26 พ.ค. 2020 เวลา 05:45
เรื่อง : เมืองลับแล
ผมชื่อชาติ เป็นหนุ่มโสด ไม่รู้ทำไมถึงหาแฟนไม่ได้สักที ผมก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปคนหนึ่ง "อยากมีคู่เหมือนกันนะครับ " เนื่องจากผมไม่เคยมีแฟน ผมจึงชอบที่จะเที่ยว ชอบหาอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิตอยู่เสมอ โดยเฉพาะการท่องไปในที่ต่าง ๆ มันสนุกจริงๆนะสำหรับคนที่ชอบหาประสบการณ์ ส่วนคนที่ไม่ชอบท่องเที่ยวก็คงจะบ่นกันไปตามเรื่อง เปลืองเงินบ้าง เปลืองเวลาบ้าง แต่สำหรับผมไม่ใช่
วันนี้ผมกับเพื่อนนัดกันไว้ว่าจะไปเที่ยว จ. อุตรดิตถ์ ผมเคยได้ยินมาว่าที่นั่นมีตำนานเมืองลับแล ผมก็อยากจะพิสูจน์เหมือนกัน ได้ยินว่ามีคนเคยได้ยินเสียงผู้หญิงสนทนากันในป่า แต่พอเดินไปค้นหา กลับไม่พบ บางครั้งก็ได้ยินเสียงตีกลอง เป่าปี่พาทย์ เสียงเล่นดนตรี มโหรีต่าง ๆ
แต่เท่าแล้วเท่ารอดก็ไม่เคยมีใครเห็นกับตาสักที มีแต่ได้ยินเสียง เอาหละวันนี้ผมจะไปพิสูจน์ดูซะหน่อย มันจะจริงรึ ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก
รถคันแดงแล่นไปตามถนนสายเอเชีย ข้ามผ่านจังหวัดต่าง ๆ และแล้วก็เข้าสู่เมืองอุตรดิตถ์ ผมกับเพื่อนสะพายกระเป๋ากันคนละใบเดินทางเข้าป่า โดยมีเจ้าหน้าที่นำทาง การเดินทางขึ้นเขา ง่ายบ้าง ลำบากบ้างเป็นไปตามภูมิประเทศ ตะขาบยาวเกือบศอกเลื่อยข้ามผ่านหน้าหลายครั้ง ต้องสะดุ้งระวังตัวแจ อยู่เสมอ
ใกล้ค่ำเต็มที เจ้าหน้าที่บอกให้ผมกับเพื่อนช่วยกันหาที่พักเพื่อกลางเต็นท์พักแรม วันนี้ผมรู้สึกง่วงผิดปกติ หรืออาจเป็นเพราะผมเดินมาทั้งวันหรือป่าวไม่ทราบได้ เมื่อทานอาหารที่เตรียมมาเสร็จเรียบร้อยผมจึงรีบขอตัวไปนอนทันที
ตกดึก...ผมรู้สึกตัวว่าตนเองเดินไปที่ใด ไม่ทราบ อยู่ ๆก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ผมรีบวิ่งไปตามเสียงนั้นทันที ผู้หญิงจริงๆด้วย ...เธอกำลังได้รับบาดเจ็บจากอะไรสักอย่างหนึ่ง ผมรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที เธอตื่นกลัวเล็กน้อยแต่ก็หนีผมไปไม่ได้เพราะลุกไม่ไหว สุดท้ายต้องยอมให้ผมทำแผลให้โดยดี
เธอกล่าวขอบคุณเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้น ใบหน้าห่างกันเพียงคืบ "สวย...สวยเหลือเกิน" ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้มาก่อน ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ รีบถอยห่างออกมาทันที
เธอยิ้มกล่าวขอบคุณผมอีกครั้ง พร้อมกับชักชวนผมไปพักที่หมู่บ้านเธอก่อน หมู่บ้านของเธออยู่ไม่ไกลมากนัก บ้านส่วนใหญ่มุงด้วยหลังคาแฝก ตัวเรือนทำด้วยไม้ไผ่ เธอพาผมไปหานายหมู่บ้าน ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็คือผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง
ระหว่างทางผม พบกับผู้คนมากมายเดินสวนทางมา ทุกคนมองดูผมเหมือนตัวประหลาด ผมแปลกใจอยู่นิดๆ และก็สังเกตได้ว่า ผู้คนส่วนใหญ่ทำไมดูยังหนุ่ม ยังสาวกันอยู่เลย ผิวพรรณก็งามผิดปกติ
ผมสะดุ้งเมื่อนายบ้านเรียกผม " ไอ้หนุ่มเองแน่ใจนะว่าจะอยู่ที่นี่" ผมทำหน้างง กับคำถามที่จับต้นชนปลายไม่ถูก นายบ้านพูดต่อโดยไม่ได้สนใจอาการของผม " ใครก็ตามที่เข้ามาอยู่ที่นี่ จะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป และเองจะต้องอยู่เป็นผัวเมียกับนาง" พร้อมกับชี้มือไปทางหญิงสาวที่ผมช่วยไว้
ผมตกตะลึง มึนงงมาก ถึงกับพูดไม่ออก เหตุการณ์มันเป็นยังไง แล้วทำไมผมจะต้องอยู่ที่นี่ เป็นผัวเมียกับเธอด้วย ผมแค่ช่วยอาการบาดเจ็บให้เท่านั้นเอง
ยังไม่ทันหายสงสัยผมก็ได้รับคำตอบ กับสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในหัว "ที่นี่เมืองลับแล" คำแรกที่ผมได้ยินออกจากปากนายบ้าน หลังจากที่มึนงงอยู่นาน
"เองจะไปจากที่นี่ไม่ได้ ใครก็ตามที่ช่วยคนเมืองนี้ไว้จะต้องได้รับการตอบแทน เองจะได้นางเป็นเมีย แต่เองจะต้องอยู่ที่นี่ ห้ามไปจากเมืองนี้เด็ดขาด หากคิดหนีเองจะต้องตาย วิญญาณเท่านั้นที่จะออกจากที่นี่ได้"
ผมอึ้ง........
