Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าสงครามเกาหลี
•
ติดตาม
25 พ.ค. 2020 เวลา 04:21 • ประวัติศาสตร์
จดหมายฉบับที่4
24 พ.ค. 2563
กฤต...ลูกรัก
ฉบับที่ 4 แล้วนะลูก พ่อหวังใจว่าลูกจะบันทึกโน๊ตในไลน์ไว้อ่านในภายหน้า เพื่อได้รู้จัก เพื่อได้ภูมิใจในตัวปู่ของลูกอย่างน้อยในความภูมิใจนั้นจะทำให้ลูกครองประพฤติ ครองตนในแนวทางที่ดี และทรงไว้ซึ่งเกียรติแห่งบรรพบุรุษของเราเอง
พ่อได้พาลูกตามรอยปู่จนมาถึงสถานีรถไฟอียจองบู (Uijeongbu: 곽의영 부) ได้สืบค้นจากเอกสารต่างๆ ไม่มีรายละเอียดในส่วนนี้ มีแต่ภาพรวมกว้างๆ จากหนังสือ”65ปี ทหารกล้าสงครามเกาหลี” ของ เทพพนม วี ปาลมา ได้สัมภาษณ์ ทหารผ่านศึก 11 นาย ซึ่งมีระดับชั้นยศในปัจจุบัน ตั้งแต่ระดับ พลทหารไปจนถึงระดับพลตรี ส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่าได้เดินทางออกจากปูซานด้วยรถไฟ รถไฟจะวิ่งๆ หยุดๆ ตามเสียงระเบิด และเสียงวิทยุสนามที่จะรายงานสถานการณ์รบในขณะนั้น
เมื่อลงจากรถไฟได้ขึ้นรถยนต์ต่อไปยัง มัมยองนิ (อาจเป็นเมืองมูนซาน Munsan:문산 เพราะเป็นเมืองอยู่ระหว่างอึยจองบูไปชอร์วอน) ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเมืองระหว่างทางจากอียจองบูไปย็อนช็อน (Yeoncheon:연천) หรือจากอยึจองบูไปชอร์วอน (Cheorwon:철원) อย่าลืมว่าการเดินทาง คือ วันที่ 9 ม.ค. 2496 เป็นช่วงเวลาหลังจากสิ้นสุดยุทธการเขาพอร็กช็อป (Porkshop hil) ประมาณ 2 เดือน
ซึ่งแม้นยุทธการจะจบแต่การปฏิบัติก็ยังมีระลอกคลื่นแห่งการรบอยู่ตลอดเวลาเป็นช่วงๆ ตามสถานการณ์ข่าวการเจรจาสงบศึก และเป็นฤดูหนาว ซึ่งจะมีอุณหภูมิที่ -5 ถึง -20 องศา ปู่ของลูกคงหนาวน่าดู ปู่เคยหยอกพ่อด้วยการเล่าถึงตอนฉี่ในฤดูหนาวของเกาหลีว่าเวลาฉี่ให้เดินถอยหลังไปด้วย เพราะถ้าไม่เดินถอยหลังฉี่จะคล้ำเราหงายหลังได้ เพราะฉี่เป็นน้ำแข็ง ถ้าเป็นจริงนี่คงจะหนาวน่าดู ซึ่งอลัน อาร์ มิลเลท์ เขียนไว้ใน “Their war for Korea” ว่า ”สิ่งที่ทหารไทยจำได้มากที่สุดคือความหนาว ความแตกต่างของความร้อนในไทย กับ ความหนาวในเกาหลีมีสูงถึง 40 ถึง 50 องศา ซึ่งความหนาวนี้ยังไม่รวมถึง ความหนาวที่เกิดจากแรงลม การรบ และความเหงา ทหารไทยหลายคนถึงกับรำพึงว่า แม้แต่แสงแดดในเกาหลียังหนาว” นี่คือ เหตุการณ์การเดินทางไปอยู่ในแนวหนุนของทหารผลัดที่ 4 ที่พ่ออยากเล่าให้ลูกฟัง
ที่นี่พ่ออยากชวนลูกเดินตามรอยเท้าปู่แบบหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว ด้วยบันทึกของหมู่อ่อน ที่เล่าถึงเหตุการณ์การเดินทางขึ้นสู่แนวรบ น่าสนใจมากๆ เลย
ส.ท.อ่อน ทองนุช ซึ่งมียศขณะไปสงครามได้เขียนบันทึกถึงเหตุการณ์ ขณะผลัดเปลี่ยนกำลังในบันทึก”เมื่อข้าพเจ้าสู่แนวรบ” ไว้ดังนี้ “ให้ทุกคนเก็บของลงถึงให้เรียบร้อยตั้งแต่บัดนี้ เตรียมตัวพร้อมที่จะเคลื่อนที่เข้าสู่แนวรบทุกเมื่อ รุ่งขึ้นวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2496 เวลา 24.00 น. ข้าพเจ้าต้องตื่นขึ้นจัดของที่ต้องใช้ในสนามลงถุง และเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนที่ต่อไป ในเวลา 01.00 น.รถได้มาถึง รับทหารที่เข้าสู่แนว ข้าพเจ้าได้นั่งภาวนาถึงคุณพระ อาจารย์ พ่อแม่ตลอดทาง ข้าพเจ้าไม่ทราบว่ารถได้พาเราไปทางทิศใดและถึงไหน เพราะรถของข้าพเจ้าเป็นรถมีประทุนปิดมิดไม่สามารถจะมองเห็นอะไรได้
รถได้พาข้าพเจ้าเรื่อยมาใกล้เสียงปืนเข้ามาทุกขณะจิต ใจข้าพเจ้าตื่นไม่สามารถจะเปรียบเทียบได้ ในระหว่างที่ข้าพเจ้านั่งนึกคิด หลับอยู่ในรถ
ทันใดนั้นรถที่ข้าพเจ้านั่งได้สั่นสะเทือนไปทั้งคันปานจะแตกออกเป็น 2 ส่วน แต่ข้าพเจ้าหารู้เหตุการณ์ไม่ได้ ได้แต่นิ่งตกตลึงอยุ่ในประทุนรถ ต่อมาถึงเริ่มได้ยินเสียงพูดในท่ามกลางความเงียบว่า “รถตกถนน” มิใยที่จะไต่ถามอะไรให้แน่นอน ทหารทั้งหลายที่นั่งอยู่ในรถขณะนั้นก็ตกตลึงโดยออกมานอกรถอย่างตื่นเต้น
อนิจจาคุณพระช่วย! รถได้ตะแคงอยู่ข้างถนนห่างจากทุ่นระเบิดบก ซึ่งวางดักข้าศึกไว้ประมาณ 3 วาเท่านั้น นับว่าเป็นการรอดพันอันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่เป็นที่ตกใจสำหรับข้าพเจ้าเท่าไรนัก
แต่ยังมีสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่น่าจะมีชีวิตอยู่อย่างทุกวันนี้ได้ คือ พอข้าพเจ้าทราบว่ารถตกถนนข้าพเจ้ามิได้รีบกระวีกระวาดลงรถอย่างผู้อื่น ต่อเมื่อทุกคนได้ลงไปหมดแล้ว ข้าพเจ้าได้จึงได้ลุกขึ้นลงกับเขาบ้าง แต่ข้าพเจ้ายังไม่นับว่าเป็นคนสุดท้าย ยังมีสุดท้ายกว่าข้าพเจ้าอีก 4-5 คน ในขณะที่ข้าพเจ้า……
คุณณชพล ทองนุชเล่าเพิ่มเติม ”เรื่องรถตกเขาพ่อเล่าให้ฟังว่า ทุกคนได้รับคำสั่งให้ลงจากรถทั้งหมด แต่พ่อเป็นคนสุดท้ายเพราะนอกจากสัมภาระแล้วยังมีวิทยุสื่อสารสะพายหนึ่งเครื่องทำใหลงรถได้ช้าเป็นคนสุดท้ายพอโดลงมาพ่อซึ่งเป็นคนตัวเล็กโดดลงมาก้อล้มอยู่ท้ายรถซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนขับเร่งเครื่องถอยหลังขึ้นด้วยเดชะบุญ ที่หมวกเหล็กที่ใส่ได้หลุดออกตอนล้มลงแล้วเข้าไปหนุนล้อ ทำให้รถเร่งเครื่องเท่าไหร่ก้อไม่ขี้นจนคนขับหยุดลงมาดูว่าติดอะไรเห็นพ่อนอนอยู่ใต้ท้องด้านท้าย
พ่อด้วยความโมโหลุกขึ้นประทับปืนไปยังคนขับ แต่มีคนมาช่วยกันห้ามไว้ จากนั้นจึงเอาหมวกที่หนุนล้อออกมาในสภาพบู้บี้ แต่ก็มีเพื่อนที่ร่วมเดินทางขอแลกไปใส่แทนจากนั้นจึงถอยรถขึ้นได้ซึ่งถือเป็นปาฎิหารย์จากหมวกเหล็กครับ. เพราะไม่น่าเชื่อว่ารถบรรทุกจะเหยียบข้ามไม่ได้เพราะถ้าข้ามมาได้คือทับพ่อผมตายไปแล้ว
ส่วนตรงช่องเขาพ่อเคยถูกสไนเปอร์ซุ่มยิงเรื่องคือในระหว่างที่พ่อลากสายโทรศัพท์ขึ้นไปบนเขาไปซุ่มดูความเคลื่อนไหวแนวรบด้านหน้า แล้ววิทยุรายงานแจ้งพิกัดให้ปืนใหญ่ทราบ แต่ในระหว่างขุดดินเพื่อกลบสายโทรศัพท์ มีเสียงเฟี้ยวผ่านหูไป แต่ยังไม่เอะใจเพราะเห็นว่าตนยังอยู่ไกลจากแนว แต่พอง้างพั่วสนามลงดินครั้งที่สองลูกกระสุนได้โดนที่พรั่วสนามที่ที่ขุดดังเพลี้ย ทันใดนั้นจึงรู้ว่าตนตกเป็นเป้าของพลซุ่มยิงข้าศึกแต่ด้วยระยะที่ไกลหรือด้วยบุญก้อไมทราบทำให้แคล้วคลาดรอดมาได้โดยทั้งพลั้วไว้ตรงนั้น
คุณณชพล เล่าต่อว่า “ตอนเด็กๆผมนั่งฟังเรื่องนี้แล้วตื่นเต้นมากและยังมีเรื่องกระสุนปืน ค ข้าศึกตกลงมาในหลุมบังเกอร์แต่โชคดีที่ด้านมรแต่ควันพวยพุ้งตลบทั้งบังเกอร์ทุกคนต่างวิ่งออกมากันหมดจนควันหายจึงค่อยเข้าไปดู จึงพบว่าเป็นกระสุนปืน แต่ก็รอด”
ที่นี่พ่อจะพาลูกเดินเลาะตามสันเขาเพื่อมาดูแนวรบในความของทหารผ่านศึกผลัดที่ 4 ตามหนังสือ “ประวัติทหารไทยในสงครามเกาหลี” แล้วเซริฟ์ในกูเกิลแมปเพื่อให้เห็นพื้นที่ผ่านดาวเทียมทำให้เห็นภาพ พื้นที่ที่ปู่ของลูกไปประจำแนวรบ อยู่ระหว่าง แคซอง (แคซ็อง ฮัมกย็องใต้ เกาหลีเหนือ 37.942089, 126.597280) -มุนซาน (35-7 Munsan-ri, Munsan-eup Paju-si, Gyeonggi-do, เกาหลีใต้
37.852808, 126.783239)-อึยจองบู (Uijeong-ro Euijeongbu, Gyeonggi-do, เกาหลีใต้ 37.738021, 127.033149)-ชอร์วอน (Cheorwon คังว็อน เกาหลีเหนือ 38.343414, 126.906671) ซึ่งเป็นพื้นล้อมรอบเมืองย็อนชอน) ฮัมกย็องใต้ เกาหลีเหนือ 38.317405, 126.871865
1
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ลูกถามแล้วพ่อได้ติดค้างลูกไว้ ตอนนี้พ่อหาคำตอบได้แล้ว นั่นคือ อาร์มที่ติดแขนเสื้อด้านขวาของเครื่องแบบทหารเกาหลี เป็นรูปหัวอินเดียนแดงในรูปดาวห้าแฉกบนโล่ห์โรมัน (ตามรูป) เค้าเรียกว่า “Indian Head Symbol” เป็นสัญญาณของกองพลทหารราบที่ 2 แห่งสหรัฐ ส่วนประวัติความเป็นมา คลิกที่นี่
https://www.dday-overlord.com/en/battle-of-normandy/forces/usa/2nd-infantry-division
สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะลูก เดี๋ยวลูกจะเบื่อเสียก่อน ยังไงก็ตั้งใจเรียนออนไลน์ด้วยนะลูก เป็นสิ่งใหม่ที่ลูกจะต้องใส่ใจกว่าการเรียนปกติ เพราะมันเป็น “์New Normal” ต้องใช้เวลาซักพักถึงจะคุ้นเคย แล้วพรุ่งนี้พ่อจะพาทัวร์ในสมรภูมิเกาหลี อาจจะเริ่มบุกขึ้นมาจากจดหมายฉบับก่อนๆนะ เตรียมเครื่องรางของขลังกันมาเลย
พ่อรักลูกนะครับ
กบ ธรรมกิจ
บันทึก
7
1
7
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย