20 พ.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ซาเน็ตติ - ซื่อกินไม่หมด ]
ปี 2010 หรือบิดเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ได้รับรางวัลนักเตะแบบอย่างที่ดีของลีกอิตาลี
รางวัลนี้ชื่อว่า เปมิโอ ชีแรร์ จะลงคะแนนโดยนักข่าวสายกีฬา โดยมีเงื่อนไขที่ว่านักเตะคนนั้นอายุต้องเกิน 30 ปี ผ่านประสบการณ์และสร้างคุณงามความดีสมควรแก่การยกย่อง
ที่มาของรางวัลเพื่อเป็นเกียรติกับ กาเอตาโน่ ชีแรร์ อดีตกองหลังทีมชาติอิตาลีระดับตำนาน ผู้เคยรับใช้ยูเวนตุสมาอย่างซื่อสัตย์ มีส่วนผลักดันนำไปสู่แชมป์โลกปี 1982
จากนั้นในปี 1989 ชีแรร์ ที่รับตำแหน่งผู้ช่วยของ ดิโน่ ซอฟฟ์ ในทีมยูเว่ ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียชีวิตอย่างน่าเศร้า ดังนั้นรางวัลดังกล่าวจึงเป็นตัวแทนเพื่อจะได้รำลึกถึง
นับตั้งแต่มอบกันมาในปี 1992 ล้วนแต่เป็นแข้งอิตาเลี่ยนทั้งสิ้นได้รับ แม้จะมีการเปิดแบบโอเพ่นก็ตาม ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคนอิตาเลี่ยนมีความเป็นชาตินิยมสูงลิบอย่างที่รู้กัน
ฟรังโก้ บาเรซี่ , โรแบร์โต้ บาจโจ้ , เปาโล มัลดินี่ , จานฟังโก้ โซล่า หรือ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ล้วนแต่เคยได้รางวัลนี้ไปประดับเกียรติยศ
กระทั่งปี 2010 ซาเน็ตติ เข้าวินอย่างใสสะอาด กวาดไปเอกฉันท์ 231 คะแนนจาก 371 เสียงที่ร่วมโหวต สะท้อนภาพความยิ่งใหญ่อย่างชัดเจน
การแหกจารีตและเอาชนะความรู้สึกคนอิตาเลี่ยนได้นั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา ถ้าไม่เจ๋งจริงอย่าหวังเลยว่าจะมาถึงจุดนี้
ต่อให้ ซาเน็ตติ มีเชื้อสายอิตาเลี่ยนก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ทุกอย่างเกิดจากการกระทำของเขาล้วนๆ
สิ่งที่ทำให้ ซาเน็ตติ ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับ นอกเหนือจากเรื่องของฝีเท้า ทัศนคติอันดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นยามซ้อมและอยู่ในสนามแล้ว
จิตใจอันหนักแน่นมั่นคง เต็มไปด้วยความภักดี ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่สนับสนุนอีกทาง
เรื่องนี้พิสูจน์ได้เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ช่วงฉายแววมีแมวมองหลายสโมสรมาเลียบ ที่ดูจริงจังกว่าใครเห็นจะเป็นอินดิเพนเดียนเต้หนึ่งในยักษ์ใหญ่แห่งบูเอโนส ไอเรส
อย่างไรก็ตามเขายอมปฏิเสธ เพียงเพราะตกลงปากเปล่าหรือมีสัญญาใจให้ไว้กับตาเรเรสทีมเล็กๆในระดับดิวิชั่นสอง
จริงๆเดิมที ซาเน็ตติ ไปคัดตัวกับอินดิเพนเดียนเต้ก่อนด้วย ปักหลักอยู่ในทีมเยาวชนมาก่อน ตอนนั้นเขาถูกมองข้ามด้วยเหตุผลตัวเล็กเกินไปและยังคงมีความรู้สึกที่ไม่ดีนัก พอได้ข้อเสนอในเวลาต่อมาเลยคิดว่าพวกทีมใหญ่ๆมักไม่ค่อยให้ความจริงใจ
กระทั่งปี 1993 เขาโยกไปยังแบนฟิลด์ที่ใหญ่กว่าเดิม พร้อมทั้งแสดงถึงพัฒนาการที่โตแบบพรวดพราดในตำแหน่งแบ็กขวา จนถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่ในอีกไม่ถึงหนึ่งปีต่อมา
