21 พ.ค. 2020 เวลา 10:29
เจาะลึก Steroid อันตรายจริงหรือแค่คำลวง / โดย Muscle Gears Thailand
1
ขอบอกก่อนว่าบทความนี้ค่อนข้างยาวเป็นพิเศษ เนื่องจากเนื้อหามีหลายประเด็นและอ่อนไหวพอตัว
 
แอดมินจึงไม่ขอแบ่งพาร์ทนะครับ แต่รับรองได้ว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแน่นอน
ดังนั้นใครแอบอ่านในเวลางานหยุดก่อนเลย 😆😆😆
เริ่มกันเลยครับ
Steroid หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่า “สารกระตุ้น”
หลายต่อหลายคนพอได้ยินคำว่า Steroid ก็ส่ายหน้ากันเป็นแถว
เราถูกสอนมาว่า Steroid เป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรใช้ อยู่ให้ห่างมันไว้
แต่พอถามต่อไปว่า Steroid อันตรายยังไง หลายคนกลับตอบไม่ได้ว่าอันตรายยังไง
ได้แต่บอกว่าฟังคนพูดต่อๆ กันมาว่าอันตราย
แล้ว Steroid มันคืออะไรกันแน่ทำไมถึงกลัวกันจังเลย 🤔🤔
ต่อไปนี้เราจะมารู้จัก Steroid แบบที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน 😱😱
Steroid จัดเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งในร่างกาย หรือที่เรียกว่า Steroid Hormone
1
เป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่สำคัญของร่างกายที่ผลิตจากต่อมหมวกไต
โดยสารตั้งต้นที่ผลิต Steroid Hormone นั้น มาจากคอเลสเตอรอลในร่างกาย
แล้วเปลี่ยนเป็นสารตัวกลางอย่างเพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ก่อนที่จะถูกพาไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ก่อนที่ Steroid Hormone จะถูกนำไปใช้งาน มันจะถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปเป็นรูปแบบต่างๆ โดยผ่านการย่อยของเอนไซม์แต่ละชนิดอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าเนื้อเยื่อบริเวณนั้นทำหน้าที่อะไร
Steroid Hormone สามารถแบ่งได้ 2 กลุ่มหลัก คือ
1. ฮอร์โมนเพศ (Sex Hormone) อย่างฮอร์โมนเอสโทเจน (Estrogen) ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (Progesterone) หรือฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens)
แต่ที่เราคุ้นเคยกันมากสุดคือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ที่อยู่ในกลุ่มฮอร์โมนแอนโดรเจน
2. ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอก (Adrenal Cortex) อย่างฮอร์โมนแอลโดสเตอโรน (Aldosterone) ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือวิตามินดี (Vitamin D) ด้วย
สำหรับวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์การกีฬาจะแบ่ง Steroid เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ
Anabolic Steroid เป็น Steroid ที่ส่งผลกับ Anabolic Receptor ในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งเจ้า Anabolic Steroid โดยส่วนใหญ่มันคือฮอร์โมนเพศชายในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง
ใช่แล้วครับ แอดมินพิมพ์ไม่ผิดหรอก 😱😱
Anabolic Steroid แทบทุกตัวคือฮอร์โมนเพศชายที่มีอยู่ในร่างกายนี่แหละ
ผลก็คือ เพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาผลาญไขมัน เพิ่มสมรรถภาพของร่างกายไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง ความอึด
ซึ่ง Anabolic Steroid ก็จัดเป็น Gears ประเภทหนึ่งนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่นิยมของเหล่านักกีฬา ดารา นายแบบ และนักเพาะกายทั่วโลก
อีกทั้งหมอยังได้นำ Anabolic Steroid มาใช้กับผู้ที่ได้รับการผ่าตัด เพราะว่า Anabolic Steroid ช่วยเพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย ทำให้บาดแผลและอาการบาดเจ็บหายอย่างรวดเร็ว
เรียกให้เท่หน่อยก็ เพิ่ม Healing Factor ให้ถึงขีดสุดนั่นเอง
แต่ไม่ใช่ถึงขั้นโดนกระสุนแล้วแผลหายแบบวูฟเวอรีนใน X-Men นะ อันนั้นก็เกินไป 😂😂
เกร็ดความรู้เล็กน้อย 🤔🤔
จริงๆ แล้ว Anabolic Steroid ถูกสร้างมาเพื่อเพิ่มและรักษามวลกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูร่างกายให้ผู้ป่วย แต่ด้วยสรรพคุณที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มสมรรถนะร่างกายต่างๆ
หมอที่ดูแลนักกีฬาจึงเป็นคนริเริ่มนำมาใช้กับนักกีฬาเพื่อเพิ่มสมรรถนะของร่างกาย และให้นักกีฬาหายจากอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว
แต่การใช้ Anabolic Steroid เพื่อเพิ่มสมรรถนะร่างกายถูกกล่าวหาว่านำไปใช้ในทางที่ผิด
มันก็ผิดอย่างที่เขาว่าแหละครับ แต่ผิดวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้จากที่สร้างไว้ตอนแรกเท่านั้นเอง
มาต่อกันที่ Steroid ประเภทต่อมาครับ
