23 พ.ค. 2020 เวลา 13:21 • สุขภาพ
ผมขอเจอพ่อเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม...
“ฮัลโหล...คุณอันเดรีย อีก10 นาที พวกเราจะพาพ่อของคุณไปยังใต้บ้านคุณ แต่คุณไม่สามารถลงมาได้”
“โอเคครับ ขอบคุณมากครับ ผมขอมองพ่อจากตรงหน้าต่างก็ได้ครับ”
บ่ายวันหนึ่งมีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา เขาถามพวกเราว่า“ช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ”
พวกเราเลยตอบกับไปว่าคุณต้องการให้พวกเราช่วยอะไรหรอ?
“ผมอยากเจอพ่อของผมเป็นครั้งสุดท้าย พวกคุณช่วยขับรถพาพ่อผม มาใต้บ้านได้ไหมครับ เพราะนี้คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้เจอพ่อ”
พวกเราได้รับการติดต่อจากผู้ชายคนหนึ่ง เขาโทรมาขอความช่วยเหลือ เพราะช่วงนี้เกิดโรคโควิดระบาดไปทั่วทั้งอิตาลี ทุกคนต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่สามารถเดินทางออกไปข้างนอกได้ แต่เขาอยากเจอพ่อเป็นครั้งสุดท้ายจึงติดต่อมาขอร้องพวกเรา
สุดท้ายพวกเราเลือกที่จะทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ พวกเราจึงติดต่อกับไป
“สวัสดีคุณอันเดรียผมชื่อเกริค...คนที่คุณติดต่อมาเมื่อวันก่อนเรื่องพ่อของคุณ”
“สวัสดีครับ คุณเกริค”
“ฟังนะคุณอันเดรีย ตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมรถ เหมือนที่ผมอธิบายให้คุณฟังเมื่อวันก่อน ตอนนี้พวกเราพาพ่อของคุณขึ้นรถแล้ว ดังนั้นตอนที่พวกเราไปถึงใต้บ้านคุณ ผมจะโทรหาอีกครั้ง... แล้วพอพวกเราไปถึงคุณสามารถทักทายพ่อของคุณได้จากทางหน้าต่าง ห้ามลงมา และต่อจากนั้นพวกเราจะต้องรีบไปส่งพ่อของคุณทันที”
“โอเคครับ ขอบคุณมากครับคุณเกริค”
“ด้วยความยินดี ครับคุณอันเดรีย แล้วเจอกัน”
รถของพวกเราได้ขับเคลื่อนไปยังถนนเส้นหนึ่งในเมืองมิลานและหยุดจอดรถตรงบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 6 เมื่อพวกเรามองขึ้นไปบนชั้นหนึ่งของตัวอาคาร มีผู้ชายคนหนึ่งยื่นอยู่ริมหน้าต่างบ้าน เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก มีเพียงแค่การยื่นนิ่งๆทอดสายตาที่ตีความหมายได้หลากหลาย ดวงตาที่เศร้าหมองปราศจากน้ำตา มองลงมาที่โลงศพของพ่อตัวเอง ไร้ซึ่งคำพูดใดๆออกมา มีเพียงสีหน้าที่เจ็บปวด พวกเราจอดรถได้ประมาณ10 นาที เขาได้ตะโกนลงมาว่าขอบคุณครับ ขอบคุณที่ทำให้ผมได้ลาพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนั้นพวกเราก็ขับรถออกมาและนำศพ พ่อของคุณอันเดรียไปส่งยังสุสานปลายทาง
เรื่องเล่าจาก คุณเกริค อายุ 54ปี ชาวเมืองมิลาน เขาทำงานเกี่ยวกับผู้ดูแลศพผู้เสียชีวิต งานของเขาเริ่มต้นที่เวลา 7โมงเช้า และสิ้นสุดตอน 6โมงเย็น เป็นปกติแบบนี้ประจำ หน้าที่หลักๆของเขาคือไปรับศพผู้เสียชีวิตมาจากรพ. และบรรจุศพผู้เสียชีวิตเข้าสู่โลงศพ ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติงานที่เขาทำนั้นไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ แต่พอมาช่วงโรคโควิดระบาด จำนวนผู้เสียชีวิตสูงมาก มันเหมือนกับพวกเขากำลังอยู่ในสภาวะสงครามโลกครั้งที่ 3 ในแต่ละวันเขาต้องทยอยส่งศพจำนวนมากไปตามสุสานในเมืองมิลาน จำนวนผู้เสียชีวิตมีเยอะมากจนเกินรับมือ
เขาเล่าว่า “ฉันทำงานนี้มาหลายปีมาก ไม่เคยมีเหตุการณ์ไหนวิกฤตเท่านี้มาก่อน ฉันขนโลงศพจำนวนมาก และตระเวนส่งหลายสุสาน พอจำนวนคนติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจำนวนผู้เสียชีวิตจึงเพิ่มตามมา พวกเราทำงานไปพร้อมกับความกลัวและหวาดระแวง ฉันกังวลเรื่องสุขภาพของฉันมาก ต่อให้พวกเราป้องกันดีแค่ไหน แต่โอกาสพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะงานที่พวกเราทำคือส่งศพผู้ติดเชื้อ ฉันคิดว่ามันค่อนข้างเสี่ยง อีกอย่างคุณรู้ไหมว่าฉันไม่ได้เจอกับครอบครัวมานานหลายเดือนแล้ว พวกเราทำได้แค่โทรศัพท์ติดต่อกันเท่านั้น บางทีก็ส่งรูปถ่ายไปให้ภรรยาและลูกสาวเพื่อสื่อสารให้ทุกคนสบายใจว่าฉันยังสบายดีอยู่ แต่ฉันไม่สามารถกอดหรือสัมผัสพวกเขาได้อีกเลย เพราะฉันกลัวว่าจะเอาเชื้อโรคไปติดพวกเขา”
reference
โฆษณา