แน่นอนสองมหาอำนาจทั้งโบคา จูเนียร์สและริเวอร์เพลทต่างมาเคาะประตูแบนฟิลด์ เพื่อเจรจาคว้าไอ้หนุ่มแบ็กขวาหน้ามนไปร่วมทัพด้วย
ประธานของแบนฟิลด์เรียก ซาเน็ตติ เข้ามาคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมใจกว้างให้นักเตะเลือกอนาคตได้เองเลย ในเมื่อมีสองสโมสรยักษ์ใหญ่ในประเทศต้องการตัว หมายความว่าโอกาสมาแล้วต้องรีบคว้าไว้
อย่างไรก็ตามเวลานั้น ซาเน็ตติ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าอยากจะตอบแทนแบนฟิลด์ ซึ่งคอยช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างเต็มที่ สำคัญเหนืออื่นใดคือกล้าให้โอกาสเด็กโนเนมอย่างเขา กระทั่งสามารถพิสูจน์ตัวเองได้
คำตอบของ ซาเน็ตติ ทำเอาท่านประธานแปลกใจมากๆ ถามย้ำอีกครั้งด้วยว่าแน่ใจแล้วหรือ
เมื่อได้เห็นหัวใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ จึงไม่อยากบังคับอะไรอีกต่อไป มองดูการเติบโตของแข้งรายนี้ด้วยความปลาบปลื้ม
พฤติกรรมอย่างหนึ่งของ ซาเน็ตติ ซึ่งเป็นที่รู้กันของเพื่อนๆและพี่ๆในแบนฟิลด์คือ จะมาถึงสนามซ้อมก่อนใครและกลับคนสุดท้ายเสมอ
การได้ติดธงทีมชาติเปิดประตูโอกาสของ ซาเน็ตติ ให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มมีแมวมองจากอิตาลีและสเปนมาส่องอยู่บ่อยหน
อินเตอร์ มิลานดูจะจริงจังกว่าใครทั้งหมด เพราะมีการต่อสายมาถามถึง 2-3 ครั้งด้วยกัน ไม่ใช่แค่มาแบบโยนหินถามทาง หวังจะได้แค่ไม่จ่ายแบบเหมาะสม
ตอนนั้น มัสซิโม โมรัตติ เพิ่งขยับขึ้นมานั่งแท่นประธานของพญางูใหญ่ ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องพาสโมสรแห่งนี้ผงาดเทียบยูเวนตุสและเอซี มิลานให้ได้
เดิมที โมรัตติ ตั้งใจส่งแมวมองไปดู อาเรียล ออร์เตก้า ยังบลัดทีมชาติอาร์เจนตินา นี่คือเพลย์เมคเกอร์ผู้ถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง
แต่แมวมองคนนั้นบอกว่า ออร์เตก้า ผลงานอยู่ในระดับธรรมดา ไม่ได้เปล่งประกายอย่างที่คาดหวัง
ผิดกับแบ็กขวาดาวรุ่งคนหนึ่ง ซึ่งเล่นได้ดุดันเกรี้ยวกราด เด่นทั้งเกมรุกและรับ ซึ่งหาไม่ได้ง่ายนัก
นอกจากนี้พละกำลังยังเพียบพร้อม เติมได้ตลอด 90 นาที วิ่งขึ้นวิ่งลงแบบไม่กลัวหมด
หลังจากนั้นไม่นาน โมรัตติ บินมาอาร์เจนด้วยตัวเอง เพื่อหวังจะเซ็นสัญญา เซบาเตียน แรมเบิร์ต กองหน้าอันเปรียบเหมือนดาวดวงใหม่ของอินดิเพนเดียนเต้
แรมเบิร์ต รุ่นเดียวกับ ซาเน็ตติ จัดอยู่ในโหมดอนาคตของทีมชาติอาร์เจนตินาด้วยกัน ยิงประตูคมกริบและทรงพลัง
พอได้เห็นฟอร์มของ ซาเน็ตติ อีกคนและศึกษาดูเทปเพิ่มความมั่นใจ ก็ชี้นิ้วเปรี้ยงเลยว่าจะคว้าทีเดียวแพ็กคู่เลย เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา
เมื่อได้รับข้อเสนอ ซาเน็ตติ เกิดลังเลและสับสนใจไม่น้อย ยอมรับว่ากลัวที่จะต้องออกไปค้าแข้งอย่างต่างแดน
