20 พ.ค. 2020 เวลา 07:07 • ความคิดเห็น
เรื่องเล่า เพชรตาแมว
หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้าง ทั้งที่รู้จักก็ดีไม่รู้จักก็ดีกับ เพชรตาแมว อธิบายโดยคร่าวๆ อัญมณีนี้เกิดจากแมวซึ่งตาเป็นต้อหิน ข้างใดที่เป็นจะมีน้ำเลี้ยงไหลออกมาตลอดเวลา แต่แมวจะไม่มีความเจ็บปวด แต่ข้างที่เป็นต้อจะมองไม่เห็น เมื่อแมวเสียชีวิตลงตาข้างที่เป็นต้อจะแข็งเหมือนก้อนหิน จึงเรียกว่า เพชรตาแมว
       แต่วันนี้ผู้เขียนมิได้จะมาบรรยายคุณลักษณะทางกายภาพแต่อย่างใด แต่จะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ ของผู้เฒ่าผู้แก่ ครูบาอาจารย์ที่เคยเล่าให้ฟัง มีมากมายหลากหลายความเชื่อต่างที่มาที่ไป จะจริงหรือเท็จประการใดผู้เขียนก็ไม่อาจฟันธงได้ ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน หรืออ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นเป็นพอ
เรื่องของเพชรตาแมวตามที่เล่าขานกันมาแต่โบราณมีอยู่หลายกระแส เช่นว่าอดีตชาติ 1 ของแมวตัวที่มีนัยน์ตาเป็นเพชรเคยเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็สร้างสมบารมีความดีมา แต่พร้อมกันนั้นก็หมกมุ่นลุ่มหลงในวิชาไสยศาสตร์อันเป็นวิชานอกพระพุทธศาสนาจนมีอานุภาพทางจิตแก่กล้า เมื่อตายไปจิตวิญญาณแทนที่จะไปเกิดในภพภูมิที่ดีเศษของกรรมกลับชักนำให้มาเกิดในชาติภูมิต่ำคือมาเกิดเป็นแมว แต่ถึงจะเป็นแมวก็ยังมีคุณวิเศษในตัวตนเป็นคุณวิเศษที่สะสมอยู่ภายในแต่ไม่สามารถแสดงผลอานุภาพแห่งคุณวิเศษออกมาได้เพราะถือกำเนิดในชาติภูมิชั้นต่ำ หากในชาติที่เป็นแมวไม่พบผู้มีบุญซึ่งมีศีลธรรมหมดจดหรือว่าพบผู้มีสายกรรมผูกพันกันมาในอดีตซึ่งควรค่าจะได้ครอบครองเพชรตาแมว เมื่อแมวตายไปแล้ว เพชรตาแมวก็จะสูญหายไป คุณวิเศษของเพชรตาแมวมีอานุภาพปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย ไม่ให้อันตรายมากล้ำกรายได้โดยเฉพาะอันตรายจากอุบัติเหตุทั้งหลาย ดังนั้นจึงเป็นที่ปรารถนาของบุคคลทั่วไป
อีกเรื่องเกิดขึ้นสมัย พระเดชพระคุณพระราชสุทธิญาณมงคล หรือหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ได้เล่าไว้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2534 โดยความว่าเมื่อ พ.ศ 2500 หลวงพ่อจรัญท่านมาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน และวัดอัมพวันในตอนนั้นยังมีสภาพเป็นวัดเก่าแก่โบราณ เสนาสนะถาวรวัตถุภายในวัดก็ทรุดโทรม เวลานั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีคือ นายพุก เลิกเสงี่ยม ได้อาสาหลวงพ่อที่จะรีบเร่งพัฒนาวัดให้อย่างเต็มที่ ผู้ว่าพุก มีความเคารพนับถือพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูง เมื่อมีเวลาว่างจากภาระกิจราชการเมื่อไหร่ก็จะรีบมากราบนมัสการหลวงพ่อเสมอ วันหนึ่งเมื่อมากราบนมัสการหลวงพ่อจรัญที่วัดก็กราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อครับผมขอเพชรตาแมวครับอยากจะได้มานานแล้ว" หลวงพ่อท่านก็บอกว่า "ไม่มีเพชรอะไรหรอกจะเอาเพชรที่ไหนมาให้เพชรตาแมวก็ไม่มีถ้ามีก็จะให้" ผู้ว่ารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก หลวงพ่อจรัญจึงแนะนำบอกว่า "ท่านเจ้าเมืองอยากจะได้เพชรตาแมวจริงๆนะรึงั้นลองอธิษฐานดูเถอะแล้วสวดมนต์ บทพาหุงมหากา และเจริญกรรมฐาน ถ้าท่านเจ้าเมืองมีบุญวาสนาก็จะได้มาเอง" โดยหลวงพ่อจรัญแนะนำอย่างนี้ ผู้ว่าปุ๊กก็น้อมรับเอาไปปฏิบัติอย่างมุ่งมั่นจริงจัง ท่านผู้ว่าปฏิบัติกรรมฐานผ่านไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มอยู่ในความควบคุมของสติ ท่านจึงมารายงานผลการปฏิบัติกับหลวงพ่อจรัญในเช้าวันนึง แล้วก็สนทนากันหลายเรื่องเสร็จแล้วท่านผู้ว่าก็ถามเรื่องเพชรตาแมวอีก หลวงพ่อจรัญก็นึกไม่ออกจะไปหาเพชรตาแมวให้ท่านผู้ว่าได้ที่ไหน คิดแต่เพียงว่าหากเพชรตาแมวเคยเป็นของผู้ว่าปุ๊กมาก่อนก็คงจะได้มาเป็นของตนอีก หลวงพ่อจรัญเข้าไปไหว้พระสวดมนต์แล้วท่านก็เข้าที่เจริญกรรมฐานจากนั้นก็แผ่เมตตาไปเลยนึกถึงผู้ว่าปุ๊กเป็นสำคัญ และอธิษฐานจิตว่าหากท่านผู้ว่า มีบุญบารมี หรือว่าเพชรตาแมวเคยเป็นของท่านมาก่อน ก็ขอให้ได้ครอบครองเถิด
       รุ่งขึ้นประมาณ 15:00 น. ลุงปุ่นอายุ 86 ปี อยู่ข้างๆวัดอัมพวันถือไม้เท้าเดินเข้ามาหาหลวงพ่อจรัญแล้วก็ก้มกราบนมัสการ หลวงพ่อถามว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าที่มาเพราะไม่ค่อยเห็นหน้านานแล้ว ลุงปุ่นก็บอกว่าจะมาพูดคุยกับท่านสักหน่อย แกถือห่อผ้าติดมือมาด้วย จึงนำมาวางไว้ตรงหน้าหลวงพ่อ แล้วแก้ห่อผ้าเก่าคร่ำนั้นออกสิ่งของภายในห่อผ้านั้นมีหลายอย่าง แต่มีของสิ่งหนึ่งมีลักษณะคล้ายหินเป็นมันวาว แกหยิบมายื่นให้หลวงพ่อจรัญ "ผมขอให้ท่านเป็นส่วนตัวครับ เพชรตาแมวครับ" หลวงพ่อจรัญได้ยินว่าสิ่งนั้นคือเพชรตาแมวก็ถึงกับตะลึงนึกไม่ถึงว่าของมีค่าหายากแสนยากนี้จะได้มาง่ายๆ ท่านรับมาพิจารณาก็รู้ว่าเป็นของจริง จากนั้นลุงปุ่น ก็เล่าให้ฟังว่าเพชรตาแมวเนี้ย มีความเป็นมาว่าวันนึงสมัยแกยังหนุ่ม มีแมวมานอนตายที่คอกควายเวลาผ่านไป 7 วันแล้วก็ไม่เน่าไม่ขึ้นอืดไม่มีกลิ่นเหม็นอะไรแกก็รู้สึกแปลกใจ จนในคืนวันที่ 7 ได้ยินเสียงแมวที่ตายไปแล้วร้องเหมียวเหมียวไม่หยุดก็ออกไปดู จึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่านี่อาจเป็นเพชรตาแมว ก็เลยแกะเอาในตาออกมาทันที เมื่อแกะออกมาแล้วร่างของแมวก็เน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง น่าสะอิดสะเอียน
       เป็นที่น่าแปลกใจ ว่าอะไรดลจิตดลใจให้ลุงปุ่น นำของมีค่านี้มาให้แด่หลวงพ่อ หลวงพ่อจรัญก็ถามว่าเอามาให้ทำไม ลุงปุ่นก็ตอบว่า "ผมมีลูกหลานหลายคนแต่ละคนมันก็อยากจะได้เพชรตาแมวทั้งนั้นต่อไปคงจะแย่งกันทำให้เกิดปัญหา อีกทั้งผมเห็นว่าท่านเจริญในทางธรรมและก็ยังมีอายุน้อยส่วนผมแก่มากแล้วปีนี้ 86 แล้วก็คงอยู่ได้ไม่นานนะครับ"
        ต่อมา หลวงพ่อจรัญ ก็ได้มอบเพชรตาแมวให้ท่านผู้ว่า ท่านถึงกับมือสั่นน้ำตาร่วงด้วยความปีติยินดีอย่างที่สุดได้เพชรตาแมวไปแล้วท่านจะได้นำไปทำเป็นแหวนใส่ให้มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ หลวงพ่อจรัญกล่าวถึงเหตุปัจจัยที่ผู้ว่าได้เพชรตาแมวไปครอบครอง ก็ด้วยบุญบันดาลได้จริง แต่ผู้นั้นต้องเจริญกรรมฐานตั้งจิตอย่างถึงที่สุด หากว่าอดีตชาติเคยเป็นของเขาก็ต้องได้แน่ๆไม่ผิดหวังหรอก
       นี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องเล่าเกี่ยวกับ เพชรตาแมว อัญมณีล้ำค่า มากมายอาถรรพ์ ความลี้ลับ แต่จะเท็จจริงประการใด โปรดใช้วิจารณญาณ
โฆษณา