20 พ.ค. 2020 เวลา 13:17 • ประวัติศาสตร์
ปฏิทินชาวมายัน ที่มา 2012 วันสิ้นโลก
หลายๆคนคงรู้จักกันดีกับ 2012 วันสิ้นโลก ที่ต่างมีการเอาไปทำนายมากมายว่าโลกจะแตก สารพัดเหตุวิบัติจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ค.ศ.2012 รวมถึงยังมีการเอาไปสร้างหนัง 2012 วันสิ้นโลกอีกด้วย ซึ่งสร้างความกังวลและหวาดกลัวให้กับคนหลายคน
ทั่วโลก
มีชาวรัสเซียกังวลจนกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินต้องออกมาปฏิเสธเรื่องวันสิ้นโลก เจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านBugarach ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสต้องมีการห้ามการขึ้นไปบนภูเขาที่มีคนเชื่อว่าจะมี UFO มาช่วยพวกเขา ส่วนประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้าเพราะในช่วงนั้นก็มีข่าวมากมายเกี่ยวกับวันสิ้นโลก บางบ้านถึงกับมีการตุนข้าวของจำเป็นไว้ในบ้าน
แต่แล้วเราก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนวันปกติธรรมดาที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังนั่งฉลองขึ้นปี 2013 กันอย่างมีความสุขเหมือนกับทุกๆปี
เรื่องราวนี้มีจุดเริ่มต้นมาอย่างไร???
เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากที่มีการอ้างเรื่องดาวเคราะห์
Nibiru ที่คาดว่าถูกค้นพบโดยชาวสุเมเรียน กำลังพุ่งเข้ามาสู่โลก แต่ปีที่มีการทำนายว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นคือเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2003 แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จึงมีการเลื่อนเอาวันนี้ไปเชื่อมกับการสิ้นสุดปฏิทินของชาวมายันในฤดูหนาว ปี 2012 และมีการทำนายว่าโลกเราจะสิ้นสุดในวันที่21 ธันวาคม ค.ศ.2012 นั่นเอง
ปฏิทินของชาวมายัน
ซึ่งปฏิทินของชาวมายันนี่เองที่เป็นตัวหลักในการกำหนดวันสิ้นโลกขึ้น และมีการนำไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อื่นๆมากมาย แต่การสิ้นสุดปฏิทินของชาวมายัน ก็เหมือนกับปฏิทินที่เรามีในปัจจุบัน โลกเราไม่ได้สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม ฉันใด วันที่สิ้นสุดในปฏิทินชาวมายันก็ไม่ใช่วันสิ้นสุดโลกฉันนั้น แล้วหลังจากวันสิ้นสุดในปฏิทินเราก็เริ่มนับ1 มกรา กันใหม่
ส่วนเรื่องของดาวเคราะห์ Nibiru และเรื่องราวข่าวลืออื่นๆเกี่ยวกับดาวเคราะห์ต่างๆ ทางนาซาก็ออกมาบอกว่ามันเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลใดๆ
มายืนยัน ซึ่งหากว่าเรื่องราวนี้เป็นจริง นักบินอวกาศก็คงจะตรวจเจอมันก่อนหน้านั้นแล้ว และถ้ามันจะพุ่งชนโลกในปี 2012 จริง เราก็คงจะมองเห็นมันด้วยตาเปล่าแล้วด้วยซ้ำ
สรุปแล้วปี 2012 ก็ไม่ใช่วันสิ้นโลกจริงๆ เป็นเพียงข่าวลือและการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆทางอินเตอร์เน็ตจนเกิดเป็นความตื่นตระหนกไปเท่านั้น ซึ่งการทำนายเรื่องโลกแตกก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าโลกใบนี้จะไม่มีวันสิ้นสุด โลกมีวันสิ้นสุดแน่นอนจากการพองตัวของดวงอาทิตย์แต่ยังเป็นเวลาอีกยาวไกลนับพันล้านปีจนเรายังคงไม่ต้องกังวลกับมันไปอีกนานมากๆ พอถึงตอนนั้นมนุษย์อาจจะสูญพันธุ์ไปแล้วด้วยซ้ำจากฝีมือของตนเอง
ที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติกันอย่างไม่สนใจอะไร ภาวะโลกร้อนที่ทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนไปคงจะทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ไปก่อนโลกจะแตกเสียอีก
โฆษณา