อย่างไรก็ตามพ่อและท่านประธานของแบนฟิลด์ สนับสนุนอย่างเต็มที่ บอกนี่เป็นโอกาสดีสุดแล้ว
ด้วยความที่ครอบครัวเป็นชนชั้นแรงงาน พ่อเป็นช่างก่ออิฐคนงานก่อสร้างได้เงินรายวัน แม่เป็นพนักงานทำความสะอาดหาเช้ากินค่ำและตัวเองก็ไม่ได้มีเงินค่าจ้างเยอะสักเท่าไร แค่พอจุนเจือได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
เมื่อคิดว่าย้ายคราวนี้แล้วคุณภาพชีวิตของสมาชิกในครอบครัวต้องดีขึ้น เขาเลยตัดสินใจบากหน้าไปมิลาน
ซาเน็ตติ ไปถึงสนามบินมิลานพร้อม แรมเบิร์ต โดยหิ้วถุงผ้าเก่าๆที่ใส่เสื้อผ้าไม่กี่ตัว พร้อมสตั๊ดอีกสองคู่ รวมถึงไอดีการ์ดที่เก็บไว้ในนั้น
เขาเดินฝ่าแฟนบอลอินเตอร์มากมาย ที่อยากจะมาต้อนรับผู้เล่นหน้าใหม่ แต่ไม่รู้เลยว่าไอ้หนุ่มคนนี้แหล่ะที่กำลังมองหาอยู่
กระทั่งถึงเวลาต้องเปิดตัว แฟนบอลต่างฮือฮากันใหญ่ ไม่คิดว่านี่จะเป็นแบ็กขวาคนใหม่ ซึ่งสื่อต่างยกย่องว่าฝีเท้าร้ายกาจและจะกลายเป็นอนาคตอันยิ่งใหญ่ของสโมสร
บางคนยังนินทาอยู่เลยว่าไม่มีทางหรอก ดูจากลุคแล้วอย่าหวังอะไรให้มากเกินไป
กระทั่งวันเซ็นสัญญาคุยรายละเอียด สโมสรให้เลือกรถได้หนึ่งคันสำหรับขับไปมาระหว่างสนามซ้อม รวมทั้งใช้เดินทางในช่วงเวลาปกติ
เขาจิ้มไปที่บีเอ็มดับเบิ้ลยู เพราะคิดว่านี่น่าจะหรูหราสุดในชีวิตแล้ว แต่อีกใจก็กังวลว่าจะเกินหน้าเกินตาแข้งอื่นๆหรือเปล่า เดี๋ยวจะโดนหมั่นไส้เอาได้
เลยสอบถาม จูเซปเป้ แบร์โกมี่ กัปตันทีมว่าเหมาะสมหรือเปล่า ได้รับคำตอบเป็นเพียงแค่รอยยิ้มมุมปาก
วันรุ่งขึ้นเมื่อซิ่งรถคู่ชีพมาถึงสนามซ้อม ถึงได้รู้ว่าพาหนะของตัวเองดูแย่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับผู้เล่นที่เหลือ นั่นทำให้เขาเป่าปากด้วยความโล่งใจและรู้ว่าชีวิตใหม่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า
ซาเน็ตติ บอกกับตัวเองว่าจะต้องเป็นตำนานที่สโมสรแห่งนี้ให้ได้
กลางทศวรรษ 90 ซาเน็ตติ ตกเป็นข่าวพัวพันกับแมนฯยูไนเต็ดอย่างต่อเนื่อง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประทับใจมากๆ
ไม่ใช่แค่ความสามารถอย่างเดียว แต่ทัศนคติที่ดีงาม รวมถึงภาวะความเป็นผู้นำทำให้ต้องการไปร่วมทีมให้ได้ โดยที่ไม่สนใจว่า แกรี่ เนวิลล์ กำลังเจิดจ้ารอเติบใหญ่
อย่างไรก็ตาม ซาเน็ตติ บอกปัดไปทั้งที่ใจอยากจะลองเผชิญความท้าทายใหม่และประสบความสำเร็จในระดับสูง
เพียงเพราะเขาต้องการอยู่กับอินเตอร์ มิลาน ไม่ใช่เพียงแค่แมนฯยูไนเต็ดเท่านั้น ทุกสโมสรที่เดินเข้าหา ต่างต้องผิดหวังกลับไป
ซาเน็ตติ ปักหลักกับทีม 19 ปีเต็ม เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของงูใหญ่ ก่อนได้รับรางวัลตอบแทนหัวใจอันซื่อสัตย์มั่นคงด้วยตำแหน่งรองประธานในปัจจุบัน
"ผมจะขับเคลื่อนอินเตอร์สู่ความยิ่งใหญ่" นั่นคือสิ่งที่เขากล่าวไว้ในวันแถลงข่าว
แฟนบอลที่ได้ยินต่างปลาบปลื้มและเชื่อเขาอย่างสนิทใจ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา