20 พ.ค. 2020 เวลา 04:41 • ธุรกิจ
OPINION SHARING
New Normal : Work Life Balance to Work Life Integration
ในช่วงวิกฤติ Covid-19 นี้ หลายๆ บริษัทโดนภาคบังคับให้ต้องปรับวิธีการทำงานไปสู่การรูปแบบการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home กันอย่างฉุกละหุก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่าให้ได้เร็วที่สุด
เรื่อง Work from home นี้จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป และสำหรับประเทศไทยเองก็มีหลายๆ บริษัทที่ได้มีการวางแผนที่จะใช้นโยบายนี้อยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่พร้อมในเรื่องของระบบไอที ระบบ HR
จริงๆ แล้วสาเหตุหลักที่ทำให้หลายๆ องค์กรยังไม่กล้า implement นโยบาย work from home นั้น น่าจะเป็นเรื่องของการที่บริษัทยังไม่ trust ในความรับผิดชอบในการทำงานของพนักงานเสียมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะนิสัยพื้นฐานของคนไทย ที่อาจจะดูเหมือนมีความจริงจังในการทำงานน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนชาติตะวันตก หรือแม้กระทั้งคนญี่ปุ่น หรือคนจีน
แต่เพื่อความอยู่รอดในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต นี่ไม่ใช่เวลาที่บริษัทจะตั้งประเด็นสงสัยถึงความรับผิดชอบในการทำงานของพนักงานอีกต่อไปแล้ว หากแต่บริษัทต้องรีบสร้างนิสัยและความรับผิดชอบในการทำงานให้กับพนักงานของบริษัทขึ้นมาต่างหาก
เพราะการ work from home แบบนี้จะเป็นแนวทางในการทำงานที่ไม่ได้อยู่ในแค่ช่วงวิกฤติ หากแต่การ work from home จะเป็นเทรนด์ในการทำงานของอนาคตต่อไป เพื่อช่วยบริษัทลดต้นทุนค่าเช่าออฟฟิศและค่าสาธารณูปโภคสำหรับพนักงานต่อคนได้ในระยะยาว และส่งผลถึงโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจต่อไปในอนาคตอีกด้วย
และเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงในการทำงานครั้งนี้มีประสิทธิผลที่ดีต่อองค์กรในระยะยาว ฝ่ายกลยุทธ์และฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ต้องช่วยกันออกแบบเครื่องมือชี้วัดและประเมินผลงานที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม สามารถวัดผลได้ง่ายและได้จริง และนำเครื่องมือนี้ไปอธิบายสร้างความเข้าใจให้กับหัวหน้างานแต่ละฝ่าย ให้สามารถประยุกต์ใช้กับ KPIs ของแต่ละแผนกได้
เมื่อพนักงานที่ต้อง work from home ได้รับรู้ถึงเป้าหมายและตัวชี้วัด performance ที่ชัดเจนแล้ว ผมเชื่อว่าพนักงานจะค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัวในการทำงานแบบ work from home ได้ จนในที่สุดบริษัทนั้นๆ จะสามารถ shift พฤติกรรมของพนักงานจาก Work Life Balance ที่พนักงานแบ่งเวลาการทำงานและเวลาการใช้ชีวิตออกจากกันอย่างชัดเจน ไปสู่วัฒนธรรมการทำงานแบบ Work Life Integration ที่พนักงานสามารถใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดี-ข้อเสียของนโยบาย Work from home
บริษัท ต้องลงทุนด้านระบบไอทีเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของการใช้งานและการติดตามประเมินผลงานของพนักงาน แต่จะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านสถานที่ทำงานต่อจำนวนพนักงานได้ในระยะยาว
พนักงาน ค่าไฟฟ้าที่บ้านเพิ่มขึ้น และต้องปรับวิธีการทำงานจาก face to face เป็นการทำงานผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด แต่ลดเวลาการเดินทางไป-กลับจากที่ทำงานได้โดยเฉลี่ยประมาณ 1.30 ชั่วโมงต่อวัน ประหยัดค่าเดินทาง ประหยัดค่าแต่งตัว ประหยัดค่าอาหาร
โฆษณา