Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อยากเล่า
•
ติดตาม
25 พ.ค. 2020 เวลา 11:44 • การศึกษา
ฮิกังบานะ : ดอกไม้แห่งความตาย
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน กลับมาเจอกันอีกครั้งที่เพจ “อยากเล่า” นะครับ
เพื่อน ๆ รู้จักดอกไม้ที่ชื่อว่า “ฮิกังบานะ” รึเปล่าครับ
ถ้าเคยเห็น ก็อาจจะเคยหนังหรือการ์ตูนญี่ปุ่นครับ เพราะที่ญี่ปุ่นดอกไม้ชนิดนี้มีชื่อเสียงมาก มักจะปรากฏในสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอ
แต่ชื่อเสียงที่ว่านั้นเป็นชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะดอกฮิกังบานะนี้มีชื่อเสียงในชื่อ “ดอกไม้แห่งความตาย” !
ทำไมถึงเชื่อกันแบบนั้น และดอกไม้ชนิดนี้มีความพิเศษอย่างไร?
เดี๋ยววันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
ดอกฮิกังบานะ มีชื่อภาษาไทยว่า ดอกพลับพลึงสีแดง หรือภาษาอังกฤษว่า Red Spider Lily มีต้นกำเนิดที่ประเทศจีน เนปาลและเกาหลี ก่อนจะถูกนำเข้ามาไปที่ญี่ปุ่น
ดอกฮิกังบานะ
ความพิเศษของดอกไม้ดอกนี้ คือพวกมันจะบานเฉพาะในช่วง “วสันตวิษุวัต” (วันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน) ในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้ คนญี่ปุ่นเขาเรียกกันว่า “ฮิกัง” จนนำไปสู่ที่มาของชื่อ” ฮิกังบานะ” นั่นเองครับ
แต่ชื่อนั้นไม่ใช่เป้าหมายของบทความในครั้งนี้ครับ เพราะจริง ๆ แล้วดอกฮิกังบานะนี่มีชื่อเรียกอยู่อีกหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น “ดอกไม้แห่งความตาย” “ดอกไม้จากนรก” “ดอกไม้สวรรค์” หรือ “ดอกไม้ผี” !
ทำไมดอกไม้นี้ถึงมีชื่อเรียกที่น่ากลัวแบบนี้กันนะ?
เหตุผลจริง ๆ แล้วไม่ซับซ้อนมากครับ คือจริง ๆ แล้วดอกไม้ชนิดนี้นั้นมี “พิษ” นั่นเอง
แถมพิษของดอกไม้ชนิดนี้ไม่ใช่พิษธรรมดา ๆ แต่เป็นพิษร้ายแรง ถ้ามนุษย์กินเข้าไปจะเกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หากทานไปมาก ๆ จะทำให้เป็นอัมพาตและเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
แต่ว่าแม้จะมีพิษ บริเวณหัวของมันก็เป็นแป้งซึ่งสามารถนำมากินได้ คนญี่ปุ่นสมัยก่อนที่ยากจนก็มักจะขุดส่วนนี้มากินกัน แต่บางครั้งคนที่ขุดออกมากินก็มักจะลืมล้างพิษหรือล้างพิษออกมาไม่หมด จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตอยู่หลายครั้ง
และเพราะดอกไม้ชนิดนี้มีพิษนี้เอง คนญี่ปุ่นสมัยก่อนจึงมักนำดอกฮิกังบานะนี้มาปลูกหรือวางไว้บริเวณหลุมฝังศพเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่ามาคุ้ยหรือทำลายสุสาน ด้วยสาเหตุนี้เอง สำหรับคนญี่ปุ่นดอกไม้นี้จึงเชื่อมโยงกับ “สุสาน” และ “ความตาย” ไปโดยปริยาย
ดอกฮิกังบานะกับการ์ตูนญี่ปุ่น
และด้วยสีของดอกไม้ที่แดงจนน่ากลัวของมัน ทำให้ถึงขนาดมีความเชื่อว่า ห้ามนำดอกฮิกังบานะกลับบ้านมิเช่นนั้นจะเกิดไฟไหม้ หรือสีแดงของดอกไม้ชนิดนี้ เกิดจากการที่มันดูดเลือดของศพในสุสานที่มันโตขึ้นเลยทีเดียว!
นอกจากความหมายในแง่ “ดอกไม้แห่งความตาย” แล้ว ดอกฮิกังบานะนี้ยังมีความหมายอื่นด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ความหมายที่ดีเท่าไหร่ คือ “การจากลา” ครับ
ความแปลกของดอกไม้ชนิดนี้ คือเราจะไม่มีทางได้เห็นดอกและใบของมันอยู่ด้วยกันเด็ดขาดครับ
ดอกฮิกังบานะจะบานในช่วงวสันตวิษุวัตเท่านั้น และการบานของดอกไม้ชนิดนี้จะไม่มีใบอยู่ด้วย และเมื่อดอกไม้ได้เหี่ยวและร่วงหลุดลงไป ใบของมันถึงจะเริ่มงอกออกมา ทำให้ในวัฒนธรรมของประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีความหมายว่า “การจากลา” ครับ
นอกจาก “การจากลา” แล้ว มันก็มีความหมายอื่นคือการจากลาของคนรัก บ้างก็มีความเชื่อว่า หากเราจะได้เจอใครเป็นครั้งสุดท้าย เราจะพบดอกไม้ชนิดนี้บานบริเวณที่แห่งนั้นครับ
แต่ว่าดอกไม้ชนิดนี้ก็ไม่ได้มีแต่ความหมายแย่ ๆ ไปซะหมดครับ ดอกฮิกังบานะสีขาวจะมีอีกชื่อว่า มันจูชาเกะ ในความหมายทางพุทธศาสนา จะหมายถึงดอกไม้ที่มาจากสวรรค์ไม่มีในโลกมนุษย์ และมักใช้ในการตกแต่งวัดหรือศาลเจ้าเป็นหลัก
ดอกฮิกังบานะสีขาว
นอกจากนี้ดอกฮิกังบานะยังมีภาษาดอกไม้อื่น ๆ อย่างเช่น “ฉันคิดถึงเพียงแต่คุณ” “ฉันจะเฝ้ารอวันที่เราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง” หรือ” การคิดถึงความหลัง” ครับ
สุดท้ายแล้ว แม้ดอกฮิกังบานะจะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แต่ด้วยสีสันที่สวยงามของมัน ก็ทำให้กลายเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วงและบางที่ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันครับ
เป็นยังไงบ้างครับกับบทความในครั้งนี้ ถ้าชื่นชอบ มีคำติชม หรือถ้าอยากรีเควสเรื่องอะไร สามารถบอกกันได้ที่ช่องคอมเม้นต์ด้านล่างนะครับ
และเหมือนเดิม ถ้าคุณชื่นชอบบทความแบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามได้ที่เพจ “อยากเล่า” ที่นี้นะครับ
อ้างอิง :
https://pkgjourney.com/higanbana/
https://th.anngle.org/j-culture/higanbana.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Lycoris_radiata
บันทึก
4
1
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย