24 พ.ค. 2020 เวลา 10:55 • สุขภาพ
ผักแพวผักพื้นบ้านกลิ่มหอมประโยชน์หลาย
สมุนไพรผักแพว มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า พริกม้า พริกม่า (นครราชสีมา), หอมจันทร์ (อยุธยา), ผักไผ่ (ภาคเหนือ), ผักแพว (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), จันทน์โฉม, จันทน์แดง, ผักไผ่น้ำ, ผักแพ้ว, ผักแพรว, ผักแจว, พริกบ้า, หอมจันทร์
ต้นผักแพว จัดเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นสูงประมาณ 30-35 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรง มีข้อเป็นระยะ ๆ ตามข้อมักมีรากงอกออกมา หรือลำต้นเป็นแบบทอดเลื้อยไปตามพื้นดินและมีรากงอกออกมาตามส่วนที่สัมผัสกับพื้นดิน เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้นแฉะ เช่น ในบริเวณห้วย หนอง คลอง บึง หรือตามแอ่งน้ำต่าง ๆ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการใช้ลำต้นปักชำ (เมล็ดงอกยาก นิยมใช้กิ่งปักชำมากกว่า) พรรณไม้ชนิดนี้เป็นพืชล้มลุก พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพราะเกิดได้เองตามธรรมชาติ
ผักแพวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย และช่วยในการชะลอวัย (ใบ)[2]
ช่วยป้องกันและต่อต้านมะเร็ง (ใบ)[2]
ช่วยป้องกันโรคหัวใจ (ใบ)[2]
ใบใช้รับประทานช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)[2]
ช่วยบำรุงประสาท (ราก)[9]
1
รสเผ็ดของผักแพวช่วยทำให้เลือดลมในร่างกายเดินสะดวกมากขึ้น (ใบ)[5]
ช่วยรักษาโรคหวัด (ใบ)[6]
ช่วยขับเหงื่อ (ดอก)[7],[8],[9]
ช่วยรักษาโรคปอด (ดอก)[7],[9]
ช่วยรักษาหอบหืด (ราก)[9]
ช่วยแก้อาการไอ (ราก)[9]
ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันและแก้อาการท้องผูก และช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูงถึง 9.7 กรัม ซึ่งจัดอยู่ในผักที่มีเส้นใยอาหารมากที่สุด 10 อันดับของผักพื้นบ้านไทย (ใบ)[4],[7],[8]
ผักแพวมีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยแก้ลม ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ใบ, ยอดผักแพว)[2],[3],[6],[9] ใช้เป็นยาขับลมขึ้นเบื้องบน ช่วยให้เรอระบายลมออกมาเวลาท้องขึ้น ท้องเฟ้อ (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
รากผักแพวช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร (ราก)[7] แก้กระเพาะอาหารพิการหรือกระเพาะอักเสบ (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8],[9]
ช่วยแก้ท้องเสีย อุจจาระพิการ (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
ช่วยแก้อาการเจ็บท้อง (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
ช่วยแก้อาการท้องรุ้งพุงมาน (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
ใบผักแพวช่วยรักษาโรคพยาธิตัวจี๊ด แต่ต้องรับประทานติดต่อกัน 5-8 วัน[6]
ลำต้นผักแพวใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น)[9]
ราก ต้น ใบ และดอก นำมาปรุงเป็นยาได้ ใช้รักษาริดสีดวงทวาร (ใบ, ดอก, ต้น, ราก)[8]
ช่วยรักษาโรคตับแข็ง (ใบ)[6]
ช่วยลดอาการอักเสบ (ใบ)[2]
ใบผักแพวใช้แก้ตุ่มคัน ผดผื่นคันจากเชื้อรา เป็นกลากเกลื้อน[6] ด้วยการใช้ใบหรือทั้งต้นนำมาคั้นหรือตำผสมกับเหล้าขาว แล้วใช้เป็นยาทา (ใบ, ทั้งต้น)[7]
ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (ราก)[9]
ช่วยรักษาอาการปวดข้อ ปวดกระดูก (ราก)[7],[9]
ช่วยแก้เส้นประสาทพิการ แก้เหน็บชาตามปลายนิ้วมือ ปลายเท้า และอาการมือสั่น (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8]
ใช้ปรุงเป็นยาบำรุงเลือดลมของสตรี (ใบ, ดอก, ต้นราก)[8
1
ประโยชน์ของผักแพว
รสเผ็ดของผักแพวช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในเลือด เหมาะเป็นผักสมุนไพรลดความอ้วนได้โดยไม่ขาดสารอาหาร เพราะอุดมไปด้วยเส้นใยและวิตามิน แต่ต้องรับประทานในปริมาณที่มากพอหรือวันละไม่น้อยกว่า 3 ขีด[8]
ผักแพวมีวิตามินเอสูง จึงช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้เป็นอย่างดี โดยมีวิตามินเอสูงถึง 8,112 หน่วยสากล[1],[3] ในขณะที่อีกข้อมูลระบุว่ามีมากถึง 13,750 มิลลิกรัม[5]
ผักแพวเป็นผักที่ติดอันดับ 8 ของผักที่มีวิตามินซีสูงสุด โดยมีวิตามินซี 115 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม[4]
ผักแพวมีแคลเซียมสูงถึง 390 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม จึงช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงได้เป็นอย่างดี[4]
ผักแพวมีธาตุเหล็กสูงสุดติด 1 ใน 5 อันดับของผักที่มีธาตุเหล็กสูง[4]
ยอดอ่อนและใบอ่อนใช้ประกอบอาหาร ใช้รับประทานเป็นผักสด หรือใช้แกล้มกับอาหารที่มีรสจัด ใช้เป็นเครื่องเคียงของอาหารอีสาน อาหารเหนือ อาหารเวียดนาม หรือนำมาหั่นเป็นฝอย ใช้คลุกเป็นเครื่องปรุงสดประกอบอาหารประเภทลาบ ลู่ ตำซั่ว ก้อยกุ้งสด ข้าวยำ แกงส้ม เป็นต้น[2]
ใบผักแพวนำมาใช้แกงประเภทปลา เพื่อช่วยดับกลิ่นของเนื้อสัตว์หรือกลิ่นคาวปลาได้[2]
1
คุณค่าทางโภชนาการของผักแพว ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 54 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 7.7 กรัม
เส้นใยอาหาร 1.9 กรัมดอกผักแพว
ไขมัน 0.5 กรัม
โปรตีน 4.7 กรัม
น้ำ 83.4%
วิตามินเอ 8,112 หน่วยสากล
วิตามินบี 1 0.05 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.59 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 1.7 มิลลิกรัม
วิตามินซี 77 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 79 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 2.9 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 272 มิลลิกรัม
โฆษณา