24 พ.ค. 2020 เวลา 02:04 • ปรัชญา
ฟ้าไม่มีตา แต่ฟ้ายังมีดาว และตะวัน
ท้องฟ้าที่มืดมน เปรียบเหมือนชีวิตที่กำลังเจอกับอะไรมากมาย แต่ท้องฟ้าก็มีทั้งกลางวัน และกลางคืน กลางวันมันก็สว่างไสว ส่วนกลางคืนมันก็มืดมน และมืดมิด แต่มันก็เหมือนกับชีวิตเรานั่นแหละ ถ้าเป็นกลางวันชีวิตก็สุข และร่าเริง ถ้าเป็นกลางคืนก็อาจจะเศร้าบ้าง
แต่อย่าลืมนะครับว่ากลางวันกับกลางคืน ความทุกข์กับความสุข เป็นของคู่กัน มีระยะเวลาของมัน เปรียบดังชีวิตที่เวลาสุขจิตใจก็สว่างไสวเหมือนกับกลางวัน เวลาทุกข์ก็มืดมนเหมือนกับกลางคืน
แต่อย่าลืมอีกเช่นกันนะครับว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติเมื่อเราสิ้นจากแสงสว่าง ความมืดมิดก็จะเข้ามาแทนที่เสมอ แต่ถ้าหากว่าเมื่อเรานั้นสิ้นจาก ความมืดมิด ตะวันคล้อยขึ้นมาลืมตาดูโลก ชีวิตที่เคยทุกข์ ก็จะกลับมาสดใส และสว่างไสวอีกครั้ง
ดังนั้นสังเกตง่ายๆ ว่าเมื่อเราทุกข์เราก็จะนอนไม่หลับ แต่เมื่อเราหลับเราก็จะสบาย เมื่อเราตื่นใจเราก็จะเบิกบาน แต่พอเราไปพบกับเรื่องราวที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของเรา หรือขัดใจเราเราก็จะรู้สึกไม่ดีอยู่นิดๆ เราก็จะเก็บไปคิด หรืออาจจะเป็นเรื่องอื่นที่อยู่ในใจของเรา เราก็อาจจะอยู่ในวังวนของความคิดนั้น
แต่ทว่ามันก็เหมือนกับกลางวันกลางคืนนั่นแหละครับ ตอนนี้เราอาจจะทุกข์กายทุกข์ใจ ร้อนกายร้อนใจมันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะตอนนี้มันเป็นกลางคืนครับ ถ้าเกิดว่ามันถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นชีวิตเราก็จะสว่างไสวเหมือนกับตอนกลางวัน
" จงก้าวข้ามความคิดของตนเองไปให้ได้ "
" เพราะความสมบุรณ์มันไม่มี "
" มีแต่สุขกับทุกข์ที่มันอยู่คู่กัน "
ขอบคุณภาพจาก
โฆษณา