24 พ.ค. 2020 เวลา 14:00 • กีฬา
เปิดใจ อูไน เอเมรี่
เผยความรู้สึกหมดเปลือกช่วงคุมปืน
อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบ 6 เดือนที่ อาร์เซน่อล ไล่ อูไน เอเมรี่ ออกจากตำแหน่งเฮดโค้ช ซึ่งทีมปืนใหญ่ปลดกุนซือชาวสแปนิชเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน และเจ้าตัวยังไม่ได้งานคุมทีมใหม่แต่อย่างใด
 
ล่าสุด อูไน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ เดอะ การ์เดี้ยน โดยเผยความรู้สึกแบบหมดเปลือก เกี่ยวกับช่วงเวลาเกือบ 1 ปีครึ่งที่คุมทัพ เดอะ กันเนอร์ส
 
ประเด็นสำคัญก็อย่างเช่นจุดเปลี่ยนของการทำผลงานแย่ ทั้งที่เคยมีช่วงไร้พ่ายนานถึง 22 นัดในซีซั่นแรกที่เขาคุม, ปัญหาในการทำทีมที่พบเจอมา, เบื้องหลังการอดได้ตัว วิลฟรีด ซาฮา, ดราม่ากับ เมซุต โอซิล ไปจนถึงเผยถึงความรู้สึกของการต้องโดนไล่ออก
** ยืนยัน ซีซั่นแรก ผลงานน่าพอใจ **
"ฤดูกาลแรกของผมพวกเราทำได้ดีมาก ผมคิดในใจว่านี่คือทีมของผม"
 
"ผู้คนบอกผมว่า "อูไน เราเห็นตัวตนของคุณในทีมชุดนี้" มันมีสปิริตทีม, มีหลายเกมที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและพลัง เราเอาชนะ ท็อตแน่ม, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และเราพา อาร์เซน่อล เข้ารอบชิงฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี โดยเล่นได้ดีมากๆ ในการเจอกับ นาโปลี และ บาเลนเซีย"
** ชี้ แรมซี่ย์ เจ็บคือจุดเปลี่ยนทำฟอร์มแย่ **
ในเดือนเมษายน 2019 อาร์เซน่อลพบกับความพ่ายแพ้เกมลีกถึง 4 นัดจากทั้งหมด 6 เกม ก่อนที่การทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ ไบรท์ตัน 1-1 ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ส่งผลโดยตรงให้ทีมปืนใหญ่พลาดโควตาไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยตามหลังทีมอันดับ 3 อย่าง เชลซี แค่ 2 แต้ม และอันดับ 4 อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เพียง 1 คะแนน
 
เอเมรี่ เผยว่าสาเหตุสำคัญของผลงานในสนามที่ดร็อปลง คือการขาด อารอน แรมซี่ย์ กองกลางทีมชาติเวลส์ไป
 
"เราเกือบได้อันดับ 3 อยู่แล้ว แต่เราเสีย 4 แต้มที่สำคัญไปในเกมพบ คริสตัล พาเลซ และ ไบรท์ตัน"
 
"ในตอนแรกทุกอย่างมันมหัศจรรย์ มีสปิริตที่ยอดเยี่ยมในห้องแต่งตัว แต่ อารอน แรมซี่ย์ มาเจออาการบาดเจ็บตอนที่เขาอยู่ในช่วงฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุด มันมีอิทธิพลสำคัญเลยทีเดียว เขานำพลังบวกมาให้ทีม และเต็มไปด้วยพลังงาน และเราต้องลงเล่นเกมสำคัญหลายนัดในเดือนเมษายนโดยไม่มีเขา ซึ่งเราต้องการความมุ่งมั่น 100% จากนักเตะทุกๆ คนในตอนนั้น"
** ชี้ อาซาร์ คือจุดตัดสินเกมนัดชิง ยูโรป้า ลีก **
อาร์เซน่อล แพ้เกมที่สำคัญที่สุดของฤดูกาล ที่มีตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นเดิมพัน นั่นคือศึก ยูโรป้า ลีก นัดชิงชนะเลิศกับ เชลซี ที่กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ด้วยสกอร์ขาดลอย 4-1 ซึ่ง เอเมรี่ เผยว่า เอแด็น อาซาร์ คือนักเตะที่เป็นตัวตัดสินเกม ขณะที่ทีมของเขาไม่ได้มีสภาพจิตใจพร้อมต่อสู้มากเพียงพอ
 
"ในเกมที่บากู เชลซี คือทีมที่ดีกว่า ผมยอมรับเรื่องนั้น"
 
"ในครึ่งหลัง เอแด็น อาซาร์ สร้างความแตกต่าง การเตรียมทีมเราทำได้ดีและทุกคนก็มุ่งมั่น แต่นักเตะบางคนมีสภาพจิตใจที่วันหนึ่ง "ใช่" แต่อีกวัน "ไม่" ซึ่งในฟุตบอลมันต้องเป็นคำว่า "ใช่ๆๆ" ในทุกๆ วัน"
 
"เราขาดสิ่งพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้ผ่านเกมจำนวนมากในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ไปได้ ซึ่งหากความขยันและความมุ่งมั่นของคุณต่ำกว่า 100% คุณสามารถแพ้ได้ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น"
** เผยปัญหาหลายอย่าง การปรับแต่งทีมช่วงซัมเมอร์ **
"แฟนบอลมีความสุข แต่อะไรบางอย่างมันขาดหายไป ผมบอกคนที่ขับเคลื่อนสโมสรไปแบบนั้น และมันก็มีการตัดสินใจที่ไม่ดีนัก มีการก่อความผิดพลาดขึ้น และในฐานะโค้ช ผมต้องรับผิดชอบในส่วนของผมเอง"
 
"ตัวอย่างเช่นการที่กัปตันทีมทั้ง 4 คนจากทีมไป แรมซี่ย์ ก็ตัดสินใจที่จะไป มันจะเป็นเรื่องดีสำหรับทีม และสำหรับผมกว่านี้ถ้าหากเขายังอยู่ต่อ"
 
"ปีเตอร์ เช็ก แขวนถุงมือ นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ผมต้องการให้ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ อยู่ต่อไป อยากให้ นาโช่ มอนเรอัล อยู่ต่อ ผู้นำทีมทั้งหมดเหล่านั้นต่างย้ายออกไป และมันทำให้ห้องแต่งตัวไม่เหมือนเดิม"
 
"เราเซ็นสัญญากับ นิโกล่าส์ เปเป้ เขาคือนักเตะที่ดี แต่เราไม่รู้คาแรกเตอร์ของเขา และเขาต้องการเวลาและต้องอดทน"
 
"ผมอยากได้นักเตะที่รู้จักลีกเป็นอย่างดี และไม่จำเป็นต้องปรับตัว อย่าง วิลฟรีด ซาฮา สามารถตัดสินเกมได้ด้วยตัวเขาเอง เขาเล่นงาน ท็อตแน่ม, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และพวกเรา ด้วยฟอร์มสุดยอด"
 
"ผมบอกพวกเขา (บอร์ดบริหาร) ไปว่า "นี่คือนักเตะที่ผมรู้จักและอยากได้" ผมได้พบกับ ซาฮา แล้ว และเขาก็อยากมาร่วมทีม แต่สโมสรตัดสินใจว่า เปเป้ คือคนสำหรับอนาคตของทีม แต่ผมบอกไปว่า "ใช่ แต่เราจำเป็นต้องได้แชมป์ตอนนี้ และคนคนนี้ (ซาฮา) คือผู้ชนะ" โดยที่เขาเอาชนะพวกเราเองได้ด้วย"
** เผยเกือบรั้ง แรมซี่ย์ ได้ แต่ติดปัญหาเรื่องเงิน **
"เดิมทีเขาต้องการอยู่ต่อ เขาต้องการเจรจาสัญญาใหม่ และพวกเขาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ซึ่งสโมสรมีข้อกังขาเกี่ยวกับจำนวนเงินในการต่อสัญญา"
 
"แรมซี่ย์ ต้องการรู้สึกถึงการมีคุณค่า มันคือเรื่องของการเงิน ซึ่งผมไม่สามารถมีส่วนร่วมกับมันได้ และผมยังไม่ค่อยรู้จักเขาดีด้วยตอนที่ผมไปที่นั่น เขาคือนักเตะคนสำคัญ แต่ผมไม่สามารถบอกจำนวนเงินที่เราควรจ่ายให้เขาได้"
** เผยเหตุผลมอบปลอกแขนกัปตันให้ ชาก้า **
หนึ่งในประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา คือการที่ กรานิต ชาก้า กองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่ฟอร์มการเล่นย่ำแย่อย่างหนัก ได้รับตำแหน่งกัปตันทีม โดยมาจากการโหวตของเพื่อนร่วมทีม
 
