17 พ.ค. 2020 เวลา 14:00 • กีฬา
#แบบบาโลๆ
ง้างปากบาโลเตลลี่ ถึงเมื่อวาน/วันนี้/พรุ่งนี้
คงไม่ถึงกับหายหน้าหายตาเงียบฉี่ กลับตัวเป็นคนดีศรีสังคม
 
แต่ชัดเจนว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ในวัย 29 จะขึ้นหลัก 30 ในอีกไม่กี่สิบวัน ได้เรียนรู้ชีวิตมาเยอะ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจนน่าจะถึงวันที่ "นิ่ง" ได้เสียทีแล้ว
 
กับฉากชีวิตที่ เบรสชา ทีมบ๊วยเซเรีย อา ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อกลางปีที่แล้ว แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้ราบเรียบ ไหนจะฟอร์มทีมไม่ค่อยสู้ดี ไหนจะโดนแบนเป็นพักๆ ไหนยังจะมีโควิด-19 เข้าเล่นงานจนต้องหลบฉาก
 
แต่เหล่านี้ก็คือสิ่งที่ บาโลเตลลี่ ได้ก้าวไปพร้อมกับการเรียนรู้
 
และนานๆ ที ก็ได้มองย้อนไปยังภาพจำในอดีต
 
ซึ่งชายคนนี้ แน่นอนที่สุดว่าเต็มไปด้วย "เรื่องเล่า"
• บาโลกับต๊อตติ •
โคปปา อิตาเลีย 2009/10 นัดชิงชนะเลิศระหว่าง อินเตอร์ มิลาน กับ โรม่า เป็นทางงูใหญ่ที่เฉือนชัย 1-0 จากประตูโทนของ ดีเอโก้ มิลิโต้
 
แต่ผลการแข่งขันไม่เป็นที่จดจำเท่าจังหวะกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้นท้ายเกม ก่อนหมดเวลา 2 นาทีเศษ
 
บาโลเตลลี่ ได้บอลเลื้อยเดี่ยวที่สุดเส้นหลังซ้าย พลัน ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ วิ่งเข้ามาซัดเปรี้ยง
 
บอลไม่โดน โดนขาเต็มๆ -- ถ้าโดนจังๆ กว่านี้หน่อย หักได้ง่ายๆ เลย
 
"ถ้าผมมีปัญหาอะไรบางอย่างกับเขา ผมจะบอกเขาตรงๆ" บาโลว่า
 
"ตอนนั้น ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้สร้างปัญหา เขาทำผิดกติกาอย่างรุนแรง และเขาคู่ควรกับใบแดง ผมควรจะบอกอะไรเขาอีกล่ะ? ในเกมนั้นเขาต้องเจออะไรหลายอย่างมาก"
 
"เขาไม่ได้เอ่ยขอโทษผมในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ย้ำอีกทีว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวผม ผมไม่ใช่เป้าหมายของเขา"
 
"เขามีปัญหาอื่นในเกมนั้น ไม่เกี่ยวกับตัวผม ผมจำได้ว่าผมสวมกอดเขาหลังจากฤดูกาลนั้นจบลง เขาทำผิดพลาดและจ่ายค่าเสียหายทุกอย่างไปแล้ว"
 
"และเขาก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษในตอนนั้นด้วย"
• บาโลกับความลับ •
ใช่ที่ผลงานก็ไม่แย่ ยิง 17 ประตูกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่น 2011/12 และมีบทบาทสำคัญไม่น้อยในการฟาดแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกของสโมสร (และใช่ มีส่วนสำคัญกับประตูทองฝังเพชรลูกนั้นของ กุน อเกวโร่ 90+4)
 
เพียงแต่ความ "เปรี้ยว" ไม่รู้กาลเทศะของเขา ก็ทำให้คนที่พยายามอุ้มพยายามโอ๋มาตลอดอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ถึงกับเป่าปาก "น้าก็ไม่ไหวเหมือนกันว่ะ..."
 
นอกสนามก็แย่ ในสนามก็ยาก บาโลเตลลี่ หลุดกลายเป็นหัวหอกตัวเลือกที่ 4 รองจากทั้ง เซร์คิโอ อเกวโร่, เอดิน เชโก้ และ คาร์ลอส เตเวซ บทสรุปลงเอยจึงเป็นการเปิดประตู เอติฮัด สเตเดี้ยม เตะโด่งสตาร์อิตาเลี่ยนพ้นไปในช่วงท้ายตลาดหน้าหนาว ม.ค. 2013
 
เอซี มิลาน ยอมจ่าย 20 ล้านยูโร จับ บาโลเตลลี่ ทำสัญญา 4 ปี
 
ความลับที่คุณอาจเพิ่งรู้...
 
บาโลเตลลี่ กำลังจะเซ็นสัญญากับ ยูเวนตุส แชมป์เก่าเซเรีย อา ณ ตอนนั้น (กระทั่งกลายเป็น 8 ปีซ้อน ณ ตอนนี้) อยู่รอมร่อ -- ยูเว่ เวลานั้นคุมทีมโดย อันโตนิโอ คอนเต้ และที่จริงก็มีตัวเลือกกองหน้าเพียบอยู่แล้วทั้ง มีร์โก วูชินิช, ฟาบิโอ กวายาเรลล่า, เซบาสเตียน โจวินโก้, อเลสซานโดร มาตรี้ และ นิคลาส เบนท์เนอร์ แต่ก็ยังต้องการตัวใหม่เพิ่มอีก
 
เมื่อไม่ได้บาโล ม้าลายจึงหันหา นิโกล่าส์ อเนลก้า ด้วยสัญญายืมตัวจาก เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว แทน...
 
"อาเดรียโน่ กัลเลียนี่ ต้องการให้ผมย้ายไปที่มิลานหลังจากที่ผมไปยัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว แต่ผมกำลังจะย้ายไปที่ ยูเวนตุส และผมโอเคกับทุกสิ่งที่มันเป็น"
 
"แต่แล้ว กัลเลียนี่ ก็เข้ามาขวางทาง และเมื่อผมได้ยินว่ามิลานก้าวเข้ามา ผมก็ตัดสินใจได้ทันที"
 
"อย่างที่คุณรู้ ผมเป็นแฟนของมิลาน ดังนั้นผมจึงตามหัวใจไป ตอนนั้นมิลานอยู่แค่อันดับ 7 หรือ 8 ในตาราง ดังนั้นว่าไปแล้ว มันอาจเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่าหากผมจะไป ยูเวนตุส แต่ผมมีมิลานอยู่ในใจ"
 
"พูดตามตรง ผมก็ชอบอินเตอร์เหมือนกัน ส่วน ยูเว่ จะเป็นตัวเลือกที่เวิร์ค และผมพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่หลังจากนั้นผมก็ใช้หัวใจขีดเส้นทาง"
• บาโลกับจ่ามู •
ช็อตคลาสสิกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ยังถูกอ้างถึงเสมอเมื่อว่าถึง มาริโอ บาโลเตลลี่ - "มาริโอ โดนใบเหลือง (นัดพบ รูบิน คาซาน) ในนาทีที่ 42 เมื่อผมเข้าห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่ง ผมใช้เวลา 14-15 นาทีเพื่อคุยกับ มาริโอ คนเดียว"
 
"ผมบอกเขาว่า 'มาริโอ ฉันไม่สามารถเปลี่ยนนายออกได้ เราไม่เหลือกองหน้าแล้ว นายไม่ต้องเสียบสกัดใครทั้งนั้น เล่นแต่บอลไปอย่างเดียว"
 
15 นาทีของครึ่งหลัง... บาโลเตลลี่ โดนใบแดง
 
บาโลเตลลี่ ถึง มูรินโญ่ (อินเตอร์ มิลาน 2008-2010) : "เราไปด้วยกันได้ดี มีปะทะคารมกันบ้าง 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ขาดความเคารพต่อกันหรอก ที่หนักๆ มีแค่ครั้งเดียว ผมจำไม่ได้แล้วว่าทำไม แต่เขาดร็อปผมออกจากทีม 2 เกม นอกจากนั้นก็ถือว่าเราเข้ากันได้ดี"
 
"ผมจำได้ว่าหลังจากเราครองแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วเขาก็ก้าวขึ้นไปบนรถบัส ตอนนั้นผมหลับอยู่หลังรถ เขาไล่กอดทุกคนแล้วก็ร้องไห้ ซึ่งก็ทำให้พวกเขาร้องตามไปด้วย"
• บาโลกับยูโร •
ช่วงเวลาทองของ บาโลเตลลี่ ในสีเสื้ออัซซูรี่ ทีมชาติอิตาลี แน่นอนว่าคือ ยูโร 2012 ทัวร์นาเมนต์แรกสุดของหอกจอมสีสันในวัยเพียง 21 ขวบ
 
