17 พ.ค. 2020 เวลา 23:00 • ข่าว
ลุง โพสต์ขอบคุณ "เจ้าสัว" กลุ่มทุน รวยขึ้น 76% สะท้อนความเหลื่อมล้ำ
16 พ.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ขอบคุณมหาเศรษฐีของประเทศ
หลังจากที่ได้มีการส่งจดหมายเปิดผนึกจากนายกฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตการระบาดของโควิด-19
เนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563
มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ทำหนังสือถึง 20 มหาเศรษฐีในประเทศไทยโดยจดหมายดังกล่าวลงวันที่ 20 เม.ย. มีข้อความระบุว่า
ประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรงของประเทศและของโลก ทำร้ายและทำลายชีวิต ความสัมพันธ์ทางสังคมและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นช่วงเวลาที่คนไทยและประเทศไทยต้องการความร่วมมืออย่างมากที่สุดจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนหรือองค์กรที่มีความรู้ ความสามารถมีความเข้มแข็ง จึงสื่อสารมายังท่านในฐานะเป็นผู้อาวุโสของสังคม
ผมขอให้ท่านทำเอกสาร นำเสนอสิ่งที่ท่านพร้อมจะทำเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทย โดยผมไม่ขอรับเป็นเงินบริจาค แต่ผมขอให้ท่านลงมือทำโครงการที่จะออกไปช่วยเหลือประชาชนคนไทยทุกกลุ่มทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาความทุกข์ร้อนของประชาชนทางด้านใดก็ตาม หรือด้วยวิธีการใดก็ตามขอให้เป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
รวมทั้งสิ่งใดที่ท่านเห็นว่ารัฐบาลจะช่วยอำนวยความสะดวก ให้กับโครงการนั้นได้ขอให้ท่านโปรดส่งมาให้ผมรับทราบภายในสัปดาห์หน้า ก็จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง
(16 พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ขอบคุณมหาเศรษฐีของประเทศ
หลังจากที่ได้มีการส่งจดหมายเปิดผนึกจากนายกฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตการระบาดของโควิด-19
โดยมีเนื้อหา ระบุว่า
ตามที่ผมได้มีจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีของประเทศ ขอให้ทุกท่านทำโครงการหรือกิจกรรมเพิ่มเติมตามที่เห็นสมควร เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยที่กำลังเดือดร้อนโดยตรงและเป็นรูปธรรม ซึ่งผมได้รับการตอบรับจากทุกท่านแล้ว ผมขอขอบคุณจากใจจริง ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนหรือมูลค่าโครงการที่ท่านทำ แต่ที่สำคัญมากกว่า คือการตอบรับจากทุกท่านที่พร้อมจะช่วยกันคนละไม้คนละมือออกไปบรรเทาความทุกข์ร้อนของพี่น้องคนไทย
สิ่งนี้ตอกย้ำว่าคนไทยนั้นมีความพิเศษ มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ความสามัคคี ความโอบอ้อมอารี และน้ำใจของคนไทยที่มีต่อพี่น้องร่วมชาติและผู้อื่นเป็นสิ่งพิเศษที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลกครับ
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายท่าน ซึ่งแม้จะไม่ได้รับจดหมายจากผม ก็ได้แสดงความพร้อมและเสนอตัวที่จะร่วมกันช่วยเหลือพี่น้องคนไทยและประเทศไทยของเรา รวมไปถึงพี่น้องประชาชนเองที่ได้พร้อมใจกันออกมาทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อแบ่งปันความสุขช่วยเหลือสังคม ตามที่ได้เห็นบนสื่อต่างๆ ในช่วงนี้
ผมมั่นใจว่าแรงสนับสนุนจากผู้อาวุโสของสังคมและผู้มีศักยภาพ จะเป็นอีกหนึ่งแรงกำลังสำคัญที่ผนึกเข้ากับแรงกำลังจากทุกภาคส่วนของสังคม ช่วยกันนำพาประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราให้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้
ผมขอชื่นชม และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเดินหน้าทำโครงการหรือกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป ให้สำเร็จลุล่วงตามเจตนารมย์อันดีงามของท่าน ขอบคุณครับ #ประเทศไทยต้องชนะ
กลุ่มทุน-ผู้อาวุโส
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ)
ระบุสาเหตุความเหลื่อมล้ำว่า
คนที่มีส่วนร่วมทางการเมืองไทยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 76 เปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมา 24 ตระกูลธุรกิจที่ไปร่วมลงนามยุทธศาสตร์ประชารัฐ ตั้งกรรมการประชารัฐ 12 ชุด มีนักธุรกิจรายใหญ่
อาทิ กลุ่มนายแบงก์ กลุ่มปูนซีเมนต์ กลุ่มน้ำเมา กลุ่มโรงแรม
เข้าร่วมกำหนดทิศทางธุรกิจ เปิดประตูให้นักธุรกิจมาบริหารประเทศ เปิดเสือให้เข้าไปในห้องเนื้อสด ถือเป็น 24 ตระกูลที่เป็นพันธมิตรประชารัฐ
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือปี 2562 มีการประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิต พวกเหล้า เบียร์ หวังให้คนเลิกเหล้า เบียร์
ประกาศปุ๊บวันรุ่งขึ้นเหล้าเบียร์ขึ้นราคาทันทีจาก 31 บาทต่อขวด พุ่งเป็น 60 บาท ต่อขวด เอื้อประโยชน์หรือไม่ นี่คือประชารัฐที่เอาเสือไปอยู่กับเนื้อ เอาเอกชนมาพ่วงกับรัฐบาล ตัดประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วม แต่กลุ่มทุน 24 กลุ่มได้งานมหาศาล
ข้อวิจารณ์
มีการตั้งคำถามในวงกว้างว่าการที่รัฐบาลบอกว่าที่รัฐบาลตัดงบทุกกระทรวง10% เพื่อช่วยผู้ได้รับผลกระทบ โควิด-19 นั้น
ทุกกระทรวงมีงบเท่ากันหรือไม่ และ มีหน้าที่ที่แตกต่างกันใช่หรือไม่
คนรวยเหล่านี้คือผู้อาวุโส? เพราะร่ำรวยจึงเป็นผู้อาวุโส?
ทำให้ต้องได้รับความเกรงอกเกรงใจจากหน่วยงานของรัฐฯ
จดหมายเปิดผนึกข้างต้นไม่ได้กล่าวขอสนับสนุนเงินโดยตรง
แต่ขอให้ออกเงินเพื่อตอบสนองนโยบายอยู่ดี
โฆษณา