี 1990 และดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของนอร์ธ แคโรไลน่า ตั้งแต่ปี 1973-2003
** ความเป็นคู่อริกับ ไอเซห์ โธมัส **
ก่อนจะคว้าแชมป์เอ็นบีเอ 6 สมัย, จอร์แดนและบูลล์ส ต้องเป็นฝ่ายตามหลังความสำเร็จของ ดีทรอยต์ พิสตันส์ มาตลอดในช่วงแรก ทีมพิสตันส์ซึ่งได้ฉายา "แบดบอยส์" จากการเล่นเกมรับที่ก้าวร้าวรุนแรง นำทีมโดย ไอเซห์ โธมัส การ์ดจ่ายตัวเก่ง คว้าแชมป์เอ็นบีเอ 2 สมัยติดในปี 1989 และ 1990
.
พิสตันส์ รู้ดีว่า จอร์แดน เก่งแค่ไหน จึงคิดแผน "จอร์แดน รูลส์" เพื่อหยุดยั้ง พวกเขาจะตามก่อกวนเล่นหนักใส่จอร์แดน และให้ผู้เล่นหลายคนรุมประกบเพื่อไม่ให้ได้บอล จนมันนำไปสู่การที่ เอ็มเจ ต้องเพิ่มการเทรนนิ่งทำร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อต่อสู้ด้วยตัวเอง
.
ในปี 1991 บูลล์ส ล้างแค้นด้วยการกวาด พิสตันส์ ในเกมชิงแชมป์สาย (ชนะ 4-0 เกม) ทำเอาเดอะ แบดบอยส์ หัวเสียเดินออกจากคอร์ตก่อนเกมจะจบ และปฏิเสธที่จะจับมือกับผู้เล่นของบูลล์ส
.
ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ อีกในช่วงต้นอาชีพของจอร์แดนที่แสดงถึงความเป็นอริของพวกเขา รวมถึงการที่ โธมัส ไม่ถูกเรียกติด "ดรีมทีม" ทีมบาสโอลิมปิกปี 1992 ของสหรัฐฯ ซึ่งจอร์แดนอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ โธมัส เป็นยอดพอยท์การ์ดของยุคนั้น
.
"ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการเลือกตัวในตอนนั้น" โธมัส บอกใน "The Last Dance" "ผมอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องถูกเลือกแต่ผมกลับไม่ติดทีม"
.
แม้ว่า จอร์แดน จะปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ผู้คนต่างเชื่อว่าเขาเป็นคนที่ทำให้ ชัค เดลี่ เฮดโค้ชยูเอสเอ (และเป็นโค้ชของดีทรอยต์ในเวลานั้น) ไม่กล้าเรียก โธมัส ติดทีมไปเล่นที่ "บาร์เซโลน่าเกมส์"
.
นั่นเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ส่งทีมที่ใช้ผู้เล่นเอ็นบีเอลงแข่งโอลิมปิก "ดรีมทีม" เหนือกว่าคู่แข่งทุกทีมในปี 1992 และทีมบาสยูเอสเอก็คว้าเหรียญทองทุกเหรียญตั้งแต่นั้นจนถึงปี 2004
.
อย่างไรก็ดี จอร์แดน กล่าวชมคู่อริรายนี้ว่า "พอยท์การ์ดที่ดีที่สุดตลอดกาลคือ แมจิค จอห์นสัน และตามเขามาติดๆ คือ ไอเซห์ โธมัส ไม่ว่าผมจะเกลียดเขามากแค่ไหน แต่ผมเคารพการเล่นของเขา"
** ติดการพนัน **
จอร์แดนไม่เคยปิดเป็นความลับเรื่องที่ว่าเขาเอนจอยการพนันมายาวนาน จนมันกลายเป็นปัญหาบางช่วงในอาชีพของเขา แต่เจ้าตัวยังปากแข็งว่าไม่เคยมีปัญหาในเรื่องนี้
.
เหตุการณ์โด่งดังเกี่ยวกับการเล่นพนันของจอร์แดนคือในช่วงรอบชิงฝั่งตะวันตกปี 1993 ที่พบกับ นิวยอร์ค นิคส์
.
ในตอนที่เขาขอออกห่างจากบาสเกตบอลและความวุ่นวายของนิวยอร์ค จอร์แดนเดินทางไปที่บ่อนดัง แอตแลนติค ซิตี้ ซึ่งรายงานข่าวบอกว่าเขาเล่นพนันจนเลยเวลาพักผ่อน
.
"เรามีลิโมมารับ เราไปเล่นพนันไม่กี่ชั่วโมง และเรากลับมา" เอ็มเจ บอกใน The Last Dance "ทุกคนต่างบ้าคลั่ง มันไม่ได้ดึกมากเลย เรากลับที่พักตอนเที่ยงคืนครึ่งหรือตี 1"
.
อย่างไรก็ดี นิวยอร์คไทม์ส ตีข่าวว่ามีคนเห็นจอร์แดนที่บ่อนในเวลาตี 2 ครึ่ง และมันกลายเป็นจุดสนใจมากขึ้นเมื่อ บูลล์ส แพ้เกมสองในคืนถัดมาหลังการออกไปตะลุยบ่อนของจอร์แดน
.
นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่เขาเลือกที่จะไม่ไปทำเนียบขาวกับบูลล์ส หลังคว้าแชมป์เอ็นบีเอ ปี 1991 โดยเลือกไปเล่นพนันกับ เจมส์ "สลิม" บูเลอร์ เจ้าของร้านอุปกรณ์กอล์ฟ และเป็นผู้ค้าโคเคนที่มีคดี
.
จากนั้น ริชาร์ด เอสกิน่าส์ ได้ออกหนังสือชื่อ "ไมเคิ่ลแอนด์มี" ซึ่งตัวเอสกิน่าส์ยอมรับด้วยตัวเองว่าติดการพนันแต่เพิ่งเลิกได้ และได้เขียนในหนังสือถึงเรื่องปัญหาการพนันของเขากับจอร์แดน
.
เขายังอ้างด้วยว่า จอร์แดน ค้างหนี้เขา 1.2 ล้านเหรียญ (ราว 38 ล้านบาท) จากการเล่นพนันตีกอล์ฟ ซึ่งเอ็มเจปฏิเสธในเรื่องนี้ และเอสกิน่าส์บอกภายหลังว่าพวกเขาตกลงกันได้ด้วยการจ่ายคือ 3 แสนเหรียญ (ราว 9.6 ล้านบาท)
.
ผู้เล่นทีมบูลล์สเล่นไพ่กันบนเครื่องบินด้วยเงินจำนวนมากเช่นกัน ในการเดินทางไปแข่งหรือกลับจากการแข่ง และมีการเผยว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเสียเงินจากการพนันที่คาสิโนใน ลาส เวกัส ถึง 5 ล้านเหรียญ (ราว 160 ล้านบาท) ภายในคืนเดียว
.
จอร์แดนยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องการพนัน โดยบอกว่า "ไม่ เพราะผมสามารถหยุดเล่นได้ ผมมีปัญหาเรื่องติดการแข่งขันมากกว่า ผมติดการเอาชนะ"
** พูดจาข่มขวัญ / "บูลลี่" **
มันไม่ใช่เรื่องแปลกเรื่องการพูดคำหยาบคายในเกมกีฬา อย่างไรก็ดีบางที จอร์แดนพูดจาข่มขวัญคู่แข่งแบบเลยเถิดไปหลายครั้ง
.
เขาถูกกล่าวหาว่าไประรานใส่ บิลล์ คาร์ตไรท์ ตอนที่เขาย้ายมาร่วมทีมบูลล์ส เมื่อปี 1988 เข้ามาแทนที่ ชาร์ลส์ โอ๊คลี่ย์ ซึ่งเป็นเพื่อนของจอร์แดนที่ถูกเทรดสวนทางไป นิวยอร์ค นิคส์
.
เอ็มเจไม่ได้ใจดีกับผู้เล่นหน้าใหม่รายนี้แต่อย่างใด เขากล่าวหาว่าคาร์ตไรท์มีมือที่แย่ และมักส่งลูกห่วยๆ ให้เขาในตอนซ้อมเสมอ ซึ่งเขามักเน้นย้ำในเรื่องนี้กับทุกคน เขาตั้งฉายาให้คาร์ตไรท์ว่า "Medical Bill" แม้สุดท้ายคาร์ตไรท์จะช่วยให้บูลล์สคว้าแชมป์ 3 สมัยติด ในช่วงต้นยุค 90 ก็ตาม
.
เขายังตกเป็นข่าวว่าเรียก ร็อดนี่ย์ แม็คเครย์ ว่า "ไอ้ขี้แพ้" ในตอนซ้อม ตอนที่เขาย้ายมาร่วมทีมชิคาโก้ ในตำแหน่งฟอร์เวิร์ดสำรอง
.
เท่านั้นยังไม่พอ จอร์แดนยังเคยใช้คำพูดดูแคลน มักก์ซี่ โบกส์ ตอนที่เล่นกับ ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ เมื่อปี 1995 ซึ่ง จอห์นนี่ บัค อดีตผู้ช่วยโค้ชของบูลล์สบอกว่า จอร์แดนพูดดูถูกโบกส์ว่า "ชู้ตมันให้ลงสิ ไอ้คนแคระ!"
.
โบกส์ ซึ่งเป็นผู้เล่นที่เตี้ยที่สุดที่เคยลงเล่นในเอ็นบีเอด้วยความสูง 5 ฟุต 3 นิ้ว (160 ซ.ม.) พลาดการชู้ตลูกนั้นและเสียศูนย์ไปเลย โดยมีผลงานในเอ็นบีเอตกต่ำลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่โดนเอ็มเจ "บูลลี่" ไปในครั้งนั้น
เรียบเรียงจาก: Michael Jordan may be the greatest basketball player of all time but from punching his team-mate Steve Kerr and 'bullying' accusations to allegedly stopping Isiah Thomas from taking part in the Olympics, this is the real DARK SIDE of the Chicago Bulls icon: Daily Mail
#ไมเคิ่ลจอร์แดน #เอ็นบีเอ #ชิคาโก้บูลล์ส #วีว่าซอค #vivasoc
www.vivasoc.com เว็บฟุตบอลปลอดพนัน
โฆษณา