เซซาเร่ ปรันเดลลี่ มอบความไว้วางใจให้ บาโลเตลลี่ เป็นหัวหอกตัวจริงตั้งแต่แรก ประสานกับจอมแสบไม่แพ้กันอย่าง อันโตนิโอ คาสซาโน่
 
รอบแรกผ่านไปด้วยการที่ อิตาลี ตามหลัง สเปน เข้ารอบด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม และ บาโลเตลลี่ ยิง 1 ประตูในเกมชนะ ไอร์แลนด์ 2-0
 
น็อคเอาต์ ไฮไลท์อยู่ที่รอบตัดเชือก บาโลเตลลี่ ระเบิดฟอร์มเอกอุเป็นพระเอก เล่นงานแผงรับ เยอรมนี ที่มีทั้ง มัตส์ ฮุมเมิลส์, เยโรม บัวเต็ง, ฟิลิปป์ ลาห์ม และ โฮลเกอร์ บาดชตูเบอร์ จนกระเจิดกระเจิง
 
ลูกแรกโถมโขกจ่อๆ 6 หลา ลูกสองทะลุกับดักล้ำหน้าเข้าไปใส่เต็มข้อล่อเต็มแข้ง มานูเอล นอยเออร์ ได้แค่มอง และโลกก็ได้จดจำท่าดีใจ "รูปปั้นเทพบาโล" ในวินาทีฉลองประตู
 
"ในระหว่างเกมผมไม่ได้รู้สึกอะไรนัก แต่หลังจากนั้น มันตื้นตันมาก ผมไปกอดแม่ของผมที่อัฒจันทร์ และเธอไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้เลย"
 
"ผมต้องเอ่ยปากถาม ตกลงแล้วแม่จะพูดอะไรกับผมไหม หรือจะเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว? มันเป็นอะไรที่พิเศษมาก"
 
"ความผิดหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือนัดชิงชนะเลิศกับสเปน (แพ้ 4-0) เพราะเราไม่ได้เล่นแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ในวันนั้น ถ้าผมจะได้โอกาสแก้ตัวกับเกมนั้นอีกครั้ง ผมจะยินดีมาก"
• บาโลกับแดนน้ำหอม •
กอบกู้ชื่อเสียงกับ เอซี มิลาน ในสองซีซั่น 2012/13 กับ 2013/14 ด้วยการยิงรวม 30 ประตู แต่เมื่อ ลิเวอร์พูล ก้าวเข้าหาด้วยข้อเสนอ 16 ล้านปอนด์และโอกาสพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
 
ลงเอยด้วยความล้มเหลว...
 
บาโลเตลลี่ ไปด้วยกันไม่ได้กับแท็กติกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อย่างเห็นได้ชัด (28 นัด 4 ประตู) จนถูกปล่อยยืมกลับ มิลาน ในเพียงปีเดียว
 
ตามด้วยย้ายไป นีซ แบบไร้ค่าตัว -- หงส์ขาดทุนย่อยยับชนิดจ่ายเท่าไหร่ก็เจ๊งไปเท่านั้น
 
เพียงแต่การหลบมาอยู่ในลีกที่เล็กที่สุดในบรรดาบิ๊ก 5 ยุโรป ก็ถือเป็นการรีเซ็ตตัวเองที่ดีของ บาโลเตลลี่
 
26 ประตูในซีซั่น 2017/18 ภายใต้เครื่องแบบดำแดงของ นีซ กลายเป็นผลงานที่ดีที่สุดใน 1 ซีซั่น ตลอดเส้นทางค้าแข้งของตัวเขาเลยทีเดียว
 
"ผมมีแฟนๆ ที่แพสชั่นสูงมากอยู่ในทุกที่ แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้รักผม แต่ที่มีแพสชั่นมากที่สุดคือมาร์กเซย มันเหมือนกับกลุ่มแฟนบอลนาโปลีในทุกครั้งที่มุ่งหน้าสู่สนาม"
 
"เมื่อผมไปที่ นีซ ตอนปี 2016 ผมไม่มีข้อเสนอมากมายจากที่อื่น หรือไม่มากเท่าที่ผมเคยชิน มิโน่ ไรโอล่า บอกให้ผมไปที่นีซ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสโมสรฟุตบอลอยู่ที่นั่น แต่เมื่อผมไปถึง โอ้ มันเป็นเมืองที่งดงามมากเหลือเกิน"
 