ซึ่ง อูไน ได้เล่าถึงความจริงในเรื่องนี้ให้ฟังอีกครั้ง
 
"ผมเชื่อว่า ชาก้า เป็นกัปตันทีมได้ และนักเตะก็โหวตให้เขา เขาได้รับการเคารพในห้องแต่งตัว"
 
"ทำไมต้องใช้การโหวต? ทำไมผมถึงไม่ตัดสินใจเอง? ก็เพราะนโยบายของผมนั่นคือ 50-50 เป็นของผม 50% และอีก 50% เป็นของพวกเขา ผมต้องการให้นักเตะมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น"
 
"มีนักเตะที่มีคาแรกเตอร์ของการเป็นกัปตันทีมอยู่ แต่คุณต้องการเวลาและการหนุนหลัง ถ้าปราศจากการสนับสนุนจากคนหรือแฟนบอล มันก็เป็นเรื่องยากกว่าเดิม"
 
"ถ้าหาก ชาก้า ยังมี กอสซิแอลนี่ และ นาโช่ หรือ แรมซี่ย์ อยู่ด้วย มันน่าจะง่ายสำหรับเขากว่านี้ ในแง่ของความรู้สึก ผลลัพธ์ที่ออกมาและทัศนคติภายในทีม ไม่ได้ช่วยให้ทีมมีความมุ่งมั่นและเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนแต่ก่อน"
** เผยไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ โอซิล **
มีข่าวลือว่า เอเมรี่ มีความสัมพันธ์ไม่ดีนักกับ เมซุต โอซิล จอมทัพค่าเหนื่อยแพงที่สุดของทีม (ราวๆ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) และดาวเตะชาวเยอรมัน ก็มักถูก เอเมรี่ ดร็อปออกจากทีมบ่อยๆ
 
แต่ว่าโค้ชชาวสแปนิชก็ชี้ว่า โอซิล เองไม่ได้อยู่ในสภาพอย่างที่ตัวเขาคาดหวัง ในช่วงที่เขายังคุมทีม
 
"ผมได้คุยกับ โอซิล บ่อยมาก เขาต้องเป็นคนสำคัญให้ได้ ต้องวิเคราะห์ทัศนคติและความมุ่งมั่นของตัวเอง ซึ่งผมพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วย โอซิล"
 
"ตลอดอาชีพของผม นักเตะพรสวรรค์มากมายไปถึงจุดที่ดีที่สุดของเขาได้เพราะผม ผมเป็นคนคิดบวกเสมอ และต้องการให้เขาได้ลงเล่น และมีส่วนร่วม"
 
"ในช่วงปรีซีซั่น ผมบอกเขาว่าผมต้องการให้ความช่วยเหลือในการดึง โอซิล เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดกลับมาอีกครั้ง ผมต้องการการมีส่วนร่วมและความมุ่งมั่นในระดับสูงในห้องแต่งตัว ผมเคารพเขา และคิดว่าเขาสามารถช่วยได้"
 
"เขาสามารถเป็นกัปตันทีมได้เลย แต่ในห้องแต่งตัวไม่ได้ต้องการให้เขาเป็น นั่นไม่ใช่การตัดสินใจของผม มันคือการตัดสินใจของนักเตะ ซึ่งกัปตันทีมคือคนที่ต้องปกป้องสโมสร ปกป้องโค้ช และปกป้องเพื่อนร่วมทีม"
 
"บางครั้งเขาไม่พร้อมลงสนามเพราะมีอาการป่วย หรือไม่ก็เจ็บเข่า เกมกับ วัตฟอร์ด คือนัดแรกของเขาหลังจากเหตุการณ์โดนโจรปล้น และผมส่งเขาลงสนาม"
 
"ผมพร้อมเปิดใจพูดคุยเสมอ เขาอยู่ในแผนของผมมาตลอด แต่เขาต้องทำหน้าที่ของเขา และมันมีบางสิ่งที่ผมควบคุมไม่ได้"
** ชี้ตนเองทำงานกับทีมยากกว่า เวนเกอร์ **
"คนเป็นโค้ชต้องมีความเข้มแข็งที่จะรับผิดชอบ หรืออยู่ในสถานการณ์เก้าอี้ร้อน ผมปกป้องนักเตะ และสโมสรปกป้องกุนซือ ผมคือกุนซือของสโมสร และนั่นคือสิ่งที่สโมสรเซ็นสัญญากับผม"
 
"สถานการณ์กับ อาร์แซน เวนเกอร์ มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นเขาทำทุกอย่าง ส่วนตอนนี้มันมี ราอูล ซานเยอี และ เอดู (บริหารงานด้านฟุตบอล) และผมต้องเชื่อใจการทำงานของพวกเขา"
 
"งานของผมคือเรื่องฟุตบอล สโมสรมีคนที่จัดการกับเรื่องอื่น แม้ว่ามันจะมีผลกระทบกับในสนาม และบางส่วนทำให้เราเสียหายก็ตาม"
** เผยเรื่องภาษาก็เป็นอุปสรรค แต่สุดท้ายคนตัดสินจากผลงาน **
"ภาษาอังกฤษของผมระดับพอใช้ แม้ว่าผมจำเป็นต้องปรับปรุงก็ตาม"
 
"ตอนที่ผลการแข่งขันมันออกมาแย่ อะไรก็ไม่เหมือนเดิม คุณไม่มีความรู้เรื่องภาษาที่ลึกพอจะอธิบายได้"
 
"อย่างเช่นการพูดสวัสดีตอนเย็นว่า "good ebening" ถ้าหากผมพูดแบบนั้นและเราชนะ มันจะเป็นเรื่องตลก แต่เมื่อเราแพ้มันกลับกลายเป็นความอัปยศ"
** ชี้รู้สึกว่าไม่มีใครสนับสนุนก่อนโดนเด้ง **
ในช่วงท้ายๆ ของการคุมทีมปืนใหญ่ เอเมรี่ มีการเปลี่ยนแปลงทีมทุกนัด ทั้งโรเตชั่นนักเตะแบบสะเปะสะปะ รวมถึงเปลี่ยนแท็กติกบ่อยจนเกิดความสับสน
 
โดย อูไน เผยว่า ในช่วงที่ทีมทำผลงานย่ำแย่ต่อเนื่องจนทำให้เขาต้องโดนสั่งปลดออกจากตำแหน่งกุนซือ เขาเต็มไปด้วยความกดดัน และความรู้สึกไม่ได้รับการสนับสนุน จนทำอะไรไม่ถูก
 
"มันเป็นเรื่องยาก พลังงานของทีมตกลงไป ทุกอย่างมันไม่มีจุดหมาย บางคนสนับสนุนคุณ แต่คุณรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของความสัมพันธ์ที่ เปลี่ยนไป และนั่นส่งผลกับฟอร์มในสนาม"
 
"การเสียความได้เปรียบในการเปิดบ้านเจอ พาเลซ และ วูล์ฟส์ สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะอารมณ์ของเรา ซึ่งเราไม่ได้อยู่ในจุดที่ถูกต้อง และมันไม่เวิร์ค"
 
"ผมบอกนักเตะว่า "ผมมองไม่เห็นทีมที่ผมต้องการ" ความมุ่งมั่นและความเป็นหนึ่งเดียวกันมันไม่มีอีกแล้ว และเมื่อผมเห็นมันด้วยตัวเอง สโมสรก็ปล่อยให้ผมเดียวดาย และไร้ทางออก"
 
"ทุกๆ สโมสร ผมจะได้รับการปกป้อง ไม่ว่าจะเป็น ลอร์ก้า, อัลเมเรีย, บาเลนเซีย, เปแอสเช"
 
"ที่ เซบีย่า ผมมี มอนชี่ ที่ เปแอสเช ผมมี นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ ปกป้องผมทั้งในห้องแต่งตัว และต่อหน้าสื่อ แต่ที่ อาร์เซน่อล พวกเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาสร้างมาจาก เวนเกอร์ ที่ทำให้ทุกๆ อย่าง"
 
