10 ก.ย. 2020 เวลา 02:39 • ประวัติศาสตร์
รู้ม่ั้ย.."คางคก" เอามาทำของหวานได้นะ
วันนี้ ขอคั่นเวลาจากเรื่องงานศพที่เขียนแล้วรู้สึกเศร้า...จึงขอพัก เปลี่ยนมาเล่าเรื่องแปลกๆที่ได้ฟังจากอาม่าดีกว่า
จงโคร่ง (Bufo asper) คางคกในวงศ์ Bufonidae จัดเป็นคางคกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบได้ในประเทศไทย เครดิต: Wikipedia
"คางคก" ตัวตะปุ่มตะป่ำที่แพทย์แผนปัจจุบันเค้าว่ามีพิษ
ยางคางคกถูกตาก็ทำให้พร่ามัวจนถึงบอด เมื่อนำไปปรุงเป็นอาหารก็อันตราย เพราะสารพิษจะกระตุ้นการทำงานของหัวใจ โดยเพิ่มอัตราการเต้นและแรงบีบของหัวใจ
แต่ทางแพทย์จีนนั้น ถ้าปรุงโดยถูกวิธีแล้ว "คางคก" มีสรรพคุณบำรุงร่างกายเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ"ท่อนำไข่" ของ "คางคกหิมะ" ในสมัยหมิงถือว่าเป็นของที่ต้องส่งเข้าวังหลวง และนับเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดยาจากป่าเลยทีเดียว
แม้ "คางคก" บ้าน ๆ ธรรมด๊า ..ธรรมดา ที่หาได้ทั่วไปในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเป็นสมัยที่อาม่ายังเด็กนั้น ถึงจะไม่ใช่อาหารระดับฮ่องเต้ แต่ก็มีความแปลกประหลาดและหากินยากไม่น้อย เพราะไม่ค่อยมีคนทำเป็น แต่..อากู๋ทำได้
อาม่าเล่าว่า "อากู๋ (น้าชาย)ของม่า เค้าเอามาต้ม ไม่ใช่เป็นกับข้าวด้วยนะ กินเป็นขนมหวานด้วย" อาม่าเล่าอย่างอารมณ์ดี ตาเป็นประกายขณะที่รำลึกถึงครั้งยังเป็นเด็ก
“อากู๋”เป็นคนชอบทำอาหารตามประสาคนดื่มเหล้า แต่ก็ไม่ดื่มจนเสียการเสียงาน แค่กรึ่ม ๆ ตอนแดดร่มลมตก เย็น ๆ ก็กรึ๊บซะหน่อย บางวันนึกครึ้มก็จะเรียกเด็ก ๆ ไปจับ “คางคก” ซึ่งมีอยู่มากมายในสมัยนั้น
เด็ก ๆ จะได้ค่าจับคางคกคนละบาท แค่นั้นก็ดีใจแล้วว.. (สมัยนี้คงเมินง่ะ) และของสำคัญที่ทุกคนรู้กัน คือ ทุกคนจะเตรียมกระป๋องนมมาคนละใบ เพื่อ ?!? อุบไว้ก่อน....ไว้ค่อยเฉลย
เริ่มวิธีทำ “ของหวานจากคางคก”
ตอนนั้นอาม่ายังเด็ก สนใจแต่...รอหม่ำซะมากกว่า
ที่จำได้ คือ อากู๋จะเอาไปในครัว........(เซ็นเซอร์)
จากนั้นก็จับคางคกหงายท้อง ดึงหนังให้ตึง ๆ แล้วเอามีดกรีด...ลากยาว หยึย..
เสร็จแล้วก็แก้ผ้า..เอ้ย ดึงหนังออก ปรื้ดดดด..ด..ด
สุดท้ายคือ ดึงเส้น ... ?
อาอึ้มบอกไม่แน่ใจว่าเป็นเส้นที่ทำให้เมา หรือ ทำให้เหม็นคาว แต่น่าจะเป็นเส้นเมา (เป็นพิษ) อย่างที่เคยฟังมา จบตรงนี้ อากู๋ก็โยนไปให้ศรีภรรยา
ปรุงเป็นของหวาน
นำคางคกไปล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับ “ลูกเดือย” ใส่น้ำตาล เป็นของหวาน
อาจจะฟังดูแปลก เพราะส่วนใหญ่คาดว่าจะเอามาผัด มายำ ทำกับข้าวเสียมากกว่า
ทั้งนี้ อาม่าไม่ได้ตามไปดูกรรมวิธีการล้าง เพราะอากู๋ยังมีอย่างอื่นที่น่าสนใจมาเล่นกับเด็ก ๆ ต่อ จึงไม่รู้ว่าจะมีเทคนิคพิเศษเหมือนการล้างดับกลิ่นคาวอาหารอื่น ๆ ตามแบบคนจีนหรือเปล่า เช่น ใช้เหล้า เกลือ ขิง
หรือ อย่าง "ท่อนำไข่คางคก" ที่กล่าวไว้ตอนต้น ก็ต้องแช่ในเหล้าขาวสักครู่ค่อยล้างทิ้งเพื่อให้หมดกลิ่น บางสูตรก็ต้องใส่กับขิง หรืออบเชย หรือพุทราจีน เป็นต้น
ย้อนกลับมาเรื่องรสชาติ อาม่าว่าเนื้อมันจืด ๆ แต่เมื่อกินกับลูกเดือย และรสชาติของน้ำตาลหวาน ๆ ก็อร่อยดี ที่สำคัญคือ ไม่คาว !
นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณ และผลพลอยได้อื่นซึ่ง...
ขอยกยอดไปตอนหน้า
พร้อมเฉลยว่า "กระป๋องนม" มาเกี่ยวข้องอะไรด้วยจ้า
ติดตามต่อนะคะ
เครดิต : ข้อมูลเกี่ยวกับท่อนำไข่คางคก
โฆษณา