20 พ.ค. 2020 เวลา 04:57 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
หตุผลทางวิทยาศาสตร์ 5 ข้อที่ทำให้คนเห็นผี
เรื่องของการสัมผัสได้ถึงสิ่งลึกลับเช่นการมองเห็นผีการได้ยินการรับรู้ถึงความรู้สึกต่างๆ เช่น ความเย็น หรือกลิ่น ที่ได้รับ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะสามารถอธิบายได้ไหมในแง่ของทางวิทยาศาสตร์จะว่าไปแล้วด้วยคนส่วนมากก็มักจะชอบฟังเรื่องผีเรื่องวิญญาณเรื่องราวของปีศาจต่างๆ หลายๆ คนก็บอกว่ามีประสบการณ์ได้เห็นสิ่งลึกลับตามที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบนิยามอย่างไรก็ตามแต่ นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นคว้าในเรื่องลึกลับในธรรมชาติกลับบอกว่าพวกเขายังไม่พบหลักฐานที่ยืนยันได้เลย ที่จะบงชี้ได้อย่างชัดเจนว่าผีมีตัวตนอยู่จริง แต่ก็พอมีคำอธิบายสำหรับประสบการณ์สยองขวัญอยู่เหมือนกันไม่ใช่ว่าไม่มี ต่อไปนี้เราจะมาดูกันสิว่าประสบการณ์เห็นผีเหล่านี้แท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ 5 ข้อที่จะพูดถึง
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ข้อที่ 1 ความผิดปกติในการนอน
ประสบการณ์เผชิญหน้ากับวิญญาณที่ถูกบอกเล่ากันอยู่บ่อยครั้งก็คือ การถูกผีอำหลายคนอธิบายว่าตนเองนั้นได้มองเห็นเรือนร่างของคนปรากฏอยู่ข้างหน้าหรือเงาดำปริศนากดทับร่างกายของตัวเองเอาไว้จนขยับตัวไม่ได้ รวมทั้งการได้ยินเสียงต่างๆ โหยหวนออกมา นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่าความฝันขณะตื่น ซึ่งเป็นสภาวะแวดล้อมที่สมองตื่นแต่ร่างกายยังคงหลับและไม่ตอบสนองหรืออาจจะมีความเกี่ยวข้องกับอาการตัวแข็งเป็นอัมพาตขนาดหลับอีกด้วย ด็อกเตอร์ Joe Nickell นักวิจัยอาวุโสของคณะกรรมการ CSI ซึ่งเป็นหน่วยงานเอกชนที่ส่งเสริมการตรวจสอบปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า ภาวะความฝันขณะตื่นทำให้คนมองเห็นถึงสิ่งต่างๆ ที่เชื่อมโยงเข้ากับความกลัวในจิตใจได้ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตายไปแล้วหรือแม้แต่เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว โดยคนส่วนมากจะมองเห็นภูตผียืนอยู่ข้างเตียงบางก็รู้สึกว่าถูกกดทับหรือถูกบีบคอจนร้องไม่ออก จากความผิดปกติข้างต้นนั้นคือการที่จิตใจได้เล่นกลกับตัวเองในลักษณะการสร้างภาพหลอนที่เหมือนจริงขึ้นมา ในชีวิตการทำงานตลอด 50 ปี ของด็อกเตอร์ Joe Nickell เขากล่าวว่ายังไม่เคยพบหลักฐานใดๆ เลยที่ยืนยันว่าผีมีอยู่จริง แต่ตรงกันข้ามเขากลับพบคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์สำหรับเรื่องผีที่ผุดขึ้นมาอย่างมากมายทั้งสาเหตุที่มาจากการได้ยินเสียงในย่านความถี่ต่ำและความผิดปกติทางอารมณ์หรือสมองรวมทั้งการอดนอนก็มีส่วนในการสร้างภาพหลอนได้เป็นอย่างมาก เพราะว่าเวลาที่เราอดหลับอดนอนพฤติกรรมนี้ก็จะไปส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าสะสมขึ้น อีกทั้งถ้าเรายังไปอยู่ในสถานที่มีบรรยากาศวังเวงน่ากลัวนั่นก็จะกลายเป็นสูตรสำเร็จอย่างหนึ่งของการมองเห็นผีนั่นเอง
ด็อกเตอร์ Joe Nickell ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการทางช่อง abc
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ข้อที่ 2 ภาวะความกลัวผีและเรื่องลึกลับอย่างรุนแรง
ก็คือภาวะความกลัวผีและเรื่องลึกลับอย่างรุนแรงความกลัวฝังลึกอยู่ในจิตใจมีส่วนสำคัญที่ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงของทางร่างกายได้ และนั่นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนได้มองเห็นภูตผีโดย นาย Brandon Alvis ผู้ก่อตั้งสมาคมวิจัยปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอเมริกันบอกว่าภาวะดังกล่าวสามารถทำให้เกิดอาการตื่นตระหนกหวาดกลัวอย่างรุ่นแรงจนควบคุมไม่ได้ ซึ่งในท้ายที่สุดก็คือการมองเห็นภาพหลอนตามมานั้นเอง นาย Alvis กล่าวว่าคนที่มีภาวะความกลัวนี้จะมีอาการหายใจติดขัดหรือหายใจหอบถี่เร็วขึ้นและจังหวะของการเต้นหัวใจไม่แน่นอน อันเนื่องมาจากความกลัวฝังลึกอยู่ในจิตใจและยิ่งคนที่เชื่อเรื่องผีมานานอยู่แล้วเมื่อไปอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ที่หน้าหวาดกลัวก็มักจะมองเห็นถึงสิ่งเคลื่อนไหวแบบแปลกๆ แวะไปแวะมาอยู่ที่หางตาเสมอ
