25 พ.ค. 2020 เวลา 15:23 • สุขภาพ
พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
ณ ตอนนี้ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับคำว่า ‘new normal’ หรือ ‘วิถีชีวิตใหม่’
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีพฤติกรรมหนึ่งของผู้คนที่น่าจะเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ คือ การไปดูภาพยนตร์ตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ
ทุกคนน่าจะมีความกังวลเรื่องสุขภาพและเรื่องความปลอดภัยในสถานที่สาธารณะ จึงเลือกที่นั่งดูหนังอยู่ที่บ้านมากว่า และถึงแม้ในอนาคตสถานการณ์จะคลี่คลายลง แต่พฤติกรรมการดูหนังก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว
โดย บริษัท การวิเคราะห์ด้านกีฬาและกิจกรรม ร่วมกับ บริษัท Full Circle Research Co. ได้การสำรวจผู้คนประมาณ 1,000 คนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ในคำถามที่ว่าหากคุณต้องการดูหนังฉายใหม่ คุณจะเลือกสถานที่ใดในการดูภาพยนต์ จากการสำรวจพบว่า 70% ตอบว่าต้องการดูจากที่บ้าน ส่วนอีก 13% ต้องการดูในโรงภาพยนตร์ และอีก 17% ยังไม่แน่ใจ
ภาพถ่ายโดย Donald Tong จาก Pexels
ถึงแม้ผลสำรวจนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบที่เป็นตัวแทนคนทั้งโลก แต่มันได้สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มันเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตไปอย่างมาก
มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์โดยตรง ขอยกตัวอย่าง บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) มีรายได้ 70% มาจากธุรกิจภาพยนตร์ (รวมถึงโฆษณาในโรงหนังด้วย) จากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ.2563 MAJOR จะมีรายได้ทั้งปีอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วถึง 35% ภายใต้สมมติฐานว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติในครึ่งปีหลัง
ส่วนบริษัทที่ได้รับผลดีจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือ บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์
อย่างเช่น Netflix, Amazon prime, Apple TV, Disney+, Monomaxx
โปรดติดตามเพจ 'ทุกอย่าง' กันด้วยนะครับ
โฆษณา