26 พ.ค. 2020 เวลา 06:00 • กีฬา
บ่ายนี้มีเรื่องเล่า : ความล้มเหลวที่รายล้อมไปด้วยความรัก
มันมีคำถามจากทั้งแฟนบอล แมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด และทีมอื่นถึง "ดีเอโก้ ฟอร์ลัน" ว่าเขาเป็นนักเตะที่เก่งหรือไม่เก่งกันแน่
บางคนบอกว่า เก่งสิ ได้รองเท้าทองคำระดับยุโรปถึง 2 ครั้ง 2 หน แบบนี้จะเรียกว่าไม่เก่งได้ยังไง
แต่อีกหลายเสียงก็บอกว่า ถ้าเก่งจริง ทำไมถึงล้มเหลวไม่เป็นท่าตอนเล่นใน อังกฤษ กันล่ะ
นั่นสิ ทำไมกันล่ะ?
งั้นเรามาลองไปย้อนดูกันอีกครั้งดีกว่าครับ ว่าเพราะอะไร? ดาวยิงที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยกย่องว่าเก่งในระดับที่สามารถมาทดแทน รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้คนนี้ กลับลุ่มๆ ดอนๆ เหลือเกินบนช่วงชีวิตที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
"ดีเอโก้ แค่โชคไม่ดีเท่านั้น ถ้าคุณได้เห็นเขาในทุกวันที่สนามซ้อมและตอนแข่งจริงเหมือนกับผม คุณจะไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เขาถึงยิงประตูได้ยากเย็นเหลือเกินตอนเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นคนแรกๆ ที่พูดถึงเพื่อนเก่าคนนี้
"ผมไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนที่ขยันซ้อม และพยายามมากเท่า ดิเอโก้ มาก่อน ยิ่งเขาทำประตูไม่ได้นานวันเข้า ผมยิ่งเห็นเขาซ้อมหนักมากกว่าเดิมอีก"
แม้แต่คนที่ปากจัดที่สุดในทีมอย่าง รอย คีน เอง ยังออกปากชมระคนเอาใจช่วย ดีเอโก้ อยู่ตลอดเวลาเลยด้วยซ้ำ
"ถ้าผู้เล่นมีความพยายามแบบที่ ดีเอโก้ มี ผมรับรองได้เลยว่า เราทุกคนในทีมพร้อมจะสนับสนุนผู้เล่นคนนั้นอย่างสุดชีวิตเช่นกัน"
"ผมบอกกับเขาตลอดว่า ซ้อมมันต่อไป พยายามมันต่อไป นายแม่งแค่โชคร้ายเท่านั้นที่อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจ พรุ่งนี้จะเป็นวันของนาย แต่ถ้ายังไม่ใช่ นายก็แค่ต้องซ้อมแม่งให้หนักกว่าเดิมอีก ต้องทำให้ดีกว่านั้นอีก"
ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ย้ายจาก อินดิเพนเดียนเต้ มาด้วยค่าตัวน่ารักน่าชังเพียง 6.9 ล้านปอนด์ โดยครึ่งฤดูกาลแรกของเขานั้น ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพียง 7 นัด อยู่ในสนามครบ 90 นาที 4 นัด และลงมาในฐานะตัวสำรองถึง 11 นัด ซึ่งส่วนใหญ่มักได้เวลาเพียงประมาณ 20 นาทีเท่านั้น
"ปัญหาใหญ่ของ ดีเอโก้ คือในตอนนั้นเรามี รุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นกองหน้าตัวหลัก และในความเป็น รุด เขาคือคนที่กระหายการทำประตูมากกว่าอะไรทั้งสิ้น เขาไม่ถนัดกับการเล่นกองหน้าคู่ และเมื่อได้บอลในกรอบเขตโทษ เขาจะมองไม่เห็นเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเลย" เฟอร์กี้ พูดถึงปัญหาหนึ่งที่ทำให้ ดีเอโก้ ยิงประตูไม่ได้ในช่วงแรก
เมื่อเริ่มฤดูกาลใหม่ ชื่อของ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน เริ่มถูกล้อเลียนจากแฟนบอลฝั่งตรงข้ามหนักขึ้น โดยเฉพาะการดัดแปลงชื่อ Forlan มาเป็น For Run ซึ่งเป็นนัยว่ากองหน้าคนนี้ ซื้อมาเพื่อวิ่งอย่างเดียวอะไรทำนองนั้น