Brandon Alvis “นักล่าผี” ผู้ก่อตั้งสมาคมวิจัยปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (American Paranormal Research Association หรือ APRA
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ข้อที่ 3 การขาดออกซิเจน
ภาวะที่ทำใหคนเห็นผีก็คือการขาดออกซิเจน การขาดออกซิเจนในสมองสามารถที่จะทำให้ประสาทสัมผัสและการรับรู้บิดเบี้ยวผิดจากความเป็นจริงออกไปได้ รวมทั้งจะทำให้มองเห็นภาพหลอนได้ง่ายอีกด้วย Alvis บอกว่าการขาดออกซิเจนในสมองจะทำให้ผู้ป่วยรับรู้ถึงประสบการณ์แปลกๆ ขนาดใกล้ตายได้และมีความรู้สึกว่าวิญญาณของตนนั้นได้ล่องลอยออกไปจากร่างในหลายกรณี อีกทั้งคนที่ได้เข้าไปในอาคารเก่าๆ หรือสถานที่ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ซึ่งมักจะมีเชื้อราสารพิษอื่นๆ ปะปนอยู่มาก และนี่ก็เป็นสาเหตุของภาวะการขาดออกซิเจนในสมองขึ้นชั่วขณะได้ โดยแต่ละคนนั้นมีอาการมากน้อยต่างกันไปแต่ก็สามารถทำให้คนเหล่านี้เชื่อได้ว่าตนเองนั้นได้มองเห็นทูตผีปีศาจเข้าจริงๆ
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ข้อ 4 เกิดจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีบ้านผีสิงหลายแห่งตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1920 แล้วโดยมีหลักฐานการวิจัยที่ชี้ว่าเมื่อสมองได้รับก๊าซดังกล่าวเข้าไปมากก็จะทำให้ร่างกายเกิดอาการวิงเวียนคลื่นเอียนและหายใจติดขัดรู้สึกเหนื่อยล้าสับสนร่วมทางการเห็นภาพหลอนหูแว่วได้ยินเสียงหลอนประสาท ซึ่งก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์นี้จะไม่มีสีไม่มีกลิ่นทำให้ยากที่สามารถตรวจพบได้และเมื่อสูดดมเข้าไปในปริมาณที่มากพอก็จะทำให้ถึงแก่ความตายในที่สุด โดยในแต่ละปีนั้นชาวอเมริกันกว่า 500 คนต้องเสียชีวิตด้วยสาเหตุนี้ อีกทั้งคนที่รอดชีวิตจากเหตุก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษก็จะมีอาการป่วยต่อไปหลังจากนั้นได้นานอีกหลายปีซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองตามมาทางด้านความจำ ความคิดและพฤติกรรม โดยบ่อยครั้งที่มีรายงานว่าผู้ป่วยได้เห็นภาพหลอนได้ยินเสียงแว่วต่างๆ ทั้งได้ยินเสียงกระดิ่งและเสียงคนวิ่งไล่กันรวมทั้งรู้สึกถึงสัมผัสประหลาดคล้ายกับว่ามีผีมาแตะต้องตัวอีกด้วย
และสาเหตุข้อสุดท้ายข้อที่ 5 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิจัยปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติของอเมริกายังบอกอีกว่าการที่เกิดจุดอากาศเย็นผิดปกตินั้นหรือมีผู้สัมผัสถึงพลังงานเคลื่อนไหวประหลาดในบางสถานที่ ความรู้สึกดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จากการเกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าชั่วคราวซึ่งหลายครั้งก็เป็นผลมาจากฝีมือของมนุษย์นั้นเอง นาย Alvis กล่าวว่าภาพหลอนหรือความรู้สึกประหลาดเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งหรืออีกยุคหนึ่งนั้นเกิดขึ้นได้จากพื้นที่แห่งนั้นมีสนามแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูงอยู่ที่อาจบังเอิญเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือเกิดจากการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองชั่วขณะได้
นี้อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนยังไม่เคยเจอผี
โฆษณา