มาโกโตะ ฮาเซเบะ : เส้นทางฟุตบอล สู่ 12 ปีที่บุนเดสลีกา
12 ปี คือระยะเวลาที่นักเตะจากแดนอาทิตย์อุทัยคนหนึ่ง อยู่ค้าแข้งในลีกเยอรมันมาอย่างยาวนาน ในวัย 36 ปี เขาเพิ่งจะได้รับการต่อสัญญาออกไป เขายังดีพอที่จะยังได้โลดแล่นบนลีกระดับท็อปของยุโรป เขาผู้นั้นคือ มาโกโตะ ฮาเซเบะ เราจะพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวในเส้นทางฟุตบอลของเขา ที่สามารถมาไกลจนถึงวันนี้ เชิญติดตามได้เลยครับ
หากให้พูดชื่อนักเตะญีปุ่นขึ้นมา ชื่อของ ฮาเซเบะ อาจจะไม่ใช่รายชื่อระดับแรกๆ ที่หลายคนเอ่ยถึง เพราะเขาไม่ได้เป็นนักเตะโด่งดังเป็นพุแตกอย่าง นากาตะ , นากามูระ , ฮอนดะ และ คากาวะ แต่หากว่าวัดจากความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอล ของเหล่านักเตะญี่ปุ่นที่ก้าวออกจากประเทศเพื่อหาความท้าทายยังลีกยุโรป ฮาเซเบะ คือหนึ่งในนักเตะที่ประสำความสำเร็จสูงสุดในเส้นทางนี้
เหตุที่เขาไม่ใช่นักเตะที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างนักเตะที่กล่าวมานั้น เห็นจะเป็นเพราะตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ที่ไม่ได้หวือหวา ไม่ได้ทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเหมือนอย่างคนอื่นๆ หรือเรียกได้ว่าเขาเป็นนักเตะจำพวกปิดทองหลังพระ ที่แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่ทีมก็ขาดเขาไม่ได้เช่นกัน
คนบ้านเดียวกันกับสึบาสะ
ขึ้นไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปที่ปี 1984 เด็กชาย มาโกโตะ ฮาเซเบะ ได้ลืมตาเกิดมาสู่โลกใบนี้ ฮาเซเบะ เกิดและเติบโตที่จังหวัดชิสุโอกะ จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดยอดนักเตะของญี่ปุ่น อีกทั้งจังหวัดนี้นี้ยังเป็นบ้านเกิดของ โอโซระ สึบาสะ ตัวละครเอกจากมังงะยอดนิยมของเด็กผู้ชายที่รักฟุตบอลทั่วโลกอย่าง กัปตันสึบาสะ ด้วยเหตุนี้ทำให้ ฮาเซเบะ ได้ซึมซับเรื่องราวฟุตบอลมาตั้งแต่วัยเด็ก
แม้ฟุตบอลจะไม่ใช่กีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นเหมือนอย่างเบสบอล แต่สำหรับฮาเซเบะแล้ว ชีวิตเขารู้จักแต่เพียงฟุตบอลเท่านั้น เขาไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากฟุตบอล ถึงแม้จะมีสิ่งเล้าอื่นที่จะดึงเขาออกจากฟุตบอลได้ แต่เขาก็ไม่สนใจ
“เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก ทุกคนรอบตัวผมถูกดึงดูดด้วยวิดีโอเกม แต่ผมไม่เลย ที่ผมเล่นคือฟุตบอล ทุกวันผมจะไปสวนสาธารณะเพื่อเตะบอล ผมไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากฟุตบอล” ฮาเซเบะ เล่าถึงควมผูกพันของเขากับฟุตบอล
ฮาเซเบะ ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยม ฟูจิเอดะ ฮิงาชิ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านฟุตบอลระดับมัธยมในญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ที่นี่คือจุดเริ่มต้นในเส้นทางฟุตบอลของฮาเซเบะ เขาเล่นฟุตบอลในระดับมัธยมที่นั่นเป็นเวลา 6 ปี หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นในฟุตบอลนักเรียน ทำให้มีทั้งทีมระดับมหาวิทยาลัย และทีมอาชีพที่สนใจในตัวของเขา
ฮาเซเบะ ในวัย 18 ปี ต้องเลือกเส้นทางชีวิตของเขา เมื่อพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อความมั่นคงในชีวิต มากกว่าการเล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียว มีเพียงปู่ของเขาคนเดียวในครอบครัวที่คิดต่างออกไป และสนับสนุนให้เขาเลือกเส้นทางที่เขารัก “ถ้าเป็นลูกผู้ชายต้องกล้าที่จะท้าทาย” คำพูดของปูของเขา ที่แนะนำให้ฮาเซเบะกล้าที่จะทำตามเสียงหัวใจตัวเอง
ก้าวสู่นักเตะอาชีพ
