ครอบครัวของมาลเล็ตต์ยากจน มรดกของพ่อไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง หากแต่เป็น “นิสัยรักการอ่าน” ที่พ่อปลูกฝังไว้ภายในตัวของหนูน้อยมาลเล็ตต์จนมันเจริญงอกงาม การอ่านหนังสือทำให้มาลเล็ตต์รู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้พ่ออีกครั้ง แล้วการอ่านก็ก่อให้เกิดประกายแสงแห่งความหวังท่วมท้นจิตใจของหนูน้อยมาลเล็ตต์เมื่อเขาพบหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ “The Time Machine” แต่งโดย H. G. Well เขาตื่นเต้นเมื่อได้เห็นความเป็นไปได้ในการย้อนเวลา หากเขาสามารถสร้างเครื่องย้อนเวลาได้ เขาก็จะได้กลับไปเตือนพ่อให้กินยาป้องกันโรคหัวใจ พ่อจะไม่ตาย และพ่ออาจจะยังอยู่กับเขา
หนูน้อยมาลเลตต์ได้รู้จักกับไอสไตน์จากการอ่านหนังสือ The UNIVERSE and Dr. Einstein เขาได้รู้ว่าไอสไตน์ทำให้การย้อนเวลาเป็นไปได้ แต่ในขณะนั้นเครื่องย้อนเวลายังเป็นเพียงอุปกรณ์แฟนตาซีในนิยายวิทยาศาสตร์ เมื่อมาลเลตต์ถามไอสไตน์ในจินตนาการว่าเขาจะสร้างเครื่องย้อนเวลาจริงๆ ได้อย่างไร ไอสไตน์ตอบเขาสั้นๆ ว่า “เธอต้องเรียนฟิสิกส์”
มาลเล็ตต์จบปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์เมื่อเขาอายุได้ 26 ปี จากมหาวิทยาลัย Pennsylvania State และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาฟิสิกส์ ประจำมหาวิทยาลัย University of Connecticut เมื่ออายุได้ 30 ปี ตั้งแต่นั้นมา เขาสอนและทำงานวิจัยอยู่ที่ University of Connecticut จนได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์เมื่ออายุได้ 42 ปี
ตำแหน่งศาสตราจารย์ของมาลเล็ตต์ไม่ได้มาจากผลงานเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา อันที่จริงแล้วเขาเก็บมันไว้เป็นความลับและมุ่งความสนใจให้กับงานวิจัยในกระแสหลักทางฟิสิกส์ดาราสาสตร์ มาลเล็ตต์เริ่มเปิดเผยแบบแปลนของเครื่องย้อนเวลาหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์แล้ว ปัจจุบันมาลเล็ตต์เกษียณแล้ว และได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์เกียรติคุณสาขาฟิสิกส์จาก University of Connecticut ในปี 2018