10. มีความคิดที่ถูกต้องและเที่ยงตรง ได้แก่
มองความจริงตรงตามความเป็นจริง สามารถแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากข้อมูลทั้งหลายได้
ไม่สนใจคำนินทาหรือข่าวโคมลอย ใส่ใจแต่สิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง
ไม่มองโลกเป็นสีขาวหรือดำให้มองเป็นกลาง ๆ เช่น เมื่อประสบความสำเร็จก็ไม่ดีใจจนออกนอกหน้า เพราะถ้าประมาทชะล่าใจ ก็ล้มเหลวได้เช่นเดียวกัน หรือเมื่อผิดