24 พ.ค. 2020 เวลา 05:05 • บันเทิง
เส้นทางนักเขียน : ตอนที่ 1.4 งานเขียนชิ้นแรกนิยายเรื่อง"ผู้รอดชีวิต"
รุ่งเช้าขึ้นมาเป็นวันหยุด ต้นตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เนื่องจากเขานอนไปเต็มอิ่ม เขาออกจากหอพักแต่เช้า เพื่อไปดูความคืบหน้าในการก่อสร้างบ้าน ขณะที่เขากำลังจะก้าวขาขึ้นรถ เขาก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมา เขาสบัดหัวหนึ่งครั้งเพื่อดึงสติตัวเองกลับมา ก่อนจะขับรถตรงไปที่เรือนหอของเขา
ต้นขับรถเลยบ้านตัวเองไป เพื่อหาที่ซื้อเครื่องดื่มชูกำลังไปฝากทีมช่าง เลยบ้านไม่ถึง 1 กิโล ต้นก็เจอร้านขายของชำเล็ก ๆ เขาลงไปสั่งของตามที่ต้องการ คุณยายเจ้าของร้านถามต้นว่า ต้นเป็นคนที่มาซื้อที่ดินต่อจากพระหนุ่มใช่หรือไม่ พอต้นบอกว่าใช่ ยายก็รีบเล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนั้นน่ะเจ้าที่แรง ใครมาอยู่ก็มีอันเป็นไปหมด พระหนุ่มได้บอกประวัติรึเปล่า ต้นพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนตอบว่าทราบครับ
ตอนที่ต้นขอซื้อที่ดินมาจากพระหนุ่ม พระได้บอกกับต้นว่าบ้านหลังเดิมถูกไฟไหม้ ทำให้พ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิต แต่ด้วยความที่ต้นเป็นคนไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ เขาจึงซื้อที่ดินผืนนี้มา
ต้นออกจากร้านขายของชำ มุ่งหน้าไปที่บ้านตามความตั้งใจแรก ทีมช่างบอกกับเขาว่าการก่อสร้างราบรื่นดี เหลือแค่ทาสีเก็บงานนิดหน่อย ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย หัวหน้าช่างพูดต่อว่า พวกเขาได้ทุบห้องน้ำเก่าที่อยู่นอกตัวบ้าน ตามคำสั่งของต้นแล้ว ข้างในมีแต่ของที่ใช้งานไม่ได้แล้วพวกเขาจึงเก็บทิ้งไปหมด ยกเว้นอัลบั้มรูปอันนี้
ต้นรับอัลบั้มรูปมา เค้าบอกกับหัวหน้าช่างว่าเค้าจะเอาไปคืนให้เจ้าของที่เดิม (พระหนุ่ม) ต้นตรวจสอบและสั่งงานช่างเรียบร้อย เขาก็ตรงไปที่วัดเพื่อพบพระหนุ่ม เขาตั้งใจจะไปขอฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่และนิมนต์พระหนุ่มไปงานขึ้นบ้านใหม่ของเขาด้วย หลังจากเสร็จธุระ ต้นไม่ลืมที่จะคืนอัลบั้มรูปที่เก็บมาจากห้องน้ำนั้นให้กับพระหนุ่ม ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับก่อน
พระหนุ่มรับเอาอัลบั้มรูปเก่า ๆ มา อัลบั้มนั้นเป็นรูปครอบครัวของพระหนุ่มและหนึ่ง หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างอัตโนมัติ หน้าของเขาร้อนผ่าวและแดงกล่ำไปด้วยเลือด เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้อดีตที่เลวร้ายมันจบไปแล้ว แต่การกลับมาเห็นรูปเก่า ๆ มันดึงความทรงจำอันเลวร้าย ความโกรธ ความเกลียดชังมากมายในใจของเขา กลับออกมาอีกครั้ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่หนึ่งต้องย้ายมาปราจีนบุรีก็มาถึง ต้นไปรับหนึ่งที่กรุงเทพ พร้อมรถหกล้อคันใหญ่ กระเป๋าใบสุดท้ายถูกขนขึ้นรถไป หนึ่งใช้แม่กุญแจดวงใหญ่คล้องที่ประตูหน้าร้าน เธอใจหายไม่น้อยที่ต้องจากร้านนี้ไป เธอนึกถึงความฝันที่แก้วมาเตือนเธอว่าอย่ากลับไปที่นั่น
หนึ่งขอโทษนะน้าแก้ว ที่หนึ่งรักษาสมบัติของน้าไว้ไม่ได้ น้าแก้วไม่ต้องห่วงหนึ่งนะ หนึ่งรู้อยู่แล้วว่าคนพวกนั้นคงไม่ยอมปล่อยหนึ่งไปง่าย ๆ มันคงถึงเวลาที่หนึ่งต้องรับกรรมแล้ว น้าแก้วไม่ต้องห่วงหนึ่งนะ ไปสู่ภพภูมิที่ดีเถอะ หนึ่งลำพึงลำพันเบา ๆ ที่หน้าประตูน้ำตาเธอไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ต้นเห็นแบบนั้นจึงเข้าไปปลอบหนึ่ง เขาบอกกับหนึ่งว่าเขาจะดูแลหนึ่งให้ดีที่สุด โดยที่ไม่รู้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะทำให้เขาได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของภรรยาสุดที่รัก
ทั้งสองเดินทางมาถึงปราจีนบุรี ต้นขอแวะไปเก็บของและจ่ายค่าหอที่ค้างเอาไว้ก่อน หนึ่งเลือกที่จะนั่งรอต้นอยู่ที่ล็อบบี้ ในขณะนั้นมีพนักงานคนหนึ่ง เดินเข้ามาบอกกับหนึ่งว่า เธอเห็นวิญญาณเด็กนักเรียนคอยตามต้นอยู่ตลอด เคยบอกต้นหลายครั้งแต่ต้นไม่เชื่อ เธอแนะนำให้หนึ่งพาต้นเป็นทำบุญซะบ้าง หนึ่งได้ยินแบบนั้นถึงกับหน้าซีด ถ้าวิญญาณดวงนั้นคือ "ฟ้า" จริง ๆ แสดงว่าพวกเค้าคงรู้แล้วว่าหนึ่งกำลังกลับมา
ทั้งสองคนออกจากหอแล้วตรงไปที่บ้าน ก็เจอกับรถขนของที่มารออยู่แล้ว ทุกคนจึงช่วยกันขนของลงจากรถ กว่าจะเสร็จก็ปาไปบ่ายโมงกว่า ต้นชวนหนึ่งไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ ๆ เมื่อมาถึงร้านต้นขอให้หนึ่งช่วยสั่งให้ ส่วนตัวเขาขอไปเข้าห้องน้ำก่อน หนึ่งลงมือสั่งผัดกระเพราะ 2 จาน เธอกำลังจะเดินไปนั่งรอ แต่จู่ ๆ แม่ค้าก็เอ่ยขึ้นว่า "หนูใช่หนึ่งลูกยายพิมพ์มั้ย?" หนึ่งตกใจมากที่ยังมีคนจำเธอได้ เธอหันซ้ายขวาเพื่อดูให้แน่ใจว่าต้นไม่ได้ออกมาได้ยิน ก่อนจะตอบแม่ค้าไปว่าไม่ใช่
โปรดติดตามตอนต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา