19 พ.ค. 2020 เวลา 04:01 • ครอบครัว & เด็ก
รีวิวหนังสือ รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว
บทความนี้จะมารีวิวหนังสื่อหนึ่งเล่มที่ไม่มีวันตกเทรนด์ และเป็นคู่มือที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยเมื่อชีวิตได้ก้าวเข้ามาสวมบทบาทใหม่และมีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ให้ต้องร้ับผิดชอบนั่นคือบทบาทหน้าที่ของการเป็น คุณพ่อ คุณแม่ และแน่นอนว่า ทุกครอบครัวย่อมมีเป้าหมายในการเลี้ยงสมาชิกใหม่ของครอบครัวเพื่อให้เติบโตมาเป็นคนทีีมีคุณภาพคนหนึ่งของสังคม แต่เราควรจะดูแลฝึกฝนเค้าในช่วงเวลาไหนละถึงจะเหมาะสม ต้องรอให้เติบโตจนถึงวัยที่พร้อมจะเรียนรู้ สื่อสารโต้ตอบกันได้รึเปล่า หรือต้องรอจนถึงวันที่เข้าไปศึกษาในโรงเรียนก่อนดี ช่วงเวลาที่กล่าวมาในเบื้องต้นนั้นคงจะเป็นองค์ความรู้เดิม ๆ ที่เราได้รับต่อกันมาแต่หนังสือเล่มนี้อาจจะเปลี่ยนวิธีในการคิดและการส่งเสริมเด็ก ๆ ของครอบครัวคุณไปเมื่อคุณได้ลองอ่านหนังสือเลี้ยงลูกตามวิถีของคนญี่ปุ่นเล่มนี้ที่มีชื่อหน้ังสือว่า
"รอให้ถึงอนุบาล ก็สายเสียแล้ว" เป็นชื่อหนังสือที่ค่อนข้างยาว แต่ก็แฝงไปด้วยความพิศวงชวนให้น่าค้นหา ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้เริ่มต้นตั้งแต่หน้าปกหนังสือตรงชื่อและตำแหน่งของผู้เขียนเลยที่เดียว
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย มาซารุ อิบุกะ ประธานกิตติมศักดิ์ผู้ก่อตั้งบริษัทโซนี่ ใช่แล้วครับอ่านไม่ผิดแน่นอน ผู้เขียนคือผู้ก่อตั้งบริษัทโซนี่ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่คุ้นหู และอยู่คู่ประเทศไทยมายาวนานมาก ภาพในความทรงจำของเราเมื่อเอ่ยชื่อของ โซนี่ ก็คงจะเป็นบรรดาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายรูปแบบที่เราได้ใช้งานกัน แต่เมื่อบริษัทประสบความสำเร็จมากพอ แทนที่ผู้เขียนจะใช้เวลาไปกับเงินทองที่มีอย่างมากมาย แต่กลับให้ความสนใจกับการพัฒนาเด็กเล็ก ๆ ให้เฉลียวฉลาดและเป็นคนดี หนังสือเล่มนี้จึงเป็นคู่มือในการสร้างและพัฒนาเด็กคนหนึ่งให้เติบโตได้อย่างเต็มที่ในศักยภาพที่เค้าซ่อนเร้นเอาไว้แต่เราไม่เคยรู้มาก่อน หนังสือเล่มนี้จึงเปรียบเสมือนมรดกที่ ท่านผู้เขียนได้ทิ้งไว้บนโลกใบนี้เพื่อช่วยไขความลับที่ใยประสาทของเซลล์สมองควรจะได้รับการกระตุ้นและพัฒนาทั้งจากการสัมผัส การได้กลิ่น ได้ยิน ได้รับรู้รส และโดยเฉพาะความรักจากแม่ที่จะช่วยส่งเสริมให้ใยประสาทของเซลล์สมองนั้นงอกงาม
หนังสือเรื่อง "รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว" เล่มนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมือปี พ.ศ.2514 และได้ถูกตีพิมพ์ซ้ำอีกนับครั้งไม่ถ้วน และเมื่อปี 2544 ก็ได้ถูกตีพิมพ์เป็นภาษาไทย โดยถูกแปลและเรียบเรียงโดย ธีระ สุมิตร และ พรอนงค์นิยมค้า ปัจจุบันยังคงถูกตีพิมพ์และวางจัดจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำต่าง ๆ หน้าปกหนังสืออาจจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เนื้อหาภายในยังทรงคุณค่าอยู่เช่นเดิม
ส่วนผู้เขียนนั้นได้หนังสือเล่มนี้มาเมื่อตอนภรรยาได้ตั้งครรภ์ลูกคนที่ 1 ซึ่งได้รับมอบมาจากคุณแม่และเมื่อได้อ่านก็ทำให้เกิดความสนใจและนำมาปฏิบัติกับลูกของผู้เขียนเอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นค่อนข้างน่าประทับใจและรู้สึกเสียดายแทน อีกหลาย ๆ ครอบครัวที่ต้องพลาดโอกาสในการพัฒนาเด็กเล็ก ๆ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาที่แท้จริง
หนังสือเล่มนี้เหมือนจะเป็นหนังสือแนววิชาการ ซึ่งอาจจะดูแล้วไม่น่าสนใจและน่าเบื่อหน่ายในการอ่านและทำความเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วการใช้ภาษาของหนังสือเล่มนี้ในการเขียนนั้นค่อนข้างที่จะเข้าใจได้ง่ายไม่มีการใช้ภาษาที่ซับซ้อนและเป็นเชิงวิชาการเลย เชื่อว่าจะเผลออ่านจนจนความยาวของหนังสือ 145 หน้าได้อย่างง่ายดาย
เนื้อหาในหนังสือ จะถูกเขียนเหมือนเป็นเคล็ดลับสั้น ๆ 100 ข้อในการพัฒนาเด็กเล็ก และถูกจัดเข้าเป็นหมวดหมู่ทั้งหมด 5 ตอนด้วยกัน
ตอนที่ 1 ศักยภาพ (ความสามารถเป็นไปได้) ข้อที่ 1 - 15
ตัวอย่างข้อคิดที่ได้จากตอนที่ 1 เข้มงวดในวัยเด็ก และปล่อยอิสระเมื่อเติบโต ไม่ควรทำผิดเวลา
ตอนที่ 2 สภาวะเป็นจริงของการเรียนรู้ ในระยะปฐมวัย ข้อที่ 16 -25
ตัวอย่างข้อคิดที่ได้จากตอนที่ 2 ห้องทีว่างเปล่ามีผลร้ายต่อเด็กเล็ก และส่งผลต่อการพัฒนาทางสติปัญญา
ตอนที่ 3 สิ่งดีสำหรับเด็กเล็ก คืออะไรบ้าง ข้อที่ 26 - 45
ตัวอย่างข้อคิดที่ได้จากตอนที่ 3 การทะเลาะกันช่วยให้เด็กรู้จักเข้าสังคม และรู้จักคิดในทางสร้างสรรค์
ตอนที่ 4 หลักในการฝึกเด็ก ข้อที่ 46 - 85
ตัวอย่างข้อคิดที่ได้จากตอนที่ 4 สำหรับเด็กเล็ก หนังสืออาจไม่ใช้อ่าน แท่งไม่อาจไม่ใช้เรียง
ตอนที่ 5 บทบาทของแม่ ข้อที่ 86 - 100
ตัวอย่างข้อคิดที่ได้จากตอนที่ 5 ถ้าจะเปลี่ยนลูก พ่อ แม่ ต้องเปลี่ยนตัวเองเสียก่อน
และทั้งหมดนั้นคือตัวอย่างบางส่วนของหนังสือที่แสนทรงคุณค่าเล่มนี้ ถ้าคุณกำลังมองหาของขวัญดี ๆ ซักชิ้นเพื่อมอบให้กับคุณพ่อและคุณแม่ มือใหม่ ก็ลองพิจารณาหาซื้อหนังสือ "รอให้ถึงอนุบาล ก็สายเสียแล้ว" เป็นของขวัญแสดงความยินดีกับ ครอบครัวใหม่เพื่อให้สมาชิกตัวน้อยคนนั้นได้รับการพัฒนาอย่างเต็มประสิทธิภาพที่เค้ามี เหมือนที่ผู้เขียนได้รับมอบหนังสือเล่มนี้มาจากคุณแม่เช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุดนี้ขอให้ทุกครอบครัวที่ได้อ่านบทความนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและมีรอยยิ้มในทุกการพัฒนาและเติบโตของหนูน้อยที่บ้านนะครับ
รีวิวหนังสือทาง Youtube
ช่องทางติดตามผลงาน :: https://creators.trueid.net/@28871
โฆษณา