แต่น่าแปลกนะครับ กับแฟนบอลปีศาจแดงเอง ผมไม่ค่อยจะเห็นใครที่ไม่ชอบ ดีเอโก้ สักเท่าไหร่ ตรงกันข้าม พวกเขายังเอาใจช่วยกองหน้าผมสลวยรายนี้ด้วยซ้ำ
หลักฐานสำคัญชิ้นนึง คือวันที่ ดีเอโก้ ปลดล็อคประตูแรกให้กับทีมได้บนเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในนัดที่พบกับ มัคคาบี้ ไฮฟา
เกมวันนั้น ดีเอโก้ ถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรองแทนที่ของ ไรอัน กิ๊กส์ ในนาทีที่ 56 และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษก่อนหมดเวลาแค่นาทีเดียว
"เอาบอลให้เขายิงสิ ได้โปรด ให้เขาทำประตูเถอะ" ปีเตอร์ ดรูรี่ คอมเมนเตเตอร์ของ ไอทีวี โพล่งออกมาอย่างลืมตัวตอนที่ตุลาการในสนามเป่าให้จุดโทษกับปีศาจแดง ขณะที่แฟนๆ ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่างก็ร้องเรียกให้ ดีเอโก้ เป็นคนยิงเช่นกัน
เดวิด เบ็คแฮม ถือลูกบอลมาให้ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ตามคำเรียกร้อง ก่อนที่ดาวยิงชาว อุรุกวัย จะบรรจงสืบเท้าเข้าไปยิงเสียบตาข่าย ท่ามกลางเสียงเฮลั่นสนาม แม้ทีมจะนำไกลสุดกู่ถึง 5-2 ก็ตาม
มันคือเสียงเฮที่บ่งบอกว่า แฟนบอลนิยมชมชอบกองหน้าตีนบอดคนนี้มากแค่ไหน มันคือความย้อนแย้งที่ชวนขนลุกไม่ใช่น้อยเลยนะครับ กับคนคนนึงซึ่งทำประตูไม่ได้เลย ทั้งที่มันคือหน้าที่หลักของเขา แต่กลับได้รับการเอาใจช่วยจากแฟนๆ มากขนาดนี้
"ประตูแรกช่วยให้ผมผ่อนคลายก็จริง แต่มันคือความผ่อนคลายที่ยังไม่สุดดีนัก ผมต้องการทำประตูที่มาจากโอเพ่น เพลย์ ผมอยากทำให้ทุกคนที่ดีกับผม รู้สึกไม่ผิดหวังที่เขาเอาใจช่วยผมมาโดยตลอด"
ถ้านี่คือหนังฟีลกู๊ดของ จีทีเอช เกมต่อมาเราคงจะได้เห็น ดีเอโก้ ฟอร์ลัน สวมวิญญาณดาวยิงไล่ถล่มตาข่ายอย่างเมามันจนสามารถเบียดมาเล่นคู่กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้อย่างแฮปปี้ เอนด์ดิ้ง
ทว่า ในชีวิตจริงมันก็ยังไม่ง่ายแบบนั้น เพราะ ดีเอโก้ ก็ยังคงต้องนั่งสำรองต่อไป และได้รับโอกาสลงสนามเพียงแค่ช่วงท้ายเกม หรือไม่ก็ในเกมลีก คัพ เหมือนก่อนหน้านี้ ซึ่งกว่าจุดเปลี่ยนของเขาจะเดินทางมาถึง ก็ต้องรออีก 1 เดือนต่อมาโน่นเลยล่ะครับ
ตอนนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในฟอร์มกระท่อนกระแท่นพอสมควร เกมลีกผ่านไป 10 นัด สามารถชนะคู่แข่งได้เพียง 5 เสมอ 3 และแพ้ 2 อยู่อันดับที่ 4 มีแต้มตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล ถึง 6 คะแนนเลยทีเดียว
เกมนัดที่ 11 ของฤดูกาล ลูกทีมของ เฟอร์กี้ ก็ยังเมาหมัดไม่เลิก เล่นในบ้านตัวเองแท้ๆ แต่กลับโดนทีมอันดับ 14 อย่าง แอสตัน วิลล่า บุกมายิงขึ้นนำตั้งแต่ครึ่งแรก แถมยังไม่มีท่าทีจะยิงตีเสมอได้เลยด้วยซ้ำ
"บอสบอกกับผมก่อนลงสนามในครึ่งหลังว่า ตอนนี้ทีมไม่มี รุด มีแค่แกกับ โอเล่ อยู่ในสนาม มันเป็นโอกาสดีที่แกจะทำให้ฉันเห็นสักที ว่าแกก็สำคัญกับทีมไม่แพ้คนอื่น ลงไปวิ่งแบบที่เคย แต่เห็นแก่ตัวให้มากขึ้น ฉันจะรอดู"
