รสเผ็ดของผักแพวช่วยทำให้เลือดลมในร่างกายเดินสะดวกมากขึ้น (ใบ)[5]
ช่วยรักษาโรคหวัด (ใบ)[6]
ช่วยขับเหงื่อ (ดอก)[7],[8],[9]
ช่วยรักษาโรคปอด (ดอก)[7],[9]
ช่วยรักษาหอบหืด (ราก)[9]
ช่วยแก้อาการไอ (ราก)[9]
ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันและแก้อาการท้องผูก และช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูงถึง 9.7 กรัม ซึ่งจัดอยู่ในผักที่มีเส้นใยอาหารมากที่สุด 10 อันดับของผักพื้นบ้านไทย (ใบ)[4],[7],[8]
ผักแพวมีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยแก้ลม ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ใบ, ยอดผักแพว)[2],[3],[6],[9] ใช้เป็นยาขับลมขึ้นเบื้องบน ช่วยให้เรอระบายลมออกมาเวลาท้องขึ้น ท้องเฟ้อ (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
รากผักแพวช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร (ราก)[7] แก้กระเพาะอาหารพิการหรือกระเพาะอักเสบ (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8],[9]
ช่วยแก้ท้องเสีย อุจจาระพิการ (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
ช่วยแก้อาการเจ็บท้อง (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
ช่วยแก้อาการท้องรุ้งพุงมาน (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
ใบผักแพวช่วยรักษาโรคพยาธิตัวจี๊ด แต่ต้องรับประทานติดต่อกัน 5-8 วัน[6]
ลำต้นผักแพวใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น)[9]
ราก ต้น ใบ และดอก นำมาปรุงเป็นยาได้ ใช้รักษาริดสีดวงทวาร (ใบ, ดอก, ต้น, ราก)[8]
ช่วยรักษาโรคตับแข็ง (ใบ)[6]
ช่วยลดอาการอักเสบ (ใบ)[2]
ใบผักแพวใช้แก้ตุ่มคัน ผดผื่นคันจากเชื้อรา เป็นกลากเกลื้อน[6] ด้วยการใช้ใบหรือทั้งต้นนำมาคั้นหรือตำผสมกับเหล้าขาว แล้วใช้เป็นยาทา (ใบ, ทั้งต้น)[7]
ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (ราก)[9]
ช่วยรักษาอาการปวดข้อ ปวดกระดูก (ราก)[7],[9]
ช่วยแก้เส้นประสาทพิการ แก้เหน็บชาตามปลายนิ้วมือ ปลายเท้า และอาการมือสั่น (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
ใช้ปรุงเป็นยาบำรุงเลือดลมของสตรี (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8