คุณเคยถูกเสี้ยนตำกันไหม?
มันเจ็บ มันคัน และมันน่ารำคาญทุกครั้ง...
ยามที่มีอะไรบางอย่าง ไปสัมผัสโดนมัน ใช่หรือเปล่า?
.
แล้วเราจัดการกับมันยังไง? ....
.
หากเสี้ยนที่ตำอยู่มีขนาดใหญ่ เราคงสามารถใช้มือพร้อมกับการหรี่ตานิดๆ เพื่อดึงออกมาได้
.
แต่ถ้ามันเล็กจิ๋วเสียจนแทบจะละลายกับชั้นไขมันใต้ผิวหนังไป ความเจ็บที่หาจุดเกิดเหตุไม่ได้ คงสร้างความน่าอึดอัดใจ อย่างเหลือทน
.
มีบ่อยครั้งที่เราชน ความรัก แล้วกลับได้รับ “เสี้ยนหนามแห่งความทุกข์” มันกักขังหัวใจเราให้ขลุกอยู่ในคุกของอารมณ์ที่เศร้าหมอง ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น...
.
เราอาจไปก่อเรื่องผิดพลาดที่ชัดเจน แล้วเสี้ยนแห่ง “การฟ้องผิดตนเอง” ก็ปักกลางหลังเรากลับมา...
.
เรารู้สึกผิดจากคำพูดที่ถูกผู้อื่นครหา และเผอิญว่าการกระทำที่(เขา)กล่าวโทษมานั้น ดันเป็นเรื่องจริง
.
คุณอาจเคยละทิ้ง “ความซื่อสัตย์” เพื่อไปสัมผัส “เสี้ยนหนามของการนอกใจ” แล้วพยายามขอ “การให้อภัย” ด้วยการใช้กรรไกรตัดเล็บค่อยๆดึงมันออกมา
.
ผมอาจหาเรื่องใส่ตัว ด้วยการมัวมอมเมากับความริษยา จนไปทำร้ายผู้คนมากหน้าหลายตา แล้วก็กลับมา “ฟ้องผิดในจิตใจ”
.
เราต่างแบกความรู้สึกแย่ ที่อยากได้รับการแก้ไข แต่บางครั้ง “ความสำนึกผิดทางใจ” อาจจะยังไม่เพียงพอ
.
เหมือนโจรที่ขโมยของ แล้วสำเร็จโทษตัวเองในความคิด คำถามคือ เขายังคงจะโดนลงโทษเอาผิดทางกฏหมายอยู่ไหม?
.
หรือทนายจะยกฟ้อง เพราะเห็นว่า เขากำลังร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังในใจ ด้วยระดับเดซิเบลที่ไม่มีหูของใครได้ยิน
.
การก่อความผิดพลาด จนถูก “เสี้ยนหนามแห่งความบาป” ทิ่มแทงในรายละเอียดชีวิต ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่โปรดรีบคัดแยก ดึงถอนมันออกไป
.
และถึงแม้ว่าการไร้หนามนั้น...
จะนำ “อิสรภาพ” มาปลูกถ่าย
ให้หัวใจ ได้กำเนิดใหม่
.
แต่สุดท้ายแล้ว เราต่างก็ต้องเยียวยาบาดแผลจากเสี้ยนตำที่เกิดขึ้นบนร่างกาย ผ่านทาง “การกระทำ” อยู่ดี
.
หากเสี้ยนหนาม หมายถึง เรื่องย่ำยีที่เราก่อ
การทิ่มแทงของมัน ก็คือ ผลของความรู้สึกผิดในใจ
แต่บาดแผลหลังการดึงออก มันยังคงสดใหม่
ดังนั้น เราจึงต้องทำใจยอมรับผลที่ตามมา
ด้วยเช่นกัน...