เหมือนเป็นคำพูดศักดิ์สิทธิ์ ดีเอโก้ เริ่มปั่นป่วนกองหลังของ วิลล่า ได้มากขึ้น ก่อนที่ มิคาเอล ซิลแวสตร์ จะบรรจงเปิดบอลไซส์ก้อยเข้าไปในเขตโทษให้ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ถลาขวิดเข้าประตูไปอย่างสวยงาม
"มันคือวินาทีที่รอคอย ผมวิ่งถอดเสื้อฉลองอย่างบ้าคลั่ง แฟนๆ ก็เฮไปกับผมอย่างสุดเหวี่ยง อาจมีแค่คนเดียวที่ไม่เห็นด้วยกับผมในตอนนั้น ก็คือบอส ตอนจบเกมเขาเข้ามาชื่นชมผมก็จริง แต่ก็บ่นว่าผมควรจะรีบไปเก็บบอลมาตั้งเพื่อยิงอีกประตูมากกว่าวิ่งถอดเสื้อไปแบบนั้น"
ชื่อของ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน เริ่มวิ่งเข้าไปในใจของแฟนปีศาจแดงมากขึ้นทีละนิด และเขาก็ยิ่งมาตอกย้ำให้มันน่าจดจำมากขึ้นไปอีกคำรบ ในเกมนัดถัดมาที่เปิดบ้านรับมือกับ เซาธ์แฮมป์ตัน
แมนเชสเตอร์ ยู​ไนเต็ด เสมอกับผู้มาเยือนอยู่ 1-1 ทีมต้องการ 3 คะแนนเพื่อเกาะกลุ่มลุ้นแชมป์ต่อ เฟอร์กี้ เลือกถอด ฟิล เนวิลล์ ออก แล้วส่ง ดีเอโก้ ลงมาในช่วงท้ายเกม ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง เมื่อจัดการยิงไกลจากนอกเขตโทษ บอลพุ่งวาบเสียบตาข่ายพาทีมเบียดเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปอย่างตื่นเต้น 2-1 ในนาทีที่ 85
และเหมือนเคย ดีเอโก้ ถอดเสื้อฉลองประตูอีกครั้ง ทว่า คราวนี้ เฟอร์กี้ ไม่ได้ติงอะไรเขา แต่เสื้อรุ่นนั้นของ ไนกี้ ต่างหากที่แผลงฤทธิ์ใส่จนกลายเป็นเรื่องเล่ามาจนทุกวันนี้
ภาพของ ดีเอโก้ ที่ยังใส่เสื้อไม่เสร็จ วิ่งไปไล่บอลตรงเส้นขอบสนาม ถูกนำมาเป็นไฮไลท์ของเกมพอๆ กับประตูสุดสวยของเขา แต่มันกลับยิ่งทำให้แฟนๆ ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รักในความทุ่มเทเกินเบอร์ของเขามากขึ้นไปอีกเช่นกัน
ยิงประตูสำคัญช่วยทีมได้ 2 นัดติดว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่อีก 3 ประตูของเขาในเกมลีก จาก 2 นัดสำคัญหลังจากนั้นต่างหากครับ ที่มันยอดเยี่ยมกว่า จนถึงขั้นแฟนบอลแต่งเพลงเชียร์ให้เขากันเลยทีเดียว
มันเริ่มจากเกมที่ แอนฟิลด์ ครับ
แมนเชสเตอร์ ยู​ไนเต็ด ก่อนเกมอยู่อันดับ 5 ส่วน ลิเวอร์พูล อยู่อันดับ 2 มีแต้มตามหลังอยู่ 5 คะแนน เฟอร์กี้จัดเต็มด้วยการส่งกองหน้าลงสนามพร้อมกัน 3 คน ทั้ง รุด ฟาน นิสเตลรอย, โอเล่ โซลชา และ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน
ซึ่งวันนั้นเหมือนผีเข้า เป็น ดีเอโก้ ที่เหมายิงคนเดียว 2 ประตู พาทีมเอาชนะคู่ปรับตัวฉกาจถึงบ้านอย่างสะใจแฟนปีศาจแดงสุดลิ่ม
ลูกแรกคือความผิดพลาดของ เจอร์ซี่ย์ ดูเด็ค ที่รับบอลง่ายๆ หลุดหว่างขา จน ดีเอโก้ ตามไปยิงง่ายๆ ก็จริง แต่กับลูกที่ 2 นั้น มันคือการยิงแบบเอาตายชนิดที่ตาข่ายแทบขาด และแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมของเขาอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน
"ผมได้ยินเสียงของแฟนบอลเราชัดเจนมาก แม้จะมีแค่ 3,000 คนในวันนั้น แต่เสียงของพวกเขาดังอยู่ในหัวผมมาโดยตลอด โดยเฉพาะเพลงที่พวกเขาแต่งให้ผม -​Wooahh, Diego, wooaah. He came from Uruguay, he made the Scousers cry​- มันคือช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดของผมตอนเล่นให้ ยูไนเต็ด เลย"
