22 พ.ค. 2020 เวลา 04:12 • ไลฟ์สไตล์
ส่องเมียนม่า มองเขามองเรา
สมาชิก เพื่อนพ้องน้องพี่ ผู้รักการท่องโลกกว้าง จัดไป เมื่อใจมันเรียกร้อง55+
เมื่อไม่นาน ที่ผ่านมามีโอกาสไปเยี่ยมเยือนประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนม่า ความรู้สึกเปลี่ยนไปเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้น เราต่างรับรู้ถึงประวัติศาสตร์ว่า พม่านั้น มารุกรานย้ำยีประเทศไทยเราหลายครั้ง และสร้างความเสียหาย ทำให้เรามองพม่าไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ผมได้มีโอกาสได้เดินทางไปสังเกตการณ์ พบว่าชาวพม่านั้นน่ารักทีเดียว เป็นมิตรกับคนไทย เขาอาจจะไม่ได้เขียนประวัติศาสตร์ให้เกลียดคนไทย เหมือนเราที่ีี่ที่เกลียดพม่า เพราะเหตุพม่านั้นบุกยกทัพมารุกรานเราหลายครั้ง ตามประวัติศาสตร์
เนียงละออ จะนับ เลยนะ ออเจ้า สาวพม่า กับการทอผ้า น่าร๊ากก
อดีต ก็คือ อดีต คือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ ยุคนี้เป็นยุคของมวลมหามิตร สร้างมิตร ดีกว่าสร้างศรัตรู เพราะโลกเราแคบลงเรื่อย ๆ ที่พม่า มีสถานที่ท่องเที่ยว สวยงามมากมาย วัฒนธรรมชาวเอเชียเรา ก็คล้ายๆ กัน รากเหง้าทางวัฒนธรรม ก็นับถือพุทธศาสนาเหมือนกับเมืองไทย
บ้านเขามีแม่ชี ตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ สวมชุดคล้าย ๆ กับพระมีสีชมพู กับสีส้ม ที่เห็น ๆ ตามท้องถนน
แม่ชีน้อย เห็นอยู่โดยทั่วไป เป็นเรื่องปกติ ที่ชาวพม่ามีผู้หญิง มาบวชใส่ชุดสีชมพู แต่ไม่แน่ใจว่า เขาเรียก แม่ชี เหมือนบ้านเรารึเปล่า สีผ้าห่มคลุม ของแม่ชีน้อย มีหลายสี ไม่รู้ว่าเป็นคนละนิกาย หรือเปล่า
สะพานไม้ ที่ยาวที่สุดในโลก สะพานอูเบ็ง สวยงาม เป็นสะพานที่มีชีวิต เพราะผู้คนต่างมาเยี่ยมชมมิได้ขาดสาย
สะพานไม้อูเบ็ง เป็นสะพานไม้ ที่ยาวที่สุดในโลก
สะพานไม้อูเบ็ง เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก! ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ ประเทศพม่า อยู่ห่างจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ไม่มากนัก สะพานไม้อูเบ็งนั้นมีความยาว 1.2 กิโลเมตร สะพานไม้อูเบ็ง ถูกใช้เป็นทางผ่านสำคัญสำหรับคนในท้องถิ่นและเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเป็นช่วงที่น้ำในทะเลสาบมีระดับสูงสุด นักท่องเที่ยวนิยมมาดูพระอาทิตย์ตก หรือไม่ก็นั่งเรือชมความงามของสะพานและวิวทิวทัศน์โดยรอบนอกจากนจะเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลกแล้ว ยังเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกเช่นกัน! ขอบคุณข้อมูลจาก กูเกิ้ลนะขอรับ
เดินตามสะพานเห็น แม่ชีน้อย เดินเที่ยว กันอย่างสบายอารมณ์ เลย และล่องเรือ ชม วิวสะพานอูเบ็ง กันแบบ 360 องศา กันเลยทีเดียว ไปทั้งที เอาให้คุ้ม55+
คนพม่านั้น คนข้างที่จะเคร่งครัดในศาสนา มีการมา
สวดมนต์ภาวนา มารักษาศีล ตามวัดวาอารามต่าง ๆ เป็นเรื่องปกติ ตามวัดต่าง ๆ ก็จะมีรูปประคำ ห้อยไว้ ให้สาธุชน คนพม่านั้น นำไปภาวนาได้ตลอด เมื่อใช้เสร็จก็ห้อยเก็บไว้ที่เดิม มีการท่องพระสูตร เป็นเรื่องปกติ เป็น
เรื่องน่าอัศจรรย์ อาจเป็นเพราะว่าบ้านเมืองเขายังไม่มีวัตถุนิยมบริโภคเข้ามามากมายเหมือนบ้านเรา