Corticosteroids เป็น Steroid ที่ถูกนำมาใช้รักษาโรคมากที่สุด เพราะมีคุณสมบัติในการรักษาอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ไขข้อได้อย่างดีเยี่ยม
โดย Corticosteroid ที่นำมารักษาโรคส่วนใหญ่ จะอยู่ในกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ (Glucocorticoids)
ต่อไปนี้แอดมินขอแยก Steroid เป็น Anabolic Steroid กับ Corticosteroid นะครับ
จะได้ไม่งงกันว่าแอดมินกำลังพูดถึงตัวไหนอยู่
มีคนบอกว่าใช้ Steroid มากๆ จะทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ นั่นก็จริง แต่ไม่ทั้งหมด
ในการรักษาอาการแพ้ทางผิวหนัง ที่เกิดจากร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอมเข้ามา
แล้วเซลล์เม็ดเลือดขาวตรวจพบ จึงทำการกำจัดทิ้ง
ซึ่งไอ้การกำจัดทิ้งของเซลล์เม็ดเลือดขาวนี่แหละ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดผื่นแดง บวมตามผิวหนัง
เราจึงต้องใช้ Corticosteroid ในกลุ่ม Glucocorticoids ในการกดภูมิคุ้มกันให้ต่ำลง เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ดีเกินไป ปล.ควรดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย 😂😂
เพิ่มเติมอีกนิดครับ
หากเราเครียดมากๆ และพักผ่อนน้อย ร่างกายจะหลั่งสารออกมาตัวหนึ่งชื่อว่าออโตแอนติบอดี้ (Autoantibody)
ซึ่งเจ้าสารตัวนี้จะทำให้เซลส์เม็ดเลือดขาวมองอวัยวะภายในเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ต้องกำจัดทิ้ง
ผลก็คือเกิดอาการภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Systemic Lupus Erythematosus, SLE) หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “โรคพุ่มพวง”
จริงๆ แล้วโรคนี้เกิดได้หลายสาเหตุ ในปัจจุบันก็ยังบอกถึงสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้
แต่หนึ่งในสิ่งเล้าที่ทำให้เกิดโรคนี้เป็นหลักคือ ความเครียด นั่นเอง
ปล. เพราะอย่างนั้นเราต้องดื่มเหล้าฉลองกันบ่อยๆ จะได้ไม่เครียด อ้าว ไม่ใช่หรอกหรอ 😁😁😁
ดังนั้นการที่ภูมิคุ้มกันลดลงจากการใช้ Corticosteroids จึงเป็นสิ่งที่ต้องการแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร
แต่ถ้าใช้ติดต่อกันนานเกินไป จะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันโรคต่ำลง จนเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค เชื้อไวรัสได้ง่าย
ส่วนในไทยที่เป็นข่าวเรื่องผสม Steroid ในยาแผนโบราณ ยาลูกกลอน หรืออาหารเสริมเพื่อรักษาโรค ทำให้เกิดผลเสียตามมาทีหลังเนี่ย
มันก็คือ Corticosteroid นั่นเอง
 
ซึ่งส่วนใหญ่ที่มักผสมลงไปคือ เด็กซาเมทาโซน (Dexamethasone) และ เพร็ดนิโซโลน (Prednisolone)
ซึ่ง Corticosteroid ที่ใส่ไป มันไปลดอาการปวดอักเสบ ทำให้อาการดีขึ้นจริง อีกทั้งออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันให้ลดลงเพื่อลดอาการแพ้ตามผิวหนัง
แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ทราบก็จะใช้ในปริมาณเยอะและติดต่อกันเป็นปีๆ เพราะเห็นว่าใช้แล้วเห็นผลดี
แต่บางทีมันรักษาไม่ตรงจุด เมื่อใช้ไปนานๆ เข้า
ภูมิคุ้มกันก็อ่อนลงถึงจุดหนึ่ง อาการของโรคก็สะสมรุนแรงขึ้น จนกำเริบอีกครั้ง
ปล. บางทีก็ไม่เข้าใจ ทำไมผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่อธิบายให้ประชาชนอย่างละเอียด แค่บอกว่า Steroid อันตรายแค่นั้นจบ เหมือนจะให้คนเข้าใจผิดยังไงก็ไม่รู้
ในปัจจุบันเราใช้ชีวิตอยู่กับ Steroid ทั้ง 2 แบบ อย่างใกล้ชิด เพียงแค่เราไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
อย่างยาคุมกำเนิดที่ผู้หญิงใช้กันเป็นประจำ ก็เป็น Steroid ชนิดหนึ่งในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อฮอร์โมนเพศหญิง Estrogen & Progesterone Steroid
ซึ่งเป็นเครือญาติเดียวกันกับ Anabolic Steroid ที่ออกฤทธิ์กับฮอร์โมนเพศชาย
หรือในผู้ป่วยโรครูมาตอย (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคไขข้ออักเสบ โรคหลอดเลือดอักเสบ (Vasculitis) โรคภูมิแพ้ตัวเอง (Autoimmune Diseases) โรคหอบหืด (Asthma)
ล้วนแต่นำ Corticosteroid มาใช้รักษาหรือบรรเทาอาการทั้งสิ้น
ถ้า Steroid มันอันตรายจริงอย่างที่คนเค้าว่ากัน เค้าคงไม่นำมาใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคอ่อนไหวง่ายอย่างโรคหอบหืดหรอกครับ
หรือไม่ก็แพทย์ที่มีความชำนาญเค้าไม่เอา Test ที่เป็น Gears ในกลุ่ม Steroid มาใช้กับผู้ชายที่มีการเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ (Hypogonadism)
หรือนำมาบำบัดแบบ TRT ให้กับผู้ชายที่มีสภาวะฮอร์โมนต่ำหรือเข้าสู่วัยสูงอายุ
ซึ่งการนำ Test มาทำ TRT ในผู้สูงวัย เค้าจะใช้กันตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ ถ้าอันตรายอย่างนั้น เค้าคงไม่ให้ใช้กันเป็นปีๆ หรอกครับ
แต่ต้องคอยดูแลเรื่องระดับคอเลสเตอรอลจากอาหารการกินด้วย
ปล. Steroid ก็คือ Steroid สร้างมาจากคอเลสเตอรอลเหมือนกัน ต่างกันแค่อวัยวะบริเวณนั้นเอา Steroid ไปใช้ทำอะไรเท่านั้นเอง เผื่อมีคนจะมีคนแย้งว่า Anabolic Steroid กับ Cortocisteroid มันคนละแบบกัน ไม่เหมือนกันหรอก
สุดท้ายแล้ว Steroid ก็เปรียบเสมือนแกะดำที่ถูกคนใส่ร้ายอย่าง “กัญชา” นั่นเอง 😱😱
ทำไมแอดมินถึงพูดอย่างนั้น
เป็นสิบๆ ปีมาแล้วที่เรา (รวมทั้งแอดมินด้วย) ถูกสอนมาว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษร้ายแรง พอๆ กับยาบ้า เฮโรอีน
แต่ในความเป็นจริงกัญชาเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์มากมายในการรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพพอๆ กับยาแผนปัจจุบัน หรืออาจดีกว่าด้วยในบางโรค
แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มได้นำกัญชามาเสพเพื่อนันทนาการ ก็ถือเป็นเรื่องปกติในบางรัฐของอเมริกาและในบางประเทศ
และการเสพกัญชายังสามารถลดอาการตึงเครียด หรืออาการชักได้อย่างดี (ปล. ซึ่งแอดมินก็เห็นด้วยกับตรงนี้)
แต่มันกลายเป็นประเด็นใหญ่เนื่องจากการเสพกัญชาเพื่อนันทนาการมีโอกาสนำไปสู่ยาเสพติดประเภทอื่น
ซึ่งมันก็จริงอีก ยิ่งบ้านเรานี่เด็กสายเคมีเพียบ ผสมกันให้มันไปเลยตั้งแต่ 4x100 ยันเคมีขั้นสูงที่แม้แต่ด็อกเตอร์ด้านเคมียังงง ว่าคิดได้ยังไงกัน 55
อีกอย่างมันมีเรื่องตลกร้ายอย่างหนึ่งในวงการแพทย์คือ ผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างหมอกับบริษัทผลิตยา ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ทั่วทั้งโลกเลย
อย่างกัญชาก็คือหนึ่งในนั้น แม้ว่าในปัจจุบันหมอหลายคนเริ่มเปิดรับการนำกัญชามาใช้รักษาโรคแล้ว แต่ก็ยังถือเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ขณะที่บางส่วนก็ยังต่อต้านเหมือนเดิม บ้างก็อ้างเหตุผลเรื่องงานวิจัยที่รองรับในการรักษาโรค ซึ่งปกติงานวิจัยทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับจะต้องใช้ระยะเวลาศึกษาและเฝ้าติดตามผลผู้ป่วย 5-10 ปีขึ้นไปเป็นอย่างน้อย
2
แต่ก็มีบางกรณีเป็นข้องดเว้นอย่างไวรัส COVID-19 ที่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน งานวิจัยที่มีในตอนนี้ถือว่าเอามาใช้เป็นแนวทางได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีโอกาสเกิดความผิดพลาดในข้อมูลค่อนข้างสูง
แต่พอมีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่ายารักษาโรคบางตัวที่ใช้กันมาเป็นสิบๆ ปี ทำให้เกิดโรคร้ายแรงต่อชีวิต กลับโดนทำให้เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ทางการแพทย์จะเลิกนำมาใช้ก็ตาม แต่คนที่รับผลจริงๆ ก็คือคนไข้นั่นเอง
หนึ่งในผลประโยชน์ทับซ้อนที่เห็นได้ชัดเลย
ในอดีตนั้น สมัยที่กัญชาและสารสำคัญของกัญชาอย่าง THC และ CBD ยังผิดกฎหมายอยู่
แต่กลับมีบริษัทยายักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งได้สังเคราะห์สาร THC จากห้องแล็บ เลียนแบบกัญชามาผลิตเป็นยารักษาโรคแล้วตั้งชื่อทางการค้าให้ใหม่ เพื่อเลี่ยงข้อครหาที่จะเกิดขึ้น อย่าง Marinol
 
อีกอย่าง
ช่วงหนึ่งแอดมินได้ไปติดต่อประสานงานเรื่องการนำกัญชาไปใช้ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่ดังอันดับต้นๆ ของประเทศ ก็รู้อะไรมาเยอะ
ปล. ไม่ต้อง inbox มาถามเรื่องแหล่งซื้อขายกัญชาเน้อ เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ที่แอดมินรู้จักเค้าดูแลเรื่องนี้กับทางโรงพยาบาลอยู่ แอดมินไม่อยากไปรบกวนท่าน แต่ถ้าจะถามเรื่องการนำไปใช้รักษาโรค หรือความรู้เกี่ยวกับกัญชาอย่างนี้ก็พอได้ แอดมินยินดีให้คำปรึกษา
ส่วนใครอยากหาความรู้ด้านนี้ แอดมินแนะนำหนังสือที่ 2 คนนี้เขียน “Jorge Cervantes” กับ “Ed Rosenthal”
ทั้งสองคนนับว่าเป็นกูรูด้านกัญชาอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้
จริงๆ แล้วแทบทุกวงการล้วนมีด้านมืดเสมอ(รวมถึงหน่วยงานราชก....ด้วย) ซึ่งแอดมินก็รู้จนไม่อยากจะพูดอะไรมาก
เอาเป็นว่าตราชั่งแห่งความยุติธรรมมันไม่มีอยู่จริงหรอกครับ มีแค่จะเอียงมากเอียงน้อยเท่านั้นเอง
มาต่อเรื่องของเรากันครับ 😂😂😂
เอาง่ายๆ เลยเวลาใช้ยาสามัญประจำบ้านอย่างพาราเซตามอล
จะมีซักกี่คนที่สนใจหรือรู้ผลข้างเคียงจากการใช้ยาพาราเซตามอลบ้าง 🤔🤔
คำตอบคือ มีแบบนับคนได้เลย
มาดูกันว่ายาพาราเซตามอลมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