อีกประตูที่ช่วยส่งให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายมาเป็นแชมป์ในบั้นปลาย ก็คือประตูสุดคมในเกมกับ เชลซี
ดีเอโก้ รับบอลมาจาก ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ก่อนจะวิ่งสอดหนีตัวประกบไปที่ช่องว่างตรงนั้น แล้ววางเท้าสังหารด้วยซ้ายแบบไม่จับ บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกแล้ว และมันสำคัญคือเป็นประตูที่พาทีมคว้า 3 แต้มในนาทีสุดท้ายตามสไตล์ เฟอร์กี้ ไทม์ เสียด้วย
"ให้ยิงอีก 100 ครั้ง ก็อาจไม่สมบูรณ์แบบนั้นอีกแล้วก็ได้ ทุกอย่างมันลงล็อคไปหมดทั้งน้ำหนักและไทม์มิ่งของเกม"
ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กลายเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในฤดูกาล 2002-2003 อย่างเต็มภาคภูมิ ปีศาจแดงกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง ตัวเขาเองก็ได้รับความรักจากแฟนๆ มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ไม่ได้ฉายแววดาวซัลโวอะไรมากมายนักในตอนนั้น
98 นัด ยิงได้เพียง 17 ประตู แต่หากจำแนกแยกย่อยออกมา จะพบว่าเป็นจำนวนถึง 61 นัดที่เขาลงสนามมาในฐานะตัวสำรอง โดยที่ 43 จาก 61 นัดนั้น ดีเอโก้ ได้รับโอกาสอยู่ในสนามน้อยกว่า 20 นาทีอีกด้วย
ทว่า 17 ประตูที่เกิดขึ้น มันกลับมีถึง 7 ประตูที่เป็นประตูสำคัญต่อทีม ทั้งตีเสมอและเป็นประตูชัย
หลายเสียงของคนที่เคยร่วมงานกับ ดีเอโก้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคือกองหน้าที่มีฝีมือ เพียงแค่จังหวะเวลาเท่านั้น ที่ฉุดให้เขาไม่ประสบความสำเร็จทางด้านจำนวนประตูกับ แมนเชสเตอร์ ยู​ไนเต็ด มากเท่าที่ควร
"ผมไม่เคยเสียใจหรือคิดว่าตัวเองล้มเหลวเท่าไหร่ที่ ยูไนเต็ด กลับกัน มันคือช่วงที่ผมอยู่ในวัยของการพัฒนาเสียด้วยซ้ำ เสียงเพลงจากแฟนบอลถึงผม ยังคงมีอยู่เสมอใน โอลด์​ แทร็ฟฟอร์ด ดังนั้นผมคงเรียกสิ่งนั้นว่า ความล้มเหลว ไม่ได้หรอก"
แม้จะไม่สวยงามทางด้านสถิติมากนักในช่วงเวลาดังกล่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยู​ไนเต็ด​ แต่สิ่งที่ยืนยันได้อย่างเด่นชัดก็คือ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน เป็นนักเตะที่ทั้งแฟนบอลและเพื่อนร่วมงานทุกคน "รัก" แถมยัง "สนับสนุน" เขามาโดยตลอด
ถ้ามันคือความล้มเหลว
มันก็คงเป็นความล้มเหลวที่แปลกประหลาดดี เพราะมันคือความล้มเหลวซึ่งรายล้อมไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" อย่างอบอุ่นจนแทบไม่น่าไปด้วยกันได้เลยทีเดียว
#ถ้าคุณเป็นนักอ่านเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับฟุตบอลไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันต้องไม่พลาด #ทุกบ่ายโมงของทุกวัน #บ่ายนี้มีเรื่องเล่า #มุมนักอ่าน เราจะพาคุณไปพบกับเรื่องเล่าฟุตบอลของ Mr.X คอลัมนิสต์หน้าใหม่ไฟแรง ผู้สั่งสมประสบการณ์มากว่า 35 ปีบนถนนสายนี้ และไม่เคยเขียนให้ค่ายไหนมาก่อนเลย
#ดีเอโก้ฟอร์ลัน #แมนฯยูไนเต็ด #ลิเวอร์พูล #พรีเมียร์ลีก #วีว่าซอค #vivasoc
www.vivasoc.com เว็บฟุตบอลปลอดพนัน
โฆษณา