ได้มา อาศัยพักที่วัด พอดีไกด์เรารู้จัก กับหลวงพี่ ที่เมืองมันดาเลย์ ก็ได้ร่วมทำบุญถวายเป็นปัจจัยเพื่อเป็นอาหารแต่ละมื้อ กับที่วัดไป เพราะท่านไม่คิดค่าที่พัก
ที่เที่ยวตามวัดวาอารามต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะพอสมควร ที่คนไทยรู้จักกันดี ก็มีอยู่หลายที่เหมือนกัน เช่น ที่ วัดมหามัยมุนี จะมีพิธีล้างหน้าพระทุกๆ เช้า ทำมากันตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันทุกเช้ามิได้ขาด
หนุ่มเมียนม่า แทะข้าวโพดอย่างสบายใจ ชีวิต ช่าง สโลว์ ไลฟ์ ดีแท้
การเดินทางก็สะดวกสบาย อาหารการกินก็คล้ายๆ บ้าน เรา ถ้าใครชอบเที่ยวแบบวัฒนธรรม พม่า ก็น่าสนใจอีกประเทศหนึ่ง
ประชาชนชาวพม่า นั้น ส่วนมากไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาว หรือว่า ทุกวัย ก็จะมาสวดมนต์ภาวนาเป็นเรื่องปกติ
ประติมากรรม แต่ละชิ้น ล้วนใหญ่โตมโหฬาร ด้วยแรงศรัทธา ที่มีต่อพุทธศาสนา วัดถือว่า เป็นศูนย์รวมจิตรวมใจ ของชาวพม่าโดย เพราะคนส่วนมาก ก็จะมาเข้าวัด สวดมนต์ ภาวนากัน เป็นเรื่องปกติเลย เพราะมองไป มุมไหน ๆ ก็มีคน นั่งภาวนา เป็นเรื่องปกติ
เห็นชาวพม่า นั่งสมาธิ สวดมนต์ ตามวัด เป็นเรื่องปกติ
พิธีล้างหน้าพระ มหามัยมุนี ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธา ของชาวเมียนม่า ตั้งอยู่ ในเมือง มันดาเลย์
ที่พระธาตุอินทร์แขวน นี้คนไทยก็นิยมไปอย่างมาก อยู่ที่รัฐมอญ ช่วงที่พวกเราไป น่าจะมีพายุเข้า ทำให้มีฝนตกมาตลอด จำได้ว่า สาธุชน คนพม่า นั้น ไม่เคยย่อท้อ กับดินฟ้าอากาศ ต่างมานั่งภาวนา ตากฝน กันหน้า พระธาตุอินทร์แขวน กันเลยที
พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี ตั้งอยู่ที่ เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ ของ ประเทศพม่าพระธาตุอินทร์แขวน หินสีทอง อัศจรรย์แห่งสมดุล ประเทศพม่าพระธาตุอินทร์แขวน บนยอดเขาพวงลวง อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของ พระธาตุอินทร์แขวน คือ เป็น หินสีทอง ขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร รูปร่างไม่ได้ผิดแปลกจากหินทั่วไป แต่อัศจรรย์ใจตรงฐานที่ตั้ง อยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ ท้าทายแรงดึงดูดของโลก ทำท่าเหมือนจะหล่น แต่แท้จริงแล้วไม่ไหวเอนสักนิด ช่างเหลือเชื่อ ถือเป็นการวางน้ำหนักที่สมดุล โดยมีธรรมชาติเป็นผู้สร้างสรรค์
หนุ่มสาวชาวพม่า ก็มาภาวนากันอย่างไม่กลัวฟ้าฝนกันเลยทีเดียว สุดยอดมาก
มีพุทธตำนานเล่าว่า ฤๅษีติสสะ เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้า ที่ทรงมอบให้ไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้งมาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ แต่ฤๅษีติสสะกลับซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลย ถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร จึงตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้าย “ศีรษะของเขา” ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) จึงช่วยแสวงหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้มหาสมุทร และนำมาวางไว้บนภูเขาหิน
พระธาตุอินทร์แขวน นับเป็น1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ คนเกิดปีนี้น่าหาโอกาสไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ขอบคุณ ข้อมมูลจาก mthaitravel นะครับ
ชาวพม่า นี้คอแข็งมาก
แล้วก็ เป็น มหาเจดีย์ ชเวดากอง ที่ต้องเรียกมหา ก็เพราะว่าเป็นเจดีย์ที่ใหญ่มาก ๆ เห็นทีแรกขนลุกเลย เพราะว่าใหญ่โต มโหฬารจริงๆ
เจดีย์ชเวดากอง
 
เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับแรกที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางไปพม่าจะต้องเข้าไปเยี่ยมชมและสักการะ เจดีย์ชเวดากองที่แปลว่า พระเจดีย์ทองคำแห่งเมืองตะเกิง เป็นพระเจดีย์ทองคำที่สร้างขึ้นบนเนินเขาที่ชื่อว่า Thienguttara Hill หรือ Singuttara Hill เจดีย์นี้จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความโดดเด่นมากในย่างกุ้ง โดยขนาดของเจดีย์ชเวดากองนี้มีความสูงทั้งหมดประมาณ 48 เมตร มีความกว้างโดยประมาณ 105 เมตร
เจดีย์ชเวดากองนั้นเป็นเจดีย์ที่มีลักษณะซึ่งสวยงามมาก เนื่องด้วยความศรัทธาในองค์พระเจดีย์ของชาวพม่า ที่มักจะนิยมการบริจาคเพชรพลอยของมีค่าต่างๆ ให้กับพระเจดีย์ ทำให้เจดีย์องค์นี้มีเครื่องประดับมีค่าเป็นจำนวนมากกว่า 5,000 ชิ้น โดยเฉพาะเพชรที่ประดับอยู่บนยอดเจดีย์นั้น กล่าวกันว่าขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือคนเลยทีเดียว ส่วนด้านล่างรอบๆ เจดีย์จะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปจำนวนมาก และมีไม้แกะสลักประดับอยู่อย่างสวยงาม
 
ขอกล่าวถึงตำนานในการก่อสร้างเจดีย์ชเวดากองคือ มีพ่อค้าชาวมอญ 2 คน คือ ตปุสสะและภัลลิกะ ที่เกิดความเลื่อมใสในคำสอนของพระพุทธเจ้า จากการที่ได้ไปเข้าเฝ้าถวายข้าวสัตตูและถวายตัวเป็นปฐมอุบาสก เมื่อจะจากมาก็กราบทูลขอให้พระพุทธองค์ประทานสิ่งใดเป็นอนุสรณ์สำหรับบูชาแทนพระองค์ พระพุทธเจ้าจึงได้ประทานเส้นพระเกศาธาตุ 8 เส้นของพระองค์ให้ เมื่อชาวมอญทั้งสองกลับมาจึงได้ก่อสร้างเจดีย์บนเนินตะเกิงเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุและให้นามเจดีย์ว่า เจดีย์พระเกศาธาตุ การนมัสการเจดีย์ชเวดากอง ผู้ที่เข้ามานมัสการหรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้งเมื่อมาถึงทางเข้า ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ขึ้นอยู่กับดวงวันเกิดของผู้เข้าที่จะดูตาม 12 นักษัตร รอบๆพระเจดีย์ก็มีศาลเจ้าเล็กๆอยู่รายรอบ ปัจจุบัน เจดีย์ถูกทำลาย"ชเว" คือ ทอง ส่วน "ดากอง" คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง สมัยที่พระเจ้าอลองพญาสถาปนาเมืองเล็กริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2298 กล่าวกันว่า "ทอง" แห่งมหาเจดีย์มหาศาลกว่าทองในธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งน้อยคนปฏิเสธความเป็นไปได้
ประวัติความเป็นมาของมหาเจดีย์องค์สำคัญนี้ ที่มีผู้ค้นคว้าและบันทึกไว้อย่างน่าอ่านก็คือ ข้อมูลจากหนังสือ "พม่า" ในชุด "หน้าต่างสู่โลกกว้าง"