 อุจจาระเป็นเลือด หรือมีสีดำ
 ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะน้อยลงอย่างไม่มีสาเหตุ
 มีอาการไข้ หนาวสั่น
 ปวดที่หลังส่วนล่างอย่างรุนแรง
 มีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามผิวหนัง
 มีผื่นคัน
 เจ็บคอ
 มีแผลร้อนใน หรือ จุดขาวๆ ขึ้นที่ริมฝีปากหรือภายในช่องปาก
 เลือดออกผิดปกติ
 ความดันโลหิตต่ำ และเกิดหัวใจเต้นแรง
 เหนื่อยง่ายผิดปกติ
 ตาเหลือง ตัวเหลือง
 ทำลายตับและไต อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
แล้วถ้าใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดคือ 500-1000 มิลลิกรัม (พาราเซตามอลเพียง 2 เม็ดเท่านั้น) ก็อาจเกิดอาการดังนี้
 ท้องเสีย
 เหงื่อออกมากผิดปกติ
 เบื่ออาหาร
 คลื่นไส้หรืออาเจียน
 ปวดท้องอย่างรุนแรง
 มีอาการปวดบวม ที่บริเวณหน้าท้องส่วนบน หรือบริเวณช่องท้อง
เห็นมั้ยครับว่ายาสามัญประจำบ้านที่เหมือนจะปลอดภัยอย่างพาราเซตามอล ที่เวลาไปโรงพยาบาลแล้วได้มากันบ่อยๆ เนี่ยมันมีผลข้างเคียงที่ดูน่ากลัวอย่างนี้เลย
หมอหรือเภสัชเค้าไม่มานั่งบอกผลข้างเคียงทั้งหมดให้คนไข้หรอกครับ บอกไปนี่ไม่มีใครกล้าใช้หรอก
นอกจากคุณใช้ไปแล้วเจอผลข้างเคียงเข้า หมอจึงค่อยบอก
ปล. ถ้าไม่เชื่อสิ่งที่แอดมินพูดก็ลองค้นหาดูได้ครับ หรือไปเปิดตำราหรืองานวิจัยที่เกี่ยวกับยาพาราเซตามอลเลยก็ได้ครับ สิ่งที่แอดมินเอามานี่มาจากความจริงทั้งนั้น
หรืออีกอันก็ครีเอทีน (Creatine) อาหารเสริมยอดนิยมของใครหลายคน
ที่บรรดาผู้ขายบอกว่าปลอดภัย 100% ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีอะไรปลอดภัย 100% หรอกครับ ปล. ขนาดผักผลไม้ยังแถมยาฆ่าแมลงให้เลย
เรามาดูกันว่าผลข้างเคียงของ Creatine มีอะไรบ้าง 🤔🤔
 กล้ามเนื้อเป็นตะคริว
 คลื่นไส้ เวียนศรีษะ
 ท้องเสีย
 เจ็บกระเพาะและลำไส้
 ขาดน้ำ
 น้ำหนักขึ้น
 ร่างกายบวมน้ำ
 โดนอากาศร้อนไม่ค่อยได้
 เป็นไข้
นอกจากนี้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตไม่ควรกิน Creatine หรือผู้ที่มีป่วยเป็นเบาหวาน ไม่ควรใช้ Creatine เพราะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเกี่ยวกับไต
รวมทั้งผู้ที่มีอาการสองบุคลิก (Bipolar Disorder) ไม่ควรใช้ Creatine เนื่องจากมีรายงานมาว่าทำให้อาการแย่ลง
และยังมีข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงในการใช้ Creatine ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ และผู้ขายก็ไม่ได้บอกกับลูกค้าด้วยคือ
1. เลี่ยงการใช้ Creatine ในปริมาณสูง เมื่อใช้ยาในกลุ่ม Nephrotoxic Drugs ที่เป็นพิษกับไต เช่นยาในกลุ่มยาแก้ปวดที่ไม่ใช่ Steroid (NSAIDs) อย่าง ไบบิวโพรเฟน (Ibuprofen) นาโปรเซน (Naproxen Sodium) หรือไซโคลสปอริน (Cyclosporine) เพราะว่า Creatine จะไปเสริมความเป็นพิษต่อไต
2. เลี่ยงการใช้ Creatine ร่วมกับคาเฟอีนหรือสมุนไพรที่มี Ephedra ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง อย่างโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
ถ้าเอามาเทียบกับผลข้างเคียงที่อาจจะเจอในการใช้ Anabolic Steroid ที่หลายต่อหลายคนกลัวนักกลัวหนาเนี่ย ผลข้างเคียงจาก Anabolic Steroid ดูเด็กไปเลย
ปล. แอดมินเปรียบเปรยเฉยๆ มันไม่ขนาดนั้นหรอก 😆😆😆
เรามาดูผลข้างเคียงของ Steroid โดยแอดมินขอเน้นไปที่ Anabolic Steroid นะครับ
ปล. อ้างอิงจากเว็บหมอของไทยนะครับ ในเว็บอาจมีไม่ครบทุกข้อ แต่ก็เป็นข้อหลักๆ ที่คนกลัวกัน
 มีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น ปริมาณอสุจิลดลง เป็นหมัน หรือมีบุตรยาก อัณฑะเล็กลง และหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ปล. อาร์โนลนี่ลูก 3 เลย คิดกันเอาเองครับ
 ผมร่วง ศีรษะล้าน สิว หนวด เคราขึ้น
ปล. อันนี้ผลมาจากระดับฮอร์โมนชายที่มากขึ้น และมีกรรมพันธุ์ของผู้ใช้เป็นส่วนเสริม ตอบยากครับ อย่างแอดมินมีกรรมพันธุ์หัวล้าน ใช้พวกนี้ก็ร่วงเท่าเดิม
 เต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้น
ปล. เกิดจากฮอร์โมนเพศชายเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนหญิง ซึ่งเกิดกับ Anabolic Steroid บางตัว แล้วอยู่ที่ความไวของฮอร์โมนแต่ละคนด้วย อีกอย่างต่อให้คุณไม่ใช้ Anabolic Steroid คุณก็เป็นได้ ถ้าไขมันสะสมในร่างกายเยอะๆ
 เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
ปล. อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ต่อให้คุณไม่ใช้ คุณก็เป็นอยู่ดี เพราะมันมาจากองค์ประกอบโดยรวม ไม่ใช่จากระดับฮอร์โมนอย่างเดียว ปัจจุบันหมอยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้เลย และจากสถิติคนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก็แทบไม่มีใครเคยใช้ Anabolic Steroid เลย
 ความต้องการทางเพศสูงขึ้น
ปล. อันนี้ไม่แน่ใจข้อดีหรือข้อเสีย 😂😂😂
 เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและตับ
ปล. สาเหตุหลักของการเกิดโรคทั้ง 2 มาจากคอเลสเตอรอลที่สูงเข้าระดับอันตราย การใช้ Anabolic Steroid แค่มีส่วนทำให้ระดับคอเลสเตอรอลขึ้นง่ายเฉยๆ
ดังนั้นต่อให้คุณไม่ใช้ Anabolic Steroid แต่คุณไม่ดูแลเรื่องอาหารเลย คุณก็เป็นพวกนี้อยู่ดี เพราะคอเลสเตอรอลมาจากอาหารเป็นหลัก
ในความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่จะเจอผลข้างเคียงทุกข้อดังที่กล่าวมาเนี่ย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย มันจะต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นที่เราเป็นมาก่อนหน้านี้แล้วหนุนนำให้เกิดด้วย
ไม่อย่างนั้นเวลามีอาการปวด เป็นไข้แล้วกินพารา แทนที่จะหาย ได้ไปนอนโรงพยาบาลกันทุกคนละ
 
Gears ก็เหมือนกัน ผลข้างเคียงบางอย่างมันไม่ได้เกิดง่ายขนาดนั้น
ดังนั้นการดูแลสุขภาพการกินอาหารจึงเป็นเรื่องที่ควรดูแลเอาใจใส่เสมอ อาจมีหลุดบ้างเป็นบางครั้ง
แต่อย่าให้นาน เพราะพวกนี้อาการมันไม่ออกทันทีทันใดหรอกครับ ส่วนใหญ่มันมาแบบตู้มเดียวเรียบร้อย
พอถึงเวลานั้นใครทำประกันสุขภาพไว้ก็ดีไป ใครมีเงินเก็บก็เอาออกมาใช้ ส่วนใครไม่มีละทำไง ก็คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม
หมอเค้าไม่มานั่งสนใจอะไรมากหรอกเพราะเค้ามีคนไข้ที่ต้องดูแลรับผิดชอบเยอะ
โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน เค้ามองว่ามันเป็นธุรกิจ ทุกอย่างล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น
เว้นแต่หมอเค้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ หรือไม่คุณก็โชคดีเจอหมอที่ดีมาก เค้าจะพยายามช่วยคุณสุดความสามารถของเค้า นั่นเป็นโชคดีของคุณเลยละ
ปล. ที่แอดมินพูดอย่างนี้ไม่ได้ต้องการเสียดสีอาชีพหมอเลย เพราะผู้มีพระคุณของแอดมินก็เป็นอาจารย์หมอเหมือนกัน แต่มันคือสัจธรรมของโลกใบนี้ ใครที่ผ่านจุดนี้มาแล้วจะเข้าใจดี
เพราะฉะนั้นเริ่มดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่วันนี้ได้แล้วครับ ไม่ใช่เป็นแล้วค่อยมาดูแลตัวเอง นั่นคือสายไปแล้ว แต่มันก็ไม่ได้สายเกินแก้
ต่อเรื่อง Steroid กันครับ เผลอไม่ได้เลยแอดมินนี่นอกเรื่องตลอด 😂😂😂
สุดท้ายแล้ว Steroid เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ขาดไม่ได้ หากร่างกายขาดฮอร์โมน Steroid ไป ระบบต่างๆ ในร่างกายก็จะล้มเหลวในที่สุด
เปรียบเสมือนกาบา (GABA) ที่เป็นสารสื่อกลางในระบบประสาทของร่างกายมนุษย์
การใช้ Anabolic Steroid มันก็ไม่ต่างอะไรกับการทำโบท็อก (Botox) ของผู้หญิงหรอก
ทำไมแอดมินถึงเปรียบเทียบอย่างนั้น 🤔🤔
ก็เพราะการทำโบท็อกคือการไปรบกวนระบบประสาท เพื่อทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนเป็นอัมพาตชั่วคราว
โดยใช้แบคทีเรียในกลุ่ม คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum)
ซึ่งจัดว่าเป็นแบคทีเรียที่เป็นพิษต่อระบบประสาท
แหม่ ก็ชื่อเต็มของ Botox มันมาจากคำว่า โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) นี่เนอะ
แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าในบางประเทศได้นำ Botulinum Toxin มาพัฒนาเป็นอาวุธชีวภาพเพื่อฆ่าคนด้วย
ถามว่าพอรู้อย่างนี้แล้วผู้หญิงยังกล้าไปทำอยู่มั้ย คำตอบคือไปทำเหมือนเดิม (ก็อยากสวยนิ)
ปล. แอดมินพิสูจน์มาละ ต้องเป็นคนออกเงินให้ด้วย 😂😂😂
แน่นอนว่าผลข้างเคียงที่อาจเจออย่างคิ้วเบี้ยว คางเบี้ยว ตาตก ตาแหล่ อาจเจอเป็นเรื่องปกติของการทำ Botox
(รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง เพลงของ Big Ass ลอยมาเลย 😆😆)
แน่นอนว่าถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินไป มันไม่ดีแน่นอน ยังไม่รวมพวก Anabolic Steroid หรือ Corticosteroid ที่คลินิกเสริมความงามนำมาใช้อีกหลายต่อหลายตัว
Anabolic Steroid ก็เหมือนกัน ถ้าใช้แล้วรู้จักควบคุมปริมาณตามที่คนอื่นเค้าใช้กัน มันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ คนเค้าใช้กันมาเป็นสิบๆ ปี
ปล. เดี๋ยวมีคนบอกว่าแล้วที่เป็นข่าวที่ใช้ Anabolic Steroid แล้วตายๆ กันนี่ มันปลอดภัยตรงไหน วงการกีฬาก็ห้ามใช้
การตายจากการใช้ Anabolic Steroid เนี่ย ปีนึงนี่นับคนได้เลย ทั่วโลกนะครับ
เรามาฟังข้อเท็จจริงกันก่อน
มีงานวิจัยจำนวนหนึ่งของวารสารชื่อดังระดับโลก ที่ศึกษาผู้ที่เสียชีวิตจากการใช้ Anabolic Steroid ว่าไม่ได้มาจากการใช้ Anabolic Steroid โดยตรง
แต่เป็นความสัมพันธ์ทางอ้อมเท่านั้น หรือก็คือ Anabolic Steroid ไปเพิ่มอาการหรือในสิ่งที่เป็นอยู่แล้วให้มากขึ้น
และงานวิจัยแทบทุกชิ้นจะบอกไว้ทุกครั้งว่า เกิดจากการใช้แบบ Long-Term หรือใช้นานกว่าปกติ และใช้ในปริมาณที่สูงกว่าปกติทั่วไปมาก
แต่ข่าวบางสำนักที่ไร้จรรยาบรรณที่ต้องการจะขายข่าว พอรู้ว่าคนที่เสียชีวิตใช้ Anabolic Steroid ก็จับมาโยงว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
ทั้งๆ ที่ผู้ตายเสียชีวิตจากสาเหตุอื่นหรือมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว
อย่างข่าวการเสียชีวิตของ Eddie Guerrero นักมวยปล้ำชื่อดัง ที่โดนกล่าวหาว่าใช้ Anabolic Steroid จนเสียชีวิต
แต่ในความเป็นจริงแล้ว Eddie เสพติดยาระงับปวด (Painkiller) หลังจากเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ปี 1999 และ Eddie ก็เป็นคนติดแอลกอฮอล์ค่อนข้างหนักด้วย
อย่างที่เรารู้กันครับ ยาระงับปวดมีผลเสียเป็นอย่างมากกับร่างกาย หากใช้ติดต่อกันนานๆ
หลังจากที่ Eddie เสียชีวิต หมอที่ชันสูตรศพตรวจพบยาระงับปวดและ Anabolic Steroid ที่ตกค้างในร่างกาย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่กลับกลายเป็นว่าสำนักข่าวเหล่านี้เอามาบอกว่า Anabolic Steroid เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิต โดยที่ไม่พูดถึงเรื่องยาระงับปวดและแอลกอฮอล์เลย
ซึ่งขนาดบันทึกของหมอที่ชันสูตรศพยังได้แค่บอกว่าสาเหตุการเสียชีวิตของ Eddie มาจากหลายๆ สาเหตุประกอบกัน
อีกเรื่องก็ที่ Arnold Schwarzenegger ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเมื่อไม่นานมานี้
ก็โดนข่าวบางสำนักประโคมข่าวว่ามาจากการใช้ Anabolic Steroid อย่างหนักจนเป็นโรคหัวใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Arnold เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว
ทั้งๆ ที่ตัว Arnold เองหรือหมอที่ทำการรักษาออกมาพูดแล้วก็ตาม แต่สำนักข่าวเหล่านี้ก็ยังไม่หยุดโจมตีเรื่องการใช้ Anabolic Steroid
แต่พอมองกลับมายังคนที่เสียชีวิตจากการใช้ยาอย่างอื่น เช่น ยาในกลุ่มโอปิออยด์ (Opioid) ที่หมอจ่ายให้คนไข้เนี่ย ปีนึงเสียชีวิตเป็นแสนๆ คน
อย่างในปี 2015 มีคนเสียชีวิตทั่วโลกจากยาแผนปัจจุบันประมาณ 4 แสนกว่าคน และมาจาก Opioid ถึง 2 ใน 3 ยังไม่รับรวมผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ Opioid อีกล้านกว่าคน (ข้อมูลจาก WHO)
ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าการตายจาก Opioid มาจากการใช้ยาเกินขนาด
แต่เมื่อเทียบจำนวนผู้ที่เสียชีวิตระหว่าง Anabolic Steroid กับ Opioid ก็ยังต่างกันราวฟ้ากับเหวอยู่ดี
แต่ไม่เห็นมีใครออกมาบ่นหรือว่าร้ายเหมือน Steroid เลย งงเหมือนกัน คืออาจมีเป็นข่าวบ้าง แต่ก็เงียบไป
ซึ่งมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีก แอดมินไม่ขอพูดละกัน มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนต่อวงการนี้
อย่างในอเมริกาประเทศเดียวมีคนใช้ Anabolic Steroid เป็นหลักล้านคนก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ นักกีฬา ใช้กันเต็มไปหมด ยังไม่รวมในวงการบันเทิงอีก
แล้วก็ยังมีนักเรียนระดับ High School หรือ ม.5-ม.6 บ้านเราเนี่ย ก็ใช้ Anabolic Steroid กันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคนที่เป็นนักกีฬา เพื่อให้เข้าตาแมวมองทั้งหลาย
ปล. เอาจริงๆ แล้ว นักเรียนวัย 17-18 ปี ยังไม่สมควรใช้ด้วยเพราะว่ายังอยู่ในวัยเจริญเติบโต และเป็นช่วงที่ฮอร์โมนมากสุดในชีวิตด้วย
เลยเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาโจมตี Anabolic Steroid มากขึ้น ซึ่งแอดมินก็เห็นด้วยกับที่วัยนี้ยังไม่สมควรใช้ อย่างน้อยควรอายุพ้น 20ปีไปแล้ว
แต่กลายเป็นว่ากระแสโจมตี Anabolic Steroid ลามมั่วไปหมด โดยไม่สนเหตุผลเลย จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก 🤬🤬
แอดมินก็บอกอย่างนี้ละกันว่าส่วนใหญ่ที่ใช้ Anabolic Steroid แล้วเป็นเรื่องกันนี่ เพราะอยากเห็นผลลัพธ์เร็วๆ ก็อัดกันไปสิ หรือเริ่มใช้ครั้งแรกก็อัดตัวแรงๆ ไปเลย โดยไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน
เค้าบอก 300-500mg. ต่อสัปดาห์พอนะ พี่เล่น 1400-1500mg. ต่อสัปดาห์ แล้วใช้หลายตัวพร้อมกันอีก มันก็เจอผลข้างเคียงกันไปสิ ต้องตามแก้กันวุ่น
หรืออีกอันก็ใช้ติดต่อกันนานเป็นปีๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครเค้าใช้ติดต่อกันเป็นปีๆ หรอกครับ