ถึงแม้ ฮาเซเบะ จะเป็นนักเตะที่โดดเด่นในระดับเยาวชน แต่ทว่าเขากลับไม่ถูกเลือกจากทีมในเมืองชิสุโอกะ อย่างที่เขาหวังเอาไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่าร่างกายของเขานั้นอ่อนแอเกินไป แต่กลับกลายเป็น อุราวะ เรด ไดมอนส์ ที่มองเห็นความสามารถของเขา และเชื่อว่าเขาจะสามารถพัฒนาขึ้นได้ ที่จัดการคว้าตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2002
แต่น่าเสียดายเมื่อประมาณหนึ่งปีหลังจากที่ฮาเซเบะ เซ็นสัญญาอาชีพครั้งแรกปู่ของเขาล้มป่วย และเสียชีวิตลง ก่อนที่ฮาเซเบะในวัยเพียง 19 ปี เริ่มที่จะได้รับโอกาสลงสนาม แต่ปู่ของเขาไม่ทันได้อยู่ดูเขาเล่นเสียแล้ว
ซึ่งช่วงเวลานั้นทำให้เขารู้สึกท้อแท้ และสิ้นหวังไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้เปลี่ยนเป็นแรงพลักดัน ให้เขาไม่ย่อท้อที่จะมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอล ให้สมกับที่ปู่ของเขาได้สนับสนุนให้เลือกเส้นทางนี้
ฮาเซเบะ ใช้เวลาไม่นานในการก้าวขึ้นมาสู้ทีมชุดใหญ่ของ อุราวะ ในวัยเพียง 19 ปี เขาเริ่มได้รับโอกาสลงสนามในเกมเจลีก และสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในฤดูการ 2003 โดยลงสนามไป 28 เกม กับปีแรกของเขาที่ได้สัมผัสกับลีกอาชีพ
เขาเป็นขุมกำลังสำคัญให้กับ อุราวะ เรด ตลอดช่วงเวลาห้าปีที่เขาอยู่ที่นั่น พาทีมคว้าแชมป์เจลีกได้ในปี 2006 ซึ่งเป็นแชมป์ครั้งแรก และครั้งเดียวของ อุราวะ เรด อีกทั้งยังพาทีมคว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมป์เปียนส์ลีก ในปี 2007 อีกด้วย
เยอรมันที่ฉันเลือก
หลังจากพาทีมคว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมป์เปียนส์ลีก ฮาเซเบะ ที่กำลังจะหมดสัญญา เขาตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญากับอุราวะออกไป เขาต้องการมองหาความท้าทายครั้งใหม่ไปยังลีกต่างประเทศที่มีระดับที่สูงกว่า
เขาได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เอซี เซียน่า ในลีกอิตาลี และโวล์ฟสบวร์ก ยอดทีมจากเยอรมัน ที่ทั้งสองทีมต่างพยายามอย่างจริงจังในการคว้าตัว ฮาเซเบะ มาร่วมทีมให้ได้ ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะเป็นโวล์ฟสบวร์ก ที่ดูจะดึงดูดใจของเขาในการได้เล่นฟุตบอลที่เยอรมันมากกว่าการไปอิตาลี
“ผมคิดว่าเยอรมันเหมาะกับบุคลิกของผมมากกว่า ในการเลือกระหว่างเยอรมันและอิตาลี” ฮาเซเบะ เล่าถึงเหตุที่เขาเลือกโวล์ฟสบวร์ก เพราะคิดว่าเขาเหมาะที่จะอยู่เยอรมันมากกว่าอิตาลี
เขาย้ายมาที่โวล์ฟสบวร์กในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2007/2008 แม้จะเป็นการย้ายสู่ลีกใหม่ ซึ่งเป็นการย้ายมายังลีกมีคุณภาพสูงกว่าลีกที่เขาเคยเล่นมา หลายคนอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่กับฮาเซเบะ เขาสามารถแสดงศักยภาพในการฝึกซ้อม
จนได้รับความไว้ใจจาก เฟลิกซ์ มากัธ กุนซือของโวล์ฟสบวร์กในเวลานั้น ที่ให้โอกาสเขาได้ลงสนามในทันที เขาได้ลงสนามไปถึง 16 ในครึ่งฤดูกาลนั้น เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มต้นได้ไม่เลวเลย กับโอกาสที่เขาได้รับ และผลงานที่เขาได้แสดงออกมา
ในฤดูกาลที่สองที่เยอรมัน ฮาเซเบะไม่ต้องรอคอยความสำเร็จนาน เมื่อโวล์ฟสบวร์กสามารถสยบ บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกามาครองได้สำเร็จ ซึ่งเป็นแชมป์ครั้งแรกของโวล์ฟสบวร์กตั้งแต่ก่อตั้งบุนเดสลีกา ฮาเซเบะคือจิ๊กซอว์ตัวสำคัญในทีมชุดนั้น
ที่มีส่วนช่วยเติมเต็มให้โวล์ฟบวร์กเป็นทีมที่ลงตัว เขาเป็นนักเตะที่เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์ เขามักถูกจับลงมาในหลายๆ ตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น แบ็คขวา กองกลางตัวรับ หรือแม้กะทั่งเซ็นเตอร์ฮาฟ ซึ่งเฟลิกซ์ มากัธ ส่งเขาลงสนามในเกมบุนเดสลีกาฤดูกาลนั้นไปถึง 25 เกม