ตามตำนานกว่า 2,500 ปี ของเจดีย์แห่งนี้กล่าวไว้ว่าเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุทั้งแปดเส้นของพระ พุทธเจ้า และพระบริโภคเจดีย์ของพระอดีตพระพุทธเจ้าทั้งสามองค์ องค์สถูปหุ้มด้วยทองคำทั้งหมด 8,688 แท่ง แต่ละแท่งมีค่ามากกว่า 400 ยูเอสดอลลาร์ ปลายยอดสถูปประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด ทับทิม นิล และบุษราคัมอีก 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดเขื่องอยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ทั้งหมดนี้ประดับอยู่ด้านบนเหนือฉัตรขนาด 10 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นบนไม้หุ้มทองเจ็ดเส้น ประดับด้วยกระดิ่งทองคำ 1,065 ลูก และกระดิ่งเงิน 420 ลูก รอบองค์สถูปรายล้อมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างกว่า 100 หลัง มีทั้งสถูปบริวาร วิหารทิศ วิหารราย และศาลาอำนวยการ
เมื่อใดก็ตามที่เจดีย์แห่งนี้ชำรุดเสียหายก็จะได้รับการบูรณะให้งดงาม รุ่งโรจน์ยิ่งกว่าเดิม
รายรอบด้วยเจดีย์องค์เล็กองค์น้อย ผู้คนจำนวนมากยังเดินทางมาที่นี่เพื่อกราบไหว้ สักการะ สรงน้ำองค์ปฏิมา และทำทักษิณาวัตร ไม่ใช่เฉพาะคนแก่คนเฒ่า แต่ทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง พากันมาน้อมใจสู่พระรัตนตรัยที่นี่
นอกจากจะมีทวารบาลที่หน้าประตูแล้ว ยังมีเหล่าเด็ก ๆ ชาวพม่าวิ่งท้วงติงผู้ที่ใส่รองเท้าเข้ามาบริเวณวัด ให้ถอดรองเท้าถุงเท้า แล้วให้ซื้อถุงก๊อบแก๊บใส่รองเท้าถือเข้าวัดไปด้วย
ขอบคุณ ข้อมูล จาก เว็บ ทริปดีดี นะครับ เห็นว่า เป็นประโยชน์ขอนำมาบันทึกไว้นะที่นี้
การไปเดินเที่ยวชม เจดีย์ชเวดากองนี้ ส่วนมาก ก็จะไปก่อนช่วงเย็นๆ เพราะว่า อากาศไม่ร้อน และบรรยากาศกำลังเย็นสบาย ใครมีโอกาส ก็อย่าลืมไปกราบสักการะได้นะครับ
เห็นครั้งแรกตลึงในความยิ่งใหญ่ จริงๆ กับศรัทธามหาชนชาวพม่า
อีกสถานที่หนึ่ง ในประเทศพม่า ที่ใคร ๆ ไม่ควรพลาดโดยประการทั้งปวง นั้นก็คือที่พุกาม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บรากัน ก็มีทะเลเจดีย์อยู่มากมาย บ้านเราเรียก พุกาม ที่ตรงนี้ก็สวยงามอย่างมาก เพราะมีเจดีย์ อยู่มากมาย หลายพันเจดีย์ มีสถานที่ ที่มีแต่เจดีย์น้อยใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา ของชาวพม่า
ตามประวันติ พุกาม : เมืองโบราณแห่งทะเลเจดีย์
เมืองพุกามเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 5,000 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดีคนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็นอู่อาริยธรรมของประเทศ
เมืองพุกาม ถูกสถาปนาโดยพระเจ้าอโนรธา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดี แต่ปัจจุบันเหลือเพียงกำแพงเมืองด้านในและด้านตะวันออกเท่านั้น กล่าวกันว่า จำนวนเจดีย์ที่แท้จริงนั้นมีเป็นจำนวนมากกว่า 10,000 องค์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างยิ่งใหญ่มากเมื่อเทียบกับจำนวนเจดีย์ในปัจจุบัน ที่แม้จะต้องเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่เจดีย์ที่ยังคงอยู่นั้นส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เนื่องจากพุกามเป็นเขตแห้งแล้ง ทำให้เจดีย์ไม่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติใดๆอีกทั้งชาวพม่าก็ถือคติไม่ทำลายเจดีย์อย่างเคร่งครัด
อาณาจักรพุกามนั้นมีความเจริญสูงสุดในพุทธศตวรรษที่ 16 ถือได้ว่าเป็นยุคทองของอาณาจักรพุกาม เพราะกษัตริย์ในราชวงศ์นี้ล้วนมีความศรัทธาในศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก กษัตริย์หลายพระองค์นิยมสร้างเจดีย์ เพื่อเป็นการเสริมสร้างสิริมงคลในรัชกาลของพระองค์จนทำให้เมืองพุกามขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งทะเลเจดีย์ 4000 องค์ อาณาจักรนี้ล่มสลายเพราะการบุกรุกเข้าทำลายของกองทัพมองโกลที่นำโดยกุ๊บไลข่าน (Kublai Khan) ในปี พ.ศ. 1830 ขอบคุณข้อมูล จาก กูเกิ้ลนะขอรับ