"ตอนที่ผมย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล และมิลาน ผมได้รับบาดเจ็บแบบซ้ำๆ ผมจึงไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ในเวลานั้น ผมได้รับข้อเสนอจากสองสโมสรในพรีเมียร์ลีก และนีซ"
 
"แต่ตอนนั้น หัวใจผมไม่แข็งแกร่งอย่างที่ผมเป็นตอนนี้ ดังนั้นผมจึงไม่อยากที่จะอยู่ในอังกฤษต่ออีก ทุกคนที่ผมพบที่ นีซ ยอดเยี่ยมมากๆ ในทีมก็มีนักเตะดีๆ อยู่ พวกเขาไม่ใช่ทีมที่แย่เลย"
 
"ผมมีสองปีสุดมหัศจรรย์ที่นั่น แฟนตาสติก!"
• บาโลกับเบรสชา •
ถึงกับโทรศัพท์บอกข่าวดีกับคุณแม่ และคุณแม่ก็เกือบๆ จะปิดซอยฉลอง
 
เมื่อหลังจากการผจญภัยในต่างแดนได้พักใหญ่ ลูกชายตัวดีคนนี้ก็ถึงเวลา "กลับบ้าน" เสียที
 
เบรสชา ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นเซเรีย อา ในซีซั่นล่าสุดนี้ จับ บาโลเตลลี่ เข้าก๊วนด้วยสัญญาระยะยาว ไม่เผยตัวเลขจำนวนปี
 
เบรสชาจ๋า พี่มาแล้วจ่ะ... "Brescia, I'm here. #homecoming"
 
อย่างไรก็ตาม อย่างที่ขึ้นต้นเปิดหัวเรื่อง ฉากชีวิตในชุดน้ำเงินขาวใช่ว่าจะสวยหรู เบรสชา ตั้งหลักไม่ค่อยไหวในลีกสูงสุด 26 นัดผ่านไป (ก่อนต้องเบรคเพราะพระโค...พระโควิด) ชนะชาวบ้านได้แค่ 4 นัด อมบ๊วยแก้มตุ่ย แต้มห่างโซนปลอดภัยถึง 9 แต้ม
 
ส่วน บาโลเตลลี่ ลงสนาม 19 นัด ซัด 5 ประตู -- ไม่เลวร้าย
 
 
"ผมมีความสุขดีที่เบรสชา และผมไม่ต้องการย้ายออก เบรสชาเป็นเมืองของผม และผมได้อยู่ในสโมสรที่ยอดเยี่ยม มีกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยม และแฟนๆ ที่ไม่ธรรมดา"
 
"เราเจอความยากลำบากในฤดูกาลนี้ แต่มันก็เกิดขึ้นได้ในฟุตบอล แน่นอนว่าเราอยากจะทำให้ดีขึ้น แต่ฤดูกาลนี้พิสูจน์แล้วว่ามันยากมากสำหรับเรา"
• บาโลกับอนาคต •
ตอนนี้ 29 และกำลังจะ 30 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 12 ส.ค.
 
แม้ยังไม่ใกล้เคียงฉากสุดท้าย วันบอกลาอาชีพพ่อค้าแข้ง แต่ก็คงรอคอยอยู่ไม่ไกลนักแล้ว สี่ซ้าห้าปีไม่น่าเกิน
 
จึงควรถามว่า วันนี้ บาโลเตลลี่ มีแผนการสำหรับอนาคตแล้วหรือยัง?
 
"ผมไม่รู้เลย โนไอเดีย ถ้าผมจะเป็นโค้ช... ผมมีแคแรกเตอร์ที่ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นผมไม่รู้ว่าผมจะตอบสนองแบบไหนเหมือนกันถ้านักเตะเด็กๆ หยาบคายกับผม"
 
"ความหยาบคายทำให้ผมเป็นบ้า แต่สมมุติว่าถ้าผมตั้งใจจะทำมันจริงๆ บางทีผมอาจอยากทำงานกับเด็กๆ มากกว่านักเตะอาชีพ"
#มาริโอบาโลเตลลี่ #เบรสชา #วีว่าซอค #vivasoc
www.vivasoc.com เว็บฟุตบอลปลอดพนัน
โฆษณา