24 พ.ค. 2020 เวลา 13:48 • ท่องเที่ยว
Vinicunca ภูเขาสายรุ้งในประเทศเปรู
เคยเห็นภูเขาแห่งไหนที่มีลวดลายและสีสันเหมือนมีใครเอารุ้งกินน้ำไปพาดผ่านไหมครับ ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเห็นรูปภาพของภูเขาที่มีลักษณะอย่างนั้นมาบ้าง บางคนอาจจะเคยเห็นจากโซเซียลมีเดียที่มีการเผยแพร่กันออกไป ผมมีโอกาสเดินทางไปเห็นด้วยตาตนเองมาแล้ว 3 แห่ง และภูเขาสายรุ้งแห่งแรกที่ผมจะพาไปชมอยู่ในประเทศเปรูครับ
Vinicunca
Vinicunca มาจากคำพื้นเมืองของชาวเปรู แปลซื่อๆว่า ภูเขาหลากสี (coloured mountain) บางคนเรียกว่า Montana de Siete Colores ซึ่งแปลว่า ภูเขาเจ็ดสี เป็นแหล่งท่องเที่ยวค่อนข้างใหม่ในประเทศเปรู อยู่ห่างจากเมืองกุสโก (Cusco) เมืองท่องเที่ยวสำคัญที่เป็นประตูสู่มาชูปิกชู (Machu Picchu) ประมาณ 3ชั่วโมงหากเดินทางด้วยรถประจำทาง
ภูเขาสายรุ้งแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอนดีสในประเทศเปรู จากการสะสมของแร่ธาตุในชั้นต่างๆของหิน กว่าจะเกิดเป็นลวดลายหลากสีที่สวยงามขึ้นมาได้ แต่ละชั้นต้องใช้เวลาเป็นพันปี
ภูเขา Ausangate ที่อยู่ใกล้เคียง
การเดินทางเริ่มต้นจากเมืองกุสโก โดยผมเลือกไปกับทัวร์ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายเพียง 500 บาท ราคานี้รวมอาหารเช้า อาหารกลางวันและรถรับส่ง โดยออกเดินทางตั้งแต่ตีสามครึ่ง แวะทานอาหารเช้าระหว่างทาง กว่าจะไปถึงตีนเขาก็ราวๆเก้าโมงเช้า
เส้นทางที่ขึ้นไปก็ไม่ได้ดูยากเย็นอะไรนัก แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคของการเดินทางคือ ภูเขาลูกนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง5200 เมตร จึงมีออกซิเจนที่เบาบางมาก นี่คือเหตุผลของความยาก ใครจะเลือกเดินขึ้นก็ได้ หรือจะเลือกขี่ม้าขึ้นไปก็มีคนจูงม้าให้โดยเสียค่าบริการขาขึ้น 500 บาท เท่าที่ผมสังเกตดูมีคนเข้มแข็งเลือกที่จะเดินขึ้นมากกว่า แต่ผมเลือกที่จะขี่ม้า
แต่การขี่ม้าก็หาใช่พาหนะที่ทำให้คุณขึ้นสู่ยอดเขาได้โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย เพราะเมื่อใดที่ทางขึ้นสูงชันพอสมควร คุณจะถูกเชิญลงจากหลังม้าแล้วเดินผ่านความชันเอาเอง รสชาติของความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินขึ้นเขาในสภาพที่อากาศเบาบางจะสำแดงฤทธิ์เดชให้เห็นชัดๆก็ตอนนี้แหละครับ ผมต้องยอมรับแบบไม่อายว่า เหนื่อย(โว๊ย) เหนื่อยมาก เหนื่อย(ฉิบ...) เพราะมันเหนื่อยจริงๆ เหนื่อยและหายใจลำบาก พอผ่านที่ชันๆไปแล้ว คราวนี้คุณก็จะกลายเป็นเจ้าชายถูกเชิญให้ขึ้นหลังม้าอีกรอบ
ม้าจะเดินแทนคุณจนถึงระยะประมาณ 100 เมตรสุดท้าย ต่อจากนั้นตัวใครก็ตัวมันแล้วครับ คุณจะต้องเดินขึ้นสู่ยอดที่ระดับความสูง 5200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลกันเอง แต่ขึ้นไปถึงแล้วก็สวยคุ้มค่าน่าดูชมทีเดียว
วันที่อากาศดีๆแบบนี้ ฟ้าแจ่มมาก ภูเขาสายรุ้งจึงสวยแบบธรรมชาติสร้างมา ถ่ายรูปยังไงก็สวยอยู่แล้ว ไม่ต้องแต่งหน้าตา(ภาพ)ให้เหมือนลิเก
กว่าจะลากสังขารขึ้นมาถึงจุดที่ถ่ายรูปได้โดยไม่มีผู้คนเกะกะมากนัก ผมก็เหนื่อยแทบแย่ การออกแรงในสภาวะที่อากาศเบาบาง ออกซิเจนในอากาศน้อยๆแบบนี้ เหนื่อยกว่าการออกแรงในภาวะปกติมาก เดินราบไม่กี่ก้าวก็หนักแล้ว เดินขึ้นเนินสาหัสกว่าหลายเท่า ผมจึงตัดสินใจไม่เดินต่อแล้วครับ ดูคนอื่นเดินดีกว่า
ขาลงผมยังเลือกที่จะขี่ม้าลงเหมือนเดิม เพราะเข็ดเต็มทีกับการเดินเอง ขาลงก็เช่นกัน ตรงไหนที่ทางดิ่งชันมากก็จะถูกไล่ลงจากหลังม้ามาเดินเอาเอง ขากลับเขาคิดค่าแรงลดลงเหลือ 400 บาท สรุปเวลาที่ใช้ในการกินแรงงานม้า ขาขึ้นและขาลงอย่างละ 1 ชั่วโมง หากเดินเองก็เป็นระยะทางไปกลับราวๆ 5 กิโลเมตร
อปากา(Apacas) สัตว์พื้นเมืองที่พบเห็นระหว่างทาง
ความสวยงามน่าอัศจรรย์ใจของธรรมชาติเช่นนี้ หากใครไม่พ่ายแพ้ต่อความสูง(high altitude sickness) มีปอดและหัวใจที่แข็งแรงดีพอ กระดูกกระเดี้ยวและข้อต่อทั้งหลายยังไหว รับผิดชอบต่อการหายใจของตัวเองได้ดี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาออกซิเจนกระป๋อง ผมจึงแนะนำให้ไปครับ
โฆษณา