Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เที่ยวไปให้รู้
•
ติดตาม
25 พ.ค. 2020 เวลา 23:00 • ท่องเที่ยว
ตอนที่ 2 เที่ยวตุรกีดินแดนมหัศจรรย์ ฝั่งทวีปเอเชีย
ตอนที่ 2 เที่ยวตุรกีดินแดนมหัศจรรย์ ฝั่งทวีปเอเชีย
การท่องเที่ยวในตุรกีฝั่งยุโรปก็จะเป็นแนวชมสิ่งก่อสร้าง อาหารอร่อย สินค้ามากมาย สไตล์คนเมือง แต่สิ่งที่เป็นสุดยอดของประเทศตุรกีที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกมุ่งแสวงหา คือ การไปยังตุรกีฝั่งเอเชีย ซึ่งการเดินทางไม่ว่าเราจะบินมาจากประเทศไหน เราจะมีจุดเริ่มต้นที่กรุงอิสตันบูลเหมือนกัน ดังนั้นก็มี 2 วิธีที่จะไปฝั่งเอชีย คือ ทางรถ และทางเครื่องบิน ซึ่งต้องอธิบายก่อนนะคะว่า ทางรถยนต์ใช้เวลาเกือบ 1 วัน และอันตรายมากๆ ดังนั้นส่วนใหญ่จะไปทางเครื่องบิน ซึ่งก็มักจะเลือกลงที่เมืองไครเซอรี่ ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว จากนั้นนั่งรถต่อไปอีกนิดหน่อย ก็จะเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์ โดยจะขอเล่าตามเส้นทางเป็นลำดับดังนี้นะคะ
1. ปล่องนางฟ้า หรือ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ดินแดนที่มีความมหัศจรรย์ของหุบเขา เป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่ว ผ่านกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี เกิดเป็นร่องลึก เนินเขา และรูปทรงต่างๆที่งดงาม กลายเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง คัปปาโดเกีย แปลว่า ดินแดนม้าพันธุ์ดี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี พื้นที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรงดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า "ปล่องไฟนางฟ้า" ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้ที่นี่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี มาที่นี่นักท่องเที่ยวนิยมจะขึ้นบอลลูนเพื่อชมภาพมุมสูง แต่เมื่อครั้งที่ไป สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จึงได้เพียงชมด้านล่าง ซึ่งก็สวยงาม แปลกตาไม่แพ้กันนะคะ
2.ปราสาทปุยฝ้าย หรือ ปามุคคาเล่ (Pamukkale) เป็นดินแดนมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เมื่อใครเดินทางไป จะนึกถึงสำนวนที่ว่า “แกะดำในฝูงขาว” แต่ความเป็นจริง ปามุคคาเล่ เป็นภูเขาหินปูนสีขาวเพียงลูกเดียว ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสีธรรมชาติ ที่นี่นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่เมื่อมาถึงตุรกีต้องห้ามพลาด ปามุคคาเล่ เป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศเกิดเป็นปฏิมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาและโดดเด่นสวยงาม น้ำแร่ที่นี่เชื่อกันว่ารักษาโรคหัวใจ โรคไต และโรคไขข้ออักเสบได้ ซึ่งบ่อน้ำพุด้านใน เคยใช้รับรองคลีโอพัตรา แห่งอียิตป์ที่ข้ามทะเลมาแสนไกลเพื่อมาอาบน้ำแร่ที่นี่อยู่บ่อยครั้ง
ปัจจุบัน ปามุคคาเล่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และมักจะผ่านสายตาเราบ่อยๆในภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง ซึ่งใครได้มาเยือนเหมือนได้มาแดนสวรรค์ก็มิปานนะคะ
2. ปราสาทปุยฝ้าย หรือ ปามุคคาเล่ (Pamukkale)
ปราสาทปุยฝ้าย หรือ ปามุคคาเล่ (Pamukkale)
3. เมืองทรอย (Troy) ตำนานม้าโทรจัน ที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์น่าเชื่อถือว่า จะเป็นสงครามที่มีอยู่จริง สภาพเมืองปัจจุบันมีแต่ซากหินกองไว้และมีการสร้างม้าไม้จำลองขนาดตึก 2 ชั้นที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมด้านในได้ ที่นี่อาจไม่ได้โดดเด่น แต่เพราะเคยมีการสร้างภาพยนตร์ จึงทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนแวะมาเก็บภาพประทับใจไว้ เพื่อยืนยันว่า เคยมาแล้วนะ ประมาณนั้น แล้วก็เดินทางกันต่อไป
3. เมืองทรอย (Troy)
4. เมืองโบราณเอฟฟิซุส (Ephesus) ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันในฝั่งเอเชีย เป็นเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในเอเชีย ตั้งอยู่ที่เมืองอิซเมียร์ (Izmir) อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ50 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในเเถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และรุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้งภายใต้การปกครองของโรมัน สิ่งก่อสร้างต่างๆที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบันและเป็นไฮไลท์ คือ โรงละครโบราณ(Great Theatre) ว่ากันว่าสามารถจุผู้ชมได้ถึง 25,000 คน และอีกหนึ่งไฮไลท์คือหอสมุดเซลซุส(Library of Celsus) ที่นี่ยังมีหินโบราณของเทพีไนกี้ ซึ่งจุดประกายให้นำไปสร้างเป็นโลโก้ของรองเท้ายี่ห้อดังที่ท่านคงคุ้นชื่อกันดีนะคะ
4. เมืองโบราณเอฟฟิซุส (Ephesus)
ภาพเทพีไนกี้ จุดกำเนิดของแรงบันดาลใจรองเท้ายี่ห้อดัง
5. บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary) ตั้งอยู่ใกล้เมืองโบราณดอฟฟิซุส แต่ต้องขึ้นเขาไปประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร แม่ชีตาบอดชาวเยอรมันชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช (Anna Catherine Emmerich)ค้นพบสถานที่นี้อย่างปาฏิหาริย์ เชื่อกันว่าที่นี่เป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่ และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ โดยแม่ชีท่านฝันเห็นบ้านของพระแม่มารี จากนั้นได้มีการสืบเสาะค้นหาบ้านหลังนี้จนพบในที่สุดในปี ค.ศ. 1891 แรกที่พบนั้น บ้านหลังนี้ทรุดโทรมใกล้พัง เป็นบ้านอิฐชั้นเดียว มี 2 ห้อง ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ว่ากันว่าพระสันตปาปา โป๊ปเบเนดิกส์ที่ 16 เคยเสด็จเยือนที่นี่ด้วย เราสามารถเข้าไปจุดเทียนอธิษฐานได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพที่ด้านใน ที่ด้านนอกเราจะเห็นกำแพงเป็นช่องๆมีก๊อกน้ำอยู่หลายก๊อก เชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องสุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก คนก็นิยมมาเปิดดื่มกันค่ะ ใกล้ๆกันจะเป็นWishing Wall หรือกำแพงอธิษฐาน เราสามารถเขียนคำอธิษฐานของเราใส่กระดาษหรือผ้าแล้วนำไปผูกไว้ได้ เมื่อมาถึงจุดนี้ ส่วนใหญ่ก็อาจไปพักเมืองคูซาดาซี สถานที่ตากอากาศริมทะเลอีเจียน เพื่อรอการข้ามทะเลกลับไปยังเมืองอิสตันบูลต่อไป เป็นอันจบทริปตุรกีฝั่งเอเชียแล้วนะคะ
5. บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary)
บันทึก
3
2
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย