21 พ.ค. 2020 เวลา 15:57
"บุญบั้งไฟ : ประเพณีที่เปลี่ยนไปกับความหมายใหม่ที่เปลี่ยนแปลง"
บุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่ถูกพูดถึงในฐานะการต่อรองทางวัฒนธรรมมากที่สุดประเพณีหนึ่ง..เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโลกทัศน์ หรือภูมิลักษณ์วัฒนธรรมและการเมืองของผู้คนในอีสานอย่างรุนแรงในทศวรรษหลังสงครามเย็นสิ้นสุด
....ในทศวรรษที่ 2530 บุญบั้งไฟถูกรัฐจัดให้เป็นประเพณีประจำจังหวัดยโสธร การปฏิบัติการนี้แม้จะเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยว แต่ในทางกลับกันก็หักล้างความหมายดั้งเดิมของชาวอีสานมาก เพราะบุญบั้งไฟ "วัฒนธรรมร่วม" ของคนภูมิภาคอินโดจีนรวมฝั่งขวาของแม่น้ำโขงด้วย ซึ่งเมือง หมู่บ้านหรือชุมชนในเขตวัฒนธณรมเดียวกันนั้นถือปฏิบัติเรื่อยมา แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณและการสื่อสารให้เป็นงานประจำจังหวัดจากรัฐเท่านั้นเอง
....หลังจากผ่านไป 30 ปี บุญบั้งไฟยโสธรเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง นี่คือความสำเร็จของ ททท. และรัฐในการขายวัฒนธรรมให้เป็นสินค้า ทำให้ท้องถิ่นแต่ละเเห่งซึ่งมีบุญบั้งไฟเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมเหมือนกับยโสธร เล็งเห็นว่าบุญเดือนหกนี้ดีกระตุ้นการท่องเที่ยวและรื่นเริงแท้ ดังนั้นจึงต้องการจะทำการเปลี่ยนวัฒนธรรมตนให้มีจุดขายเช่นเดียวกัน "การต่อรองเชิงความหมาย" หรือ Negotiation of Meaning จึงเกิดขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 30 ปี
....ปัญหาในการแปรวัฒนธรรมบุญบั้งไฟเป็นสินค้า คือ บุญบั้งไฟที่ยโสธร ถือครองความหมายและความเป็นเจ้าของ "บุญบั้งไฟ" ผ่านอำนาจรัฐ ซึ่งมีอานุภาพสูงกว่า พูดง่ายๆ คือ หากแนะนำฝรั่งว่าถ้าจะไปเที่ยวบุญบั้งไฟ เชื่อได้เลยว่าชื่อเเรกที่ทุกคนจะเอ่ย คือ "ไป ยโสธรสิยู" ดังนั้นแล้วท้องถิ่นอื่นๆ จะช่วงชิงความหมายนี้จากพลังของรัฐอย่างไร?
....ปรากฏการณ์การช่วงชิงหรือต่องรองความหมายทางวัฒนธรรมนี้ถูกอธิบายในการศึกษาของ ปฐม หงษ์สุวรรณ (2554) จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม แสดงให้เราเห็นว่า "ท้องถิ่น" ได้ทำการ "ประดิษฐ์ประเพณีใหม่" โดยใช้วัตถุดิบเดิม ตามแนวคิดเรื่อง invented tradition ของ Eric hobsbawm (1983) นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ กล่าวคือ ท้องถิ่นต่างๆ จะใช้ "ความดั้งเดิม" ความเก่าแก่โบราณ หรือความเป็นอีสาน มาสร้างประเพณีใหม่ผ่าน Concept ของงาน เราเห็นได้จากชื่องาน เช่น
"มาเบิ่งบั้งไฟล้านบุญบั้งไฟโบราณอุบล" เห็นไหมครับ "บั้งไฟโบราณ" คำว่าโบราณแสดงความจริงแท้กว่า "ของยโสน่ะหรือทำเพื่อเที่ยวแน่ๆ" (อารมณ์ประมาณนี้) ความโบราณจึงถูกนำมาต่อรองกับวาทกรรมบุญบั้งไฟยโสธร
อีกวิธีที่ใช้คือการสร้างอัตลักษณ์ให้กับงานบุญบั้งไฟใหม่ เช่น "บุญบั้งไฟสิบล้าน อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด" หรือ "บุญบั้งไฟ 2 กือ" (ปกติบั้งไฟอัดดินประสิวน้ำหนักหมื่น แสน ล้าน กือ ตามลำดับ โดยที่มาตราลาวโบราณถือว่า ๑๐ ชั่งเป็นหมื่น ๑๐ หมื่นเป็นแสน ๑๐ แสนเป็นล้าน ๑๐ ล้านเป็นโกฏิ ๑๐ โกฏิเป็นหนึ่งกือ) วิธีนี้ทำเพื่อสร้างความแปลก หรือ exotic เป็นสีสัน และเชื่อมโยงสำนึกเพื่อสร้างแบรนด์ ติดป้ายสินค้าวัฒนธรรมอีสานเพื่อต่อรองกับประเพณีกระแสหลักที่จำเจมากว่า 30 ปี
.....การศึกษาลำดับพิธีกรรมของบุญบั้งไฟยโสธร โดยปฐม ยังทำให้เห็นว่าท้องถิ่นยโสธรเองก็ปรับประเพณีตนให้สามารถต่อรองและ "ขายได้" เพื่อแข่งกับท้องถิ่นอื่นๆ เช่น ยโสจัด "บั้งไฟนานาชาติ" ที่จัดร่วมกับญี่ปุ่น
........"ประเพณี" จึงไม่ใช่สิ่งที่เป็นของแท้และดั้งเดิม หากแต่ปรับเพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคมมาตลอดประวัติศาสตร์ บุญบั้งไฟ คือ ตัวอย่างที่ดีอันหนึ่ง
..........แต่ทั้งนี้ประเพณีประดิษฐ์ล้วนถูกสร้างจากอดีตและต่อยอดมันขึ้นมา เพื่อเชื่อมโยงเราเข้ากับโลกเก่าและใหม่ เชื่อมโยงเราเข้ากับผู้คนในสังคมตามหน้าที่มันเสมอ ไม่เช่นนั้นมันก็จะตายและหายไปจากโลกใบนี้
ภาพ "บุญบั้งไฟตะไลล้าน" การจัดงานสุด Exoic จากพี่น้องที่กุดกว้า กาฬสินธ์ุ (ที่มาภาพ https://travel.mthai.com/news/210029.html)
โฆษณา