“ฮาเซเบะ เป็นนักเตะญี่ปุ่นที่มีระเบียบวินัยสูง และสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่ง” เฟลิกซ์ มากัธ กล่าวถึงลูกทีมคนสำคัญของเขา
ฮาเซเบะ อยู่ค้าแข้งกับโวฟล์สบวร์กนานถึง 6 ปี ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้กับ เนิร์นแบร์ก ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2013-1014 แต่ทว่าเขาไม่สามารถช่วยเนิร์นแบร์กให้รอดการตกชั้นในฤดูกาลนั้นได้ ทำให้เนิร์นแบร์กที่ตกชั้นไปต้องปล่อย ฮาเซเบะ ออกจากทีม
30 ยังแจ๋ว
เป็นทางด้าน แฟรงค์เฟิร์ตที่คว้าตัวฮาเซเบะที่อายุเข้าสู่วัย 30 ปีไปร่วมทีม กับแฟรงค์เฟิร์ต เขายังคงได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ อายุที่เข้าสู่เลขสามไม่ได้ลดทอนศักยภาพของเขาลงแต่อย่างใด เขายังเล่นให้กับแฟรงค์เฟิร์ตมาจนถึงทุกวันนี้ในวัย 36 ปี
อายุขนาดนี้นักเตะหลายคนอาจต้องกลับไปเล่นยังลีกบ้านเกิด หรือลีกที่รองลงมา แต่กับฮาเซเบะเขายังสามารถยืนระยะในบุนเดสลีกาเยอรมัน ที่เป็นลีกท็อปห้าของโลกได้อย่างสบายๆ อีกทั้งยังได้รับการต่อสัญญาจากแฟรงค์เฟิร์ตออกไปอีกหนึ่งปี และถูกแต่งตั้งให้เป็นทูตของสโมสรในปี 2020 นี้
“เขายังเป็นกำลังสำคัญของทีมของเราในวัย 36 ปี ต้องขอบคุณวินัยที่เหลือเชื่อ และทัศนคติในความเป็นมืออาชีพของเขา เรามีความสุขที่ได้เขาอยู่กับทีมของเราในฤดูกาลหน้า และเขาจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรในฐานะทูต” เฟรดี้ โบบิช ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของ แฟร้งค์เฟิร์ต กล่าวถึงการต่อสัญญากับ ฮาเซเบะ ออกไปอีกหนึ่งปี
จากคำกล่าวของ โบบิช นี้คือตอบของคำถามที่ว่า เหตุใดฮาเซเบะในวัย 36 ปี ถึงยังสามารถเล่นในเยอรมันได้อย่างสบายๆ เห็นจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก ความมีวินัย ความเป็นมืออาชีพ การมีทัศนคติที่ดี ทุกสิ่งที่เอ่ยมาล้วนเป็นสิ่งที่นักกีฬาอาชีพควรมี หากต้องการยืนระยะในเส้นทางนี้ให้นานที่สุด ซึ่ง ฮาเซเบะ เขาเปรี่ยมไปด้วยคุณสมบัติเหล่านั้น จึงทำให้เขามาไกลถึงวันนี้
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมนักเตะญี่ปุ่นถึงสามารถเล่นได้จนถึงอายุ 40 ปี อย่างเช่นนักเตะอย่าง ชุนซูเกะ นากามูระ , จุนอิจิ อินาโมโตะ, ชินจิ โอโนะ พวกเขาเหล่านั้นล้วนมีคุณสมบัติที่เอ่ยมานี้กันทั้งสิ้น
กัปตันและตำนาน
กับทีมชาติญี่ปุ่น ฮาเซเบะ ประกาศเลิกเล่นทีมชาติหลังจบฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียที่ผ่านมานี้ หลังจากรับใช้ทีมชาติมาอย่างยาวนาน 114 เกม ในสีเสื้อซามูไรบลู ผ่านการลงเล่นฟุตบอลโลกถึงสามสมัยในปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ , 2014 ที่บราซิล และ 2018 ที่รัสเซีย เขารับหน้าที่เป็นกัปตันทีม เป็นผู้นำทั้งในและนอกสนาม เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเตะญี่ปุ่น เท่านี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าเขาคือตำนานของทัพซามูไรบลูอย่างแท้จริง
และนี่คือเรื่องราวในเส้นทางฟุตบอลของ กัปตันฮาเซเบะ ที่อาจจะไม่ได้สนุกหรือตื่นเต้นเท่า กัปตันสึบาสะ แต่กัปตันฮาเซเบะนั้นคือกัปตันในโลกแห่งความจริง ที่จะเป็นแบบที่ดีอย่างให้นักเตะญี่ปุ่นหรือนักเตะทั่วทั้งโลกได้เดินตามไปสู่ความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอล
Writer : ฐกฤต กล่ำพันธ์ดี
#ฟุตบอล
อ้างอิง
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