สวยงามมากจริงๆ กับทะเลเจดีย์ พุกาม
อีกสถานที่ หนึ่ง ที่คนไทยนิยม มาขอพร กัน ก็คือ เทพทันใจ ไม่รู้ว่า จะให้เร็วไปไหน อะไร ๆ ก็อยากให้ทันใจ ทั้งนั้น แต่ไม่รู้ว่า จะสำเร็จตามที่ขอ กันหรือเปล่า แต่คนไทยก็นิยมมา พวกเรา ก็ต้องตามเทรนด์ ครับ ขอก็ขอ แต่ผมไม่รู้จะขออะไร ก็ทำตามเขาไป
เทพทันใจ (นัตโบโบจี) คือนัตตนหนึ่งในจำนวน 37 ตน ของพม่า เป็นนัตหรือเทพผู้ปกปักรักษาและบันดาลโชค “ นัต ” มาจากคำว่า นาถะ ในภาษาบาลี ที่แปลว่า “ที่พึ่ง” หมายถึงผีของชาวพม่า เป็นความเชื่อพื้นเมืองที่มีมาก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาในพม่า นัตเป็นผีบรรพบุรุษ กึ่งผีกึ่งเทวดา คล้ายๆเทพารักษ์ที่คอยดูแลคุ้มครองสถานที่ที่ตนมีความสัมพันธ์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ “นัตโบโบจี ” มีชื่อเสียงอย่างมากเกี่ยวกับการขอพรแล้วได้ดังหวัง
การบูชาเทพทันใจ
บูชาด้วยมะพร้าว กล้วยนากสีแดง เป็นเครื่องเซ่นสังเวย เพราะถือว่า ป็นผลไม้มงคล เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์เจริญงอกงามของชีวิต ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถหาของเหล่านั้นได้จากแม่ค้าที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นชุดๆอยู่แล้วที่บริเวณหน้าวัด ส่วนการอธิษฐานขอพรต่อเทพทันใจนั้น ต้องนำธนบัตร 2 ใบ ซ้อนกันแล้วม้วนเป็นกรวย ใส่ไว้ในมือเทพทันใจแล้วจรดหน้าผากแตะที่นิ้วชี้ท่าน ตั้งจิตอธิษฐาน โดยมีเคล็ดลับว่า ต้องขอเพียงข้อเดียวเท่านั้น นัยว่าเพื่อพลังกล้าแข็ง จากนั้นเดินวน 3 รอบ แล้วกลับมากราบไหว้แบบเดิม นำเงินออกมา 1 ใบเพื่อเก็บไว้บูชา ถือเป็นอันเสร็จพิธีละบันดาลโชค “ นัต ” มาจากคำว่า นาถะ ในภาษาบาลี ที่แปลว่า “ที่พึ่ง” หมายถึงผีของชาวพม่า เป็นความเชื่อพื้นเมืองที่มีมาก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาในพม่า นัตเป็นผีบรรพบุรุษ กึ่งผีกึ่งเทวดา คล้ายๆเทพารักษ์ที่คอยดูแลคุ้มครองสถานที่ที่ตนมีความสัมพันธ์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ “นัตโบโบจี ” มีชื่อเสียงอย่างมากเกี่ยวกับการขอพรแล้วได้ดังหวัง
เทพทันใจ ชาวไทยชอบมาขอพร
การเดินทางส่องเมียนม่า เป็นการเดินทาง ที่สนุกสนานมาก เพราะว่า วัฒนธรรมเราใกล้ชิดกัน อาหารการกิน ก็คล้ายๆ ของเรา ผัก น้ำพริก ก็อร่อย สุดท้ายท้ายสุด ก็ยังมีอีกหลายที่ ที่ไม่ได้
นำมาเล่าสู่กันฟัง เพราะมันเยอะมาก ยังไง ใครมีโอกาส ก็อย่าลืมไปเที่ยวนะครับ
อาหารถูกปากคนชอบกินน้ำพริก กับผัก มาก
ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกย่องบ้านเมืองอื่น เหนือกว่าบ้านของตัวเอง แต่เป็นการมองเขามองเรา รู้เขา รู้เรา
ตามยุคสมัย เพราะเราจะก้าวเข้าสู่ AEC แล้ว ต่อไป คงจะใกล้ชิดกันมากขึ้น....ขอบคุณครับ
ไม่มีงานเลี้ยงใด ไม่มีวันเลิกลา แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยสวัสดิภาพขอรับ
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ หวังว่าคงสนุกไปด้วยกัน อย่าลืมติดตามนะครับ มีเรื่องสนุกๆ เล่าสู่กันฟังเรื่อยๆ แน่นอน
โฆษณา