และส่วนใหญ่ที่ถึงขั้นเสียชีวิตก็ไม่ได้มาจากการผลของ Anabolic Steroid โดยตรง แต่มาจากระดับคอเลสเตอรอลที่สูงเข้าระดับอันตรายทำให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา
เพราะระหว่างใช้ Anabolic Steroid คอเลสเตอรอลจะขึ้นง่ายกว่าปกติ
ปล. ฮอร์โมน Steroid สร้างมาจากคอเลสเตอรอลอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สังเกตได้ว่าระดับคอเลสเตอรอลมันแกว่งขึ้นๆ ลงๆ เอง แม้ว่าคุมอาหารอยู่ เพราะเกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย
คือถ้าคุณไม่มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลสูงอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร แค่คุมอาหารหน่อย กินพวกไขมันดีมีประโยชน์ก็โอเคแล้ว
แต่ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลสูงอยู่แล้ว แล้วไม่ปรับเปลี่ยนการกินการออกกำลังกาย แล้วยังใช้ Anabolic Steroid อีก
สุดท้ายคอเลสเตอรอลก็เข้าสู่ระดับอันตราย ทำให้เกิดพวกเส้นเลือดตีบ ไขมันพอกตับก็ว่ากันไป
มันก็ไม่ต่างอะไรกับการติดน้ำตาลจนเป็นเบาหวาน หรือกินเหล้าจนเป็นโรคตับหรือเป็นสาเหตุหนึ่งในอุบัติเหตุทางรถยนต์
ไม่เห็นมีใครสั่งห้ามเพราะเป็นหนึ่งในสาเหตุให้เกิดโรคหรือเสียชีวิตเลย 🧐🧐
อย่าลืมว่าคุณใช้เวลาอยู่กับ Gears แค่ไม่กี่เดือนแล้วหยุดพักตามรอบการใช้ แต่กับอาหารการกินคุณอยู่กับมันทุกวัน วันละ 3 มื้อ ยังไม่รวมของกินเล่น เหล้าเบียร์อีก ต่างๆ นาๆ อีก
มีทฤษฏีทางการแพทย์หนึ่งบอกว่าคอเลสเตอรอลในร่างกายมาจากฮอร์โมนถึง 75% อีก 25% มาจากอาหารการกิน
แต่ในความเป็นจริงแล้วคอเลสเตอรอลที่มีจากอาหาร 25% มีอิทธิพลมากกว่าคอเลสเตอรอลจากฮอร์โมนแบบเทียบกันไม่ได้เลย
เพราะอะไร 🤔🤔
ก็เพราะว่าคอเลสเตอรอลจากอาหารเราเติมเข้าร่างกายทุกวันๆ วันแล้ววันเล่าไม่มีจบสิ้นจนกว่าเราจะตายนั่นเอง
ส่วนถ้าใช้ Anabolic Steroid หรือ Gears ในปริมาณปกติ แล้วเจออาการแปลกๆ ให้หยุดใช้แล้วกลับไปเช็คของที่ใช้อยู่ว่าแท้มั้ย
เพราะเดี๋ยวนี้มันมีของปลอมกันเยอะ หรือบางทีแอบผสมอย่างอื่นเพื่อลดต้นทุนก็มี (ของผสมที่แถมมาให้นี่แหละน่ากลัว)
ดังนั้นเลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือหน่อยก็ดีครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
ส่วนเรื่องที่โดนแบนจากวงการกีฬาเนี่ย สาเหตุจริงๆ มันไม่ได้มาจากความอันตรายของ Steroid ที่นักกีฬาจะเจอหรอกครับ
แต่มันมาจากการที่เมื่อใช้ Anabolic Steroid หรือ Gears คุณจะมีสมรรถภาพร่างกายเหนือมนุษย์มนาทั่วไป ทำให้ไม่ยุติธรรมต่อฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก
แล้วมันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า One Man Show หรือเทพอยู่คนเดียว เพื่อนร่วมทีมไม่ต้อง (คนที่เล่นเกมส์พวก RoV, LoL , Dota จะเข้าใจดี 😂😂😂)
แล้วอีกเรื่องก็คือสปอนเซอร์คงไม่ชอบใจที่ทีมตัวเองแพ้ขึ้นมา เพราะอีกทีมใช้ Gears แต่ทีมตัวเองไม่ได้ใช้ (ก็คนออกเงินของแต่ละทีมนิ)
หรืออีกหนึ่งข้อถกเถียงที่เคยมีมาในวงการกีฬา คือถ้าใช้ Gears ทั้ง 2 ทีม แล้วเกิดแพ้ขึ้นมา ก็จะมีข้ออ้างว่าอีกทีมใช้ของแรงกว่า ดีกว่า เลยสู้ไม่ได้
สุดท้ายจึงหาข้อสรุปไม่ได้ กลายเป็นสั่งห้ามใช้แทน จนกลายมาเป็นเรื่องใหญ่โตเข้าใจผิดตามปัจจุบัน (ก็แพ้แล้ว มันส่งผลถึงชื่อเสียงของสปอนเซอร์ด้วย)
ในปัจจุบันทางสมาคมกีฬาโลกยังคงถกเถียงเรื่องการนำ Anabolic Steroid หรือ Gears กลับมาใช้ในวงการกีฬาอยู่เสมอ
เพราะว่าจากสถิติโลกด้านกีฬาแทบทั้งหมด ล้วนเกิดจากผู้ที่ใช้ Gears แทบทั้งสิ้น
ไม่แน่ในอนาคตเราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในวงการกีฬาก็ได้ ใครจะไปรู้ 😱😱
เกร็ดความรู้เล็กน้อย
ถ้าสังเกตรายชื่อสารที่ถูกแบนในวงการกีฬา จะมีการเพิ่มชื่อสารใหม่ๆ แทบจะทุกปี ซึ่งพวกนี้ไม่ได้มาจากไหนหรอกครับ ก็มาจากพี่นก พี่หมี พี่มังกรของเรานั่นเอง
สำหรับ IFBB สมาคมกีฬาฟิตเนสและเพาะกายโลกและ WBFF สมาคมฟิตเนสบิกินี่หญิงโลก เค้าก็ให้ใช้ Gears ได้ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร อาจมีเป็นข่าวเรื่องต่อต้านอยู่บ้างตามกระแสสังคม แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนกฎอะไร
แต่ก็อย่างว่าครับ อะไรที่ขัดต่อกระแสสังคมมักจบไม่สวยทุกราย คงต้องรอเวลาให้สังคมเริ่มเปิดรับเหมือนกับกัญชานั่นแหละ
ปล. ที่น่าตลกในวงการกีฬาระดับโลกคือ มีการแบน Corticosteroid บางประเภทที่ไว้รักษาโรคด้วย
ถ้าสมาคมกีฬาเค้าสนใจสุขภาพความปลอดภัยของนักกีฬาจริง เค้าคงออกกฎห้ามไม่ให้นักกีฬากินเหล้ากินเบียร์ตลอดช่วงเวลาที่เป็นนักกีฬา บางคนนี่อาจถึงขั้นเล่น....ด้วย (เอาจริงๆ อันหลังสุดคนเค้าก็รู้กันหมดแหละ ยิ่งในระดับโลก ต้องปิดให้เงียบไว้ ไม่งั้นชื่อเสียงเละ)
โดยปกติแล้วนักกีฬาจะคำนวณระยะเวลาในการใช้หรือปรับเปลี่ยน Anabolic Steroid หรือ Gears เพื่อไม่ให้ตรวจพบ
ส่วนที่โดนๆ กันนี่แจ็คพอตทั้งนั้น สังเกตได้จากเวลาข่าวออกจะบอกว่าตรวจพบ Anabolic Steroid ในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แสดงว่านักกีฬาจบรอบการใช้ไปแล้ว แต่ยังเหลือในร่างกายอยู่
ยังไงพอจบฤดูกาลแข่ง (Off Season) นักกีฬาส่วนใหญ่ก็กลับไปใช้ Anabolic Steroid หรือ Gears เพื่อฝึกอยู่ดี
อย่าง WNBF สมาคมกีฬาฟิตเนสและเพาะกายโลก ที่แยกตัวออกมาจาก IFBB ด้วยกล่าวว่าเป็นการแข่งแบบสายธรรมชาติ 100% พอเอาเข้าจริงแล้ว นักกีฬาแทบทุกคนก็ใช้ Anabolic Steroid หรือ Gears อยู่ดี
แค่พอใกล้ฤดูกาลแข่งก็จะหยุดใช้เพื่อไม่ให้ตรวจเจอเท่านั้นเอง ผลของการใช้มันไม่ได้หายไปง่ายๆ
เพราะฉะนั้นจึงไม่มีคำว่าสายธรรมชาติโดยแท้จริงหรอกครับ
ปล. แอดมินไม่ได้เหมารวมว่าใช้ทุกคนนะครับ แต่มันเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรนั่นแหละ
ลองนึกภาพในสนามแข่งอเมริกันฟุตบอล มีแต่กัปตันอเมริกาวิ่งเต็มไปหมด แค่นึกก็สนุกละ 😂😂
ปล. เออ ถ้าใครมีของดีแบบเซรั่มกัปตันอเมริกา บอกแอดมินด้วยนะ จะได้ไปเอามาใช้ แหม่ แค่เข้าตู้อบไม่กี่นาที กล้ามก็มาเป็นมัดๆ ละ ไม่ต้องเหนื่อยออกกำลังกายเหมือนใช้ Gears เลย
อีกอย่างแอดมินไม่เห็นมีคนแอนตี้กัปตันอเมริกาเรื่องนี้กันเลย กลับชอบกันซะด้วยซ้ำ
พอในชีวิตจริงกลับแอนตี้ เหมือนคนใช้ Steroid หรือ Gears เป็นผู้ร้ายไปฆ่าใครมา ก็แปลกเหมือนกัน 😢😢
ส่วนใหญ่เรื่อง Steroid เนี่ย คนใช้ไม่ได้พูด คนพูดไม่ได้ใช้
สรุปว่า Steroid จะทำให้เกิดอันตรายก็ต่อเมื่อ
1. ใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าปกติ
2. ใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ร่วมปี
3. ไม่รู้ว่าสิ่งที่ใช้อยู่เป็น Steroid หรือมี Steroid ผสมอยู่ (อันนี้หมายถึง Corticosteroid นะครับ) ทำให้ไม่เกิดการระวังตัวหรือวางแผนในการใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะคุณคิดว่าอาหารเสริมหรือยานั้นดี ช่วยทำให้อาการเบาลงหรือหาย จนทำให้เกิดข้อ 1 หรือข้อ 2 ขึ้น
4. มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ ตับ ไตหรือคอเลสเตอรอลสูงในระดับอันตราย
อ่านมาถึงตรงนี้ คนอ่านบอก อ้าว แค่นี้ก็จบเรื่อง ให้นั่งอ่านตั้งนาน ไม่ได้ๆ เดี๋ยวแอดมินตกงาน 😆😆
ถ้าใครบอกว่ากลัวหรือปฏิเสธ Steroid เพราะว่าเป็นสารกระตุ้นหรือสารเคมี นั่นผิดเลย เพราะ Anabolic Steroid แทบทุกตัวมีโครงสร้างแบบฮอร์โมนเพศชายหรือ Testosterone ที่ร่างกายสร้างขึ้นทุกประการ
การใช้ Anabolic Steroid คือการเพิ่มระดับฮอร์โมนให้มากกว่าที่ร่างกายสร้างเท่านั้นเอง
อีกนัยหนึ่งคือร่างกายมีระดับไนโตรเจนและจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงมากขึ้น ทำให้ร่างกายนำโปรตีนมาสร้างกล้ามได้มากขึ้น ซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น กำลังมากขึ้น ซึ่งมันเป็นกลไกทางธรรมชาติอยู่แล้ว
การเรียกว่าสารกระตุ้นจึงเป็นอะไรที่ดูย้อนแย้งกับความเป็นจริงซะมากกว่า
 
การกลัวหรือปฏิเสธ Anabolic Steroid เหมือนกับว่าคุณปฏิเสธฮอร์โมน Testosterone ในร่างกายคุณเอง
มันก็คล้ายกับการล่าแม่มดในอดีตนั่นแหละครับ ที่จับเอาสาวชาวบ้านบริสุทธิ์มาสังเวย เพียงแค่คุณหวาดกลัวและไม่เข้าใจในสิ่งนั้น
คนที่รู้ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากการโยนความผิด
หวังว่าทุกท่านที่ได้อ่าน จะเข้าใจเรื่อง Steroid กันใหม่นะครับ
#RightGears #TrainHard #EatProper
ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปก็ไม่ถึงเป้าหมาย
ทุกอย่างล้วนมีข้อดีข้อเสีย แค่ใช้อย่างระมัดระวังและมีความรู้ครับ
ด้วยความปรารถนาดีจาก Muscle Gears Thailand
ยินดีให้คำปรึกษา สอบถาม จัดตารางการใช้อย่างมืออาชีพ
Facebook : Muscle Gears Thailand
Line : @musclegearsthailand ไม่มี s หลัง gear
Instagram : muscle_gears_thailand
Blockdit : Muscle Gears Thailand
กดถูกใจ ติดตามเพจทั้ง Facebook, Line, Instagram และ Blockdit วันนี้
รับส่วนลด 10% ทันที
#musclegearsthailand
#zerotomonster
#fitness #bodybuilding #bodybuilder #leaner #bigger #stronger #atechlabs #atechlabsteam #cardio #gym #fitnessmotivation #fitnessaddict #anavar #steroid #gears #สร้างกล้าม #ลดไขมัน #คาร์ดิโอ #เล่นกล้าม #ฟิตเนส #เพาะกาย #อนาวา
โฆษณา