17 พ.ค. 2020 เวลา 16:33 • ประวัติศาสตร์
ยิ่งเปิด ยิ่งต้องรู้ ถ้าไม่รู้เราเสร็จแน่ๆ นี่คงเป็น Mindset ของญี่ปุ่นหลังโดนบังคับให้เปิดประเทศ ยิ่งเปิด ยิ่งรู้ว่าด้อยกว่าเขามาก จึงต้องเร่งพัฒนา
แม้ว่าจะเรียนรู้วิทยาการตะวันตกผ่านชาวดัชท์ในช่วงปิดประเทศสมัยโชกุนตระกูลโตกุกาวา แต่อันที่จริงแล้วโปรตุเกสเป็นเป็นชาวต่างชาติ ชนชาติแรกที่เข้ามาเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่น ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าการมาถึงของชาวตะวันตกครั้งแรกในญี่ปุ่น มีสาเหตุมาจากการเดินทางรอบโลกของมาเจลลัน บุรุษผู้ที่สร้างตำนานการเดินเรือรอบโลก แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้กลับไปยังประเทศสเปนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางก็ตาม(มาเจลลันสิ้นใจที่เกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ลองติดตามการเดินทางและการจบชีวิตรวมถึงความภูมิใจต่อการตายของเขาของชาวฟิลิปปินส์ได้ในโพสต์ด้านล่าง) เพราะเนื่องจากการเดินทางรอบโลกในครั้งนั้น ซึ่งมีเส้นทางผ่านมหาสมุทรแปซิฟิคได้ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นที่รู้จักของชาวตะวันตก
ในปี 1543 เวลาผ่านไป 21 ปีให้หลังจากการเดินทางรอบโลกครั้งนั้น ชายชาวโปรตรุกีส 3 คน ได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งการค้า การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ วิทยาการ และการประดิษฐ์ปืนไว้ในญี่ปุ่น ฟือร์เนา เมนเดส ปินโต(Fernão Mendes Pinto) คนนี้เคยมาที่กรุงศรีอยุธยาด้วย คริสโตเฟอร์ บอเรลโล (Christopher Borello) และ ดิเอโก เซเมโต ปินโต (Diego Zeimoto Pinto) ได้เป็นผู้แนะนำปืน Arquebus (ปืนคาบชุด ในภาษาไทย) ให้กับชาวญี่ปุ่น ซึ่งจังหวะที่มาก็มาถูกจังหวะพอดีเพราะขณะนั้นญี่ปุ่นกำลังอยู่ในยุคสงครามกลางเมือง (ยุค Sengoku Jidai "Age of Warring States 戦国時代) นั่นหมายความว่าปืนกำลังเป็นที่ต้องการ เนื่องจากมีการรบพุ่งกันระหว่างไดเมียวแคว้นต่างๆ เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในญี่ปุ่น บังเกิดเป็นเส้นทางการค้าประจำระหว่างญี่ปุ่นกับโปรตุเกสที่เมืองนากาซากิของตระกูลชิมาซึ (Shimazu Clan) ซึ่งเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นบนเกาะคิวชูในยุคสงครามกลางเมืองและเป็นตระกูลแรกๆ ที่หันไปนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งต่อมาก็จะเป็นหนึ่งในตระกูลตัวตั้งตัวตีในการปฏิรูปเมจิด้วย
Fernão Mendes Pinto ภาพจาก Wikipedia
โดยต่อมาไดเมียวผู้ซึ่งรวมญี่ปุ่นได้คือตระกูลโตกุกาวาที่หลังจากเสร็จศึกที่เซคิกาฮาระจึงสามารถรวมประเทศได้และดำเนินนโยบายปิดประเทศที่เคยกล่าวถึงในตอนที่ 1 เนื่องจากส่วนหนึ่งเกิดจากความระแวงชาวโปรตรุกีสที่ช่วยเหลือตระกูลที่เป็นปฏิปักษ์กับตนก่อนที่จะรวมประเทศได้เป็นปึกแผ่นและปกครองประเทศเป็นเวลายาวนานกว่า 200 ปี
ปืนคาบชุด (Arquebus) ภาพ Wikipedia
หลังจากที่ญี่ปุ่นเรียนรู้วิทยาการตะวันตกผ่านชาวโปรตุกีสและชาวดัทช์ ญี่ปุ่นที่ปิดประเทศได้ถูกบังคับให้เปิดประเทศอย่างแท้จริงในปี 1853 มายื่นคำขาด และกลับมาในปี 1854 เพื่อขอคำตอบโดยพลเรือจัตวา แมทธิว ซี. เพร์รี ผู้มาพร้อมกับกองเรือที่ชาวญี่ปุ่นสมัยนั้นเรียกว่ากองเรือทมิฬ (Black Ships) (ภายใต้สนธิสัญญาคานากาวะ สร้างความตื่นตระหนก และการตื่นตัวให้กับญี่ปุ่นได้รับรู้ความก้าวหน้าของตะวันตก โดยเหตุที่อเมริกาต้องบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศนั้นเนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเมืองท่าแรกที่จะเติมเสบียงและจอดเรือหากได้หากเดินทางข้ามมาหาสมุทรแปซิฟิคเมื่ออเมริกาต้องการเข้ามาทำการค้ากับเอเชียตะวันออก การที่ญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้เรือต่างชาติเข้าน่านน้ำจึงเป็นปัญหาอย่างมาก
กองเรือทมิฬหรือกองเรือสีดำ (黒船 ) ของเพร์รี 4 ลำประกอบด้วยเรือ Mississippi เรือ Saratoga เรือ Plymouth และเรือ Susquehanna สีดำหมายถึง สีของเรือ สีของควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของถ่านหิน ภาพ Wikipedia
การล่าอาณานิคมเกิดขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อเทคโนโลยีการเดินเรือได้พัฒนาขึ้นจากการพัฒนาของเครื่องจักรไอน้ำ เรือเดินสมุทรซึ่งเดิมใช้ลมและใบเรือในการเดินทาง ได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรไอน้ำ การเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ บนโลกกระทำได้ง่ายมากขึ้น ทำให้การติดต่อและเผยแพร่แนวความคิดรวมถึงการเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆ ทำได้ง่ายขึ้น
หลังจากเล่าเรียนศึกษาตำราฝรั่งจนกระทั่งแปลตำรากายวิภาคมาเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ตั้งแต่ปี 1647 (ก่อนที่จะโดนเปิดประเทศโดยเพร์รีเป็นเวลา 207 ปี หาอ่านได้ในตอนที่ 1)
ชาวญี่ปุ่นก็ได้เริ่มมีการพัฒนาด้านวิศวกรรม รถไฟเป็นส่วนสำคัญมากที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศในเอเชียชาติแรกและเป็นหนึ่งเดียวในเอเชียทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและยุคล่าอาณานิคม และคนที่เริ่มจุดประกายแนวคิดการมีรถไฟในญี่ปุ่นก็คือชาติตะวันตก ไม่ใช่ใครที่ไหนใช่แล้วครับ เพร์รี ผู้บังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศนั่นเอง และพลเรือเอกชาวรัสเซียอีกคน คือ Yevfimiy Putyatin สองคนนี้นำเอาโมเดลรถไฟจำลองมาโชว์ญี่ปุ่นยุคซามูไรถือดาบให้เห็นเป็นครั้งแรก และรถไฟนี่แหละที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจนำพาความเจริญ การเชื่อมโยงทรัพยากรในส่วนต่างๆ ของประเทศ โดยเฉพาะในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่มีการเคลื่อนที่ของสินค้าและวัตถุดิบเนื่องจากมีการเกิดขึ้นของโรงงานและแรงงานเป็นจำนวนมาก
เพร์รี ชาวอเมริกัน ซ้าย Putyatin ชาวรัสเซียน ขวา
ตอนต่อไปจะมาเล่าเรื่องการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องของคนญี่ปุ่นจนนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์โดยญี่ปุ่นเองและการพัฒนาตนเองอย่างก้าวกระโดดในการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการพัฒนาทางการทหาร (เปิดประเทศปี 1853 ซึ่งเป็นปีที่โดนบังคับเปิดประเทศ ปีนี้ตรงกับ พ.ศ.2396 ตรงกับปีพระบรมราชสมภพของ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 และต่อมาญี่ปุ่นจะเริ่มบุกจีนในปี 1894 ใช้เวลา 41 ปี) จากประเทศที่โดนบังคับให้เปิดประเทศจนกลายเป็นประเทศที่สามารถพัฒนาได้จนเป็นผู้ล่าอาณานิคมเสียเองและเป็นชาติเดียวในเอเชียที่รบชนะชาวตะวันตกได้
โปรดติดตาม กดไลค์ กดแชร์และร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เลยครับ แลกเปลี่ยนทัศนะกันได้ครับ ติดตามอ่านต่อได้ในตอนต่อไปครับ
#ประวัติศาสตร์ #ญี่ปุ่น #การปฏิวัติอุตสาหกรรม
References
หนังสือ Early Japanese Railway 1853-1914: Engineering Triumph that Transform Meiji-era Japan
โฆษณา