จะพูดคัดค้านก็ไม่กล้า สุดท้ายต้องยอมทำตามคำสั่งของนายบ้านเมืองลับแล
ผมจำยอมที่ต้องอยู่กินกับเธอฉันสามี ภรรยา แต่จะว่าไปผมก็มีความสุขดี เธอดูแลผมเป็นอย่างดี ผมแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย
เวลาผ่านไปนานหลายปี ผมเริ่มรู้สึกคิดถึงบ้าน ผมบอกเธอว่า ผมจะกลับบ้าน แต่เธอไม่ยอม เพราะกลัวว่า ถ้าผมแอบหนีไปผมจะเป็นอันตรายได้
ถึงกระนั้นผมก็ต้องไปอยู่ดีเพราะผมจากบ้านมานานแล้ว ผมคะยั้นคะยอเธออยู่ทุกวันจนในที่สุดเธอก็ใจอ่อน
เราสองคนแอบหนีมาทางลับของหมู่บ้าน เธอบอกว่าทางนี้จะนำพาผมไปสู่โลกภายนอก แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าหากออกไปแล้วจะไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย
ผมยิ้มเศร้าๆ เพราะอาลัยคิดถึงเมีย แต่ทำไงได้ผมไม่มีทางเลือกจริง จะให้ผมตัดขาดพ่อแม่ และครอบครัวจริงๆของผมได้อย่างไร
ผมได้แต่กุมมือแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมอก เธอเข้าใจผมดี ก่อนออกเดินทางเธอได้หยิบก้อนหินใส่ในย่ามให้ผม 10 ก้อน ผมถามเธอว่าเอาหินใส่ในย่ามทำไม เธอยิ้ม บอกแต่เพียงว่าในโลกภายนอกมันมีค่ามหาศาล ผมได้แต่ยืนงงแต่ก็ไม่ขัดใจอะไรแล้วรีบเดินทางทันที
ผมสะดุ้งตื่นสุดตัว.....เมื่อรู้สึกว่ามีใครสะกิดปลุกอย่างแรง ผมลืมตาขึ้นก็เห็นเพื่อนผมกับเจ้าหน้าที่นั่งมุงดูผมอยู่
ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง และได้รับการถ่ายทอดจากเพื่อนว่า ผมได้จับไข้ไปปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เพื่อนผมกับเจ้าหน้าที่พยายามแก้ไขสุดความสามารถ จนในที่สุดผมก็ฟื้นขึ้น
ผมอึ่งไปนาน ไม่ได้ถามคำใดออกไป และคิดว่า ผมคงฝันไปเอง แต่ทำไมมันรู้สึกเหมือนจริงเหลือเกิน ความรู้สึกเศร้านี้มันคืออะไร
"ผมว่าพวกคุณกลับกันดีกว่าครับ ท่าทางคุณไม่ดีเท่าไหร่" เสียงเจ้าหน้าที่แนะนำ
"ครับ" ผมตอบตกลงทันที
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ผมลงรถ และได้นั่งพักผ่อนอยู่หน้าระเบียงไม่ได้สนใจอะไรอีก จนกระทั่งผมรื้อกระเป๋าเพื่อนำเสื้อผ้าออกมาซัก มือก็ไปสะดุดกับอะไรสักอย่างหนึ่ง ในกระเป๋า
ผมรีบหยิบขึ้นมาพิจารณาทันที ผมสะดุ้งอยู่ในใจ "เอ๊ะ ทองนี่ มันมาอยู่ในกระเป๋าได้อย่างไร" จากที่ผมเห็นมันคือทองคำแน่ๆ และเป็นทองคำแท้บริสุทธิ์เสียด้วย มันมาได้อย่างไรกัน
ผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก เนื่องจากฐานะทางบ้านผมดีพอใช้ทีเดียว ผมพิจารณาอยู่นาน จนในที่สุดผมก็เข้าใจ
ที่แท้มันไม่ได้มาจากไหน มันมาจากมือคนรักของผมนั่นเอง ก้อนหินที่ใส่ให้ในย่ามนั้นจริงๆแล้วมันคือทองคำ แม้กระทั่งจากกันเธอก็ยังหวังดีกับผมเสมอ
หลังจากวันนั้นผมได้แต่ทำบุญทุกวัน หวังไว้สักวันหนึ่งผมกับเธอคงได้พบกันอีกครั้ง ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง
เรื่องที่ผมเล่าไม่รู้ว่าถ้าไปเล่าให้ใครฟัง จะมีใครเชื่อในคำพูดของผมไหม แต่สำหรับผมมันคือเรื่องจริง เพราะโลกใบนี้ยังมีอะไรอีกมากที่เรายังไม่รู้
โฆษณา