"พวกเขาบอกว่า "พวกเราอยู่ข้างคุณนะ" แต่ต่อหน้าแฟนบอลและในห้องแต่งตัว พวกเขาไม่สามารถปกป้องผมได้เลย ความจริงคือผมรู้สึกโดดเดี่ยว และผลที่ออกมา มันบังคับให้ผมต้องไป"
** เผยเลือกจดจำแต่ช่วงเวลาดีๆ กับทีม **
แม้ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของ อูไน เอเมรี่ กับ อาร์เซน่อล จะเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าผิดหวัง แต่อดีตกุนซือ เปแอสเช ก็เผยว่า เขาเลือกจดจำเรื่องดีๆ เอาไว้ และให้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนในชีวิตมากกว่า
 
"แต่มองดูผมตอนนี้สิ ผมมีความสุขกับช่วงเวลาที่ อาร์เซน่อล และผมจดจำเรื่องดีๆ ได้มากมาย ปีแรกมันมหัศจรรย์ ผมให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งอย่าง บูคาโย่ ซาก้า ที่ได้ลงสนาม 8 นาทีและไม่ได้สัมผัสบอล แต่นั่นคือก้าวแรกสำหรับเด็กอายุ 17 ที่จะกลายเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่"
 
"แบร์นด์ เลโน่ ก็เติบโตขึ้น รวมไปถึง โจ วิลล็อค, รีสส์ เนลสัน, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, มัตเตโอ เก็นดูซี่ ต่างทำได้ดีมาก เช่นเดียวกับ ลูคัส ตอร์เรยร่า มันถือเป็นรางวัลที่ได้เห็นพวกเขาเติบโต"
 
"และ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยัง ยิงได้ 31 ประตู และได้เป็นดาวซัลโว ส่วน อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ยิงได้ 19 ลูก ทำได้อีก 13 แอสซิสต์"
 
"ทั้งหมดที่เราพลาดไป (ในฤดูกาลแรกของเอเมรี่) คือการที่ โอบาเมยัง ยิงจุดโทษพลาดในเกมกับ ท็อตแน่ม มันคือ 2 คะแนนพิเศษที่จะพาเราเข้าไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่ก็เป็นการที่เราไม่ชนะ ไบรท์ตัน และ พาเลซ"
 
"เราสามารถทำงานของเราให้เสร็จลุล่วงได้ แล้วมันก็มีความผิดพลาด ผมต้องโทษตัวเอง เพราะในช่วงเวลาที่ต้องแน่นอน ผมไม่สามารถเก็บผลการแข่งขันได้"
 
"ผมมีความสุขที่ เอมิเรตส์ ผมยังคงติดตาม อาร์เซน่อล พวกเขาทำการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก มิเกล อาร์เตต้า คือตัวเลือกที่ใช่ ผมได้คุยกับเขาในช่วงคริสต์มาส ผมอวยพรให้เขาและอาร์เซน่อลจงประสบความสำเร็จอย่างดีที่สุด"
** หวังได้ทำงานในแดนผู้ดีต่อ **
เอเมรี่ ได้ทิ้งท้ายว่า เขายังมีไฟเต็มเปี่ยมในการกลับมารับงานคุมทีมอีกครั้ง ถ้าหากมีทีมไหนก็ตามที่เหมาะกับเขาและต้องการเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก
 
"ความปรารถนาและพลังยังคงอยู่ ผมได้ดูฟุตบอล ได้เรียนรู้ และถ้าหากมันมีโปรเจ็กต์อะไรดีๆ ในอังกฤษ ถ้าหากมีใครต้องการผม และเตรียมพร้อมที่จะหนุนหลังผม ผมก็พร้อม"
 
"ในอังกฤษ การระบุตัวตนกับทีมของคุณ ทำให้เกมการเล่นมีชีวิตชีวา ซึ่งมันดูจะลงลึกไปมากขึ้นเหมือนกับโบสถ์"
 
"ผมเกิดในเมือง ซาน เซบาสเตียน และทีมของผมคือ เรอัล โซเซียดัด ความรู้สึกนั้นมันอยู่ในใจผม และนั่นคือสิ่งที่คุณหาในอังกฤษ มันมีสิ่งมหัศจรรย์ และน่าหลงใหลที่สุดอยู่ที่นั่น"
#เอเมรี่ #อูไนเอเมรี่ #อาร์เซน่อล #พรีเมียร์ลีก #ข่าวฟุตบอล #วีว่าซอค #vivasoc
www.vivasoc.com เว็บฟุตบอลปลอดพนัน
โฆษณา