สุดยอดนักมายากลระดับโลก ผู้เดินผ่านทะลุกำแพงเมืองจีนและเสกให้เทพีเสรีภาพหายไป!!!
เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ คือนักมายากลผู้สร้างปรากฏการณ์แห่งยุค 80 เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของโลกและได้รับการบันทึกชื่ออยู่ใน Guinness World Records มาแล้ว
กลของเขาสร้างเขาความตะลึงให้กับผู้ชมไปทั่วโลก ทั้งการเสกเครื่องบินหาย เสกรถไฟออกจากรางทั้งขบวน หรือเสกคนหายจนโดนฟ้องร้องก็มีมาแล้วเช่นกัน
โดยมายากลที่ถือเป็นตำนานและได้รับการกล่าวขานมากที่สุดที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ คือกล "เดินทะลุผ่านกำแพงเมืองจีน" และ "กลเสกให้เทพีเสรีภาพหายไป"
มายากลแรก "เดินผ่านทะลุกำแพงเมืองจีน"
ในปี 1986 เดวิดประกาศไปทั่วโลกว่าเขาจะทำการเดินทะลุผ่านกำแพงเมืองจีนด้วยตัวเปล่าๆ ต่อหน้าคนดูนับหมื่นและจะถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลก
การประกาศโชว์มายากลครั้งนี้ สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชมในสมัยนั้นมากๆ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่ากำแพงเมืองจีนมีขนาดยาวเป็นหมื่น กิโลเมตรและก่อด้วยอิฐอย่างหนา มองดูแล้วไม่มีมุมไหนเลยที่เดวิดจะเดินทะลุเข้าไปได้
ก่อนการแสดงมีการสันนิษฐานความเป็นไปได้ว่าวิธีที่จะพรางตัวทะลุเข้ากำแพง อาจต้องขุดหลุมหรือวิ่งอ้อมกำแพงเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง
ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองข้อมันเป็นไปไม่ได้เลย พวกเขาไม่สิทธิ์ขุดกำแพงของประเทศจีนและไม่สามารถวิ่งอ้อมกำแพงที่ยาวเป็นหมื่นๆ กิโลเมตรได้
ในวันก่อนการแสดงของเดวิด ทีมงานติดตั้งกล้องไว้บนกำแพงที่สามารถเคลื่อนที่ข้ามไปอีกฝั่ง เพื่อดูว่าเดวิดจะทะลุผ่านกำแพงเข้าไปได้อย่างไร
และเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการเล่นแง่ พวกเขาติดเครื่องอิเล็กโทรนเพื่อส่งสัญญาณหัวใจของเดวิดมาที่เครื่องตรวจสัญญาณ EKG มอนิเตอร์ ขณะกำลังทำการแสดง
ก่อนเริ่มโชว์ เดวิดกล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากพระรูปหนึ่งที่เข้าไปอยู่ในกำแพงเมืองจีนภายใต้สอกหิน โดยเชื่อว่าเป็นพลังจากการทำสมาธิ
แต่เมื่อมองในมุมวิทยาศาสตร์แล้ว เดวิดกล่าวว่าทางเดียวที่จะผ่านทะลุกำแพงไปได้ คือต้องกลายสภาพจากของแข็งให้เป็นของเหลวเพื่อซึมผ่านเข้าไป
ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์ไม่มีทางทำอย่างนั้นได้ แต่วันนี้เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ จะโชว์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขานี่แหละสามารถทำได้
ในวันแสดงมีผู้ชมเข้ามาอยู่บนกำแพงเพื่อร่วมเป็นสักขีพยานและดูว่าเดวิดจะทำตามคำที่ประกาศออกไปได้หรือไม่
ทีมงานเซ็ตกล้องและอุปกรณ์ทุกอย่าง จนเมื่อพร้อมแล้ว พวกเขาให้สัณญาณแก่เดวิดเพื่อเดินขึ้นมาบนแท่น ในขณะที่คนดูกำลังมองมาที่เดวิดอย่างไม่ละสายตา
เดวิดเดินขึ้นมาบนแท่น แล้วนำมือมาสัมผัสบนอิฐหนาของกำแพง และดูเหมือนว่ากำแพงเมืองจีนมันหนามากจนยากที่จะผ่านทะลุเข้าไปได้
ในขณะที่เขากำลังเช็คพื้นผิวของกำแพง ทีมงานได้นำผ้าสีขาวมาปิดไว้และใช้ไฟส่องเข้าไปเพื่อให้เห็นเงาของเดวิดภายใต้ผืนผ้านั้นแทน
เงาของเดวิดค่อยๆ เดินผ่านทะลุกำแพงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับกล้องที่ค่อยๆ โยกไปอีกฝั่งอย่างน่าอัศจรรย์
คนดูบนกำแพงรีบมามุงดูตรงแถบกำแพงอีกฝั่งทันที พร้อมกับเสียงสัญญาณชีพจรของเขาที่ยังดังอย่างต่อเนื่ิอง
ทีมงานอีกฝั่งจึงนำผ้าขาวมาทาบไว้บนกำแพงและเห็นมือทั้งสองข้างกับหน้าของเดวิดทะลุผ่านผ้าออกมา
หลังจากนั้น ทีมงานเอาเอาผ้าขาวมาปิดไว้ทั้งสี่มุมและเปิดไฟเพื่อให้เห็นเงาของเดวิดเหมือนกับอีกฝั่ง ในขณะที่คนดูกำลังลุ้นระทึกอย่างใจจดใจจ่อว่าเดวิดจะโผล่ออกมาได้หรือไม่
ผ่านไปสักพักเงามือซ้ายของเดวิดค่อยๆ โผล่ออกมา ตามด้วยมือขวาที่ยื่นออกจากกำแพง จากนั้นเงาของเดวิดก็ปรากฎออกมาทั้งตัวพร้อมกับดึงผ้าสีขาวออกไป
เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ ปรากฏตัวออกมาแล้ว!!
คนดูทั้งกำแพงเมืองจีนต่างปรบมือส่งเสียงแสดงความยินดีให้กับเดวิดไปทั่วกำแพง เขาทำสำเร็จแล้ว และนี่คือการยืนยันว่าเขาเป็นนักมายากลระดับโลกอย่างแท้จริง
หลังจบโชว์นี้ สื่อทุกสำนักข่าวทั่วโลกพร้อมใจกันพาดข่าวมายากลเดินทะลุผ่านกำแพงเมืองจีนของเดวิด จน ณ ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักชายที่ชื่อเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์อีกต่อไปแล้ว
มายากลที่สอง "เสกเทพีเสรีภาพให้หายไป" ปี 1983
มายากลชุดนี้ถือเป็นการท้าทายกฎฟิสิกข์และกฎวิทยาศาสตร์ทุกข้อบนโลก เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่เทพีเสรีภาพน้ำหนักราว 450,000 ปอนด์ กับความสูง 305 ฟุต จะหายไปได้
แต่สำหรับเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์แล้ว เขาประกาศให้ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและทั้งโลกรู้ว่า เขาจะทำให้มันหายไปต่อหน้าผู้ชมให้ทุกคนได้เห็นทั้งประเทศ
ก่อนทำการแสดง เขาโชว์ความมั่นใจด้วยการทำสัญญาขออนุญาตทางรัฐบาลสหรัฐว่า "ผมจะทำให้เทพีเสรีภาพหายไปชั่วครู่ แต่ขอรัฐบาลอย่ากังวล เพราะหลังจากเทพีเสรีภาพหายไป ผมจะเสกกลับมาใหม่" นี่คือคำยืนยันจากเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์
ปี 1983 ณ เกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก ที่ตั้งของรูปปั้นเทพีเสรีภาพ เดวิดพาคนดูชมเทพีเสรีภาพในที่ที่เขาจัดเตรียมไว้
มันเป็นมุมที่เห็นรูปปั้นได้ชัดเจน และเขาตั้งเสาสำหรับเตรียมม่านกั้นเพื่อรอการเสกเวทมนต์จากเดวิด
ในขณะที่ผู้คนทั่วประเทศและทั่วโลกกำลังเฝ้ารอการเสกเทพีเสรีภาพให้หายไป
ผู้สื่อข่าวมิเชล ลี กล่าวว่า "พวกเรากำลังอยู่ที่อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ นี่คือสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพของโลก และรัฐบาลได้ทำสัญญากับเดวิดไว้แล้วว่าเทพีเสรีภาพของพวกเรากำลังจะหายไป"
ภาพตัดมาที่ผู้สื่อข่าวอีกคน วิลเลียม ดี เขากล่าวว่า "เมื่อปีที่แล้วเดวิดเสกเครื่องบินเจ็ทขนาด 7 ตันให้หายไปต่อหน้าผู้ชม แต่มาในวันนี้มันพิเศษยิ่งกว่าเพราะเทพีเสรีภาพที่มีขนาดน้ำหนักราว 450,000 ปอนด์ กับความสูง 305 ฟุต เขาจะเสกให้มันหายไปได้อย่างไร?"
ในขณะนั้นทุกคนล้วนมีความคิดเดียวกันว่า วิธีที่เป็นไปได้ในการทำให้เทพีเสรีภาพให้ไป คือใช้ลิฟต์ขนาดยักษ์แล้วดันรูปปั้นนี้ลงไปใต้พื้น แต่กับรูปปั้นที่มีความสูง 305 ฟุต หรือ 93 เมตรเนี่ยนะ มันจะหายไปได้เหรอ?
มาถึงตรงนี้ เหล่าคนดูคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเดวิดจะใช่เล่ห์เหลี่ยมไหนที่จะทำให้เทพีเสรีภาพหายไป
พวกสำนักข่าวเตรียมเฮลิคอปเตอร์บินวนรอบอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ในขณะที่เดวิดให้คนไปติดกล้องทุกมุมเพื่อจับภาพรูปปั้น แล้วตั้งค่าให้ถ่ายอัตโนมัติแบบทุกช็อต เขาต้องการพิสูจน์ให้เห็นไปเลยว่าจะทำให้มันหายไปต่อหน้าผู้ชมจริงๆ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว คนดูในสตูดิโอและคนดูที่อยู่หน้างานต่างจับจ้องมาที่รูปปั้นเทพีเสรีภาพ
เดวิดให้สัญญาณดึงผ้าม่านขึ้นปิดในมุมที่เขาเตรียมไว้ ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์และกล้องทุกตัวติดอยู่รอบเทพีเสรีภาพ
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจเดวิดให้สัญญานดึงผ้าม่านลง
.
.
.
.
.
เทพีเสรีภาพหายไปแล้ว...
"มันหายไปแล้ว! ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตอนนี้เทพีเสรีภาพของพวกเรามันหายไปไหน"
"ถ้าผมนั่งดูอยู่ในทีวีอยู่ที่บ้าน ผมคงคิดว่าเป็นการตัดต่อแน่ๆ แต่นี่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ ผมนั่งอยู่ต่อหน้าเทพีเสรีภาพและตอนนี้มันหายไปแล้ว"
"พอม่านถูกดึงลงมา รูปปั้นหายไป ฉันมองไม่เห็นมันเลย"
นี่คือคำพูดบางส่วนของผู้ชมที่อยู่หน้างานในวันนั้น พวกเขาตื่นเต้นและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เฮลิคอปเตอร์ที่กำลังบินวนอยู่รอบอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ส่งภาพมาให้เห็นว่า สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพหายไปแล้วจริงๆ ตอนนี้เหลือแค่ฐานที่มีไฟล้อมรอบ ส่วนตัวรูปปั้นไม่มีให้เห็นอีกต่อไปแล้ว
เดวิดทำได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เดวิดทำสำเร็จแล้ว และเขาก็ดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น เดวิดทำตามสัญญา เขาเสกให้เทพีเสรีภาพหายไปแล้ว และเขาจะเสกให้เทพีเสรีภาพกลับมาเหมือนเดิม
เมื่อทุกอย่างพร้อม เขาให้สัญญาณดึงม่านขึ้น
และเหมือนเดิมตามที่ทุกคนคิด หลังจากม่านถูกดึงลงมา เทพีเสรีภาพก็กลับมาตั้งตระหง่านเช่นเดิม
มายากลของเดวิดชุดนี้ ไม่ได้ให้แค่ความบันเทิงหรือชื่อเสียงเกียรติยศของเขาเพียงอย่างเดียว
แต่เขาต้องการทำให้ทุกคนตระหนักว่า ในตอนที่เทพีเสรีภาพยังอยู่ เรารู้สึกอย่างไร เราให้ความใส่ใจกับมันมากแค่ไหน และเมื่อมันหายไปแล้ว เหลือแต่พื้นที่ว่างเปล่า คุณจะรู้สึกอย่างไร ?
ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่คุณเคยมีอยู่ ตอนที่คุณครอบครองมันไว้ คณเห็นค่ามันมากแค่ไหน และเมื่อสิ่งนั้นหายไปแล้ว คุณจะรู้สึกอย่างไร
สิ่งนี้คือสิ่งที่เดวิดต้องการให้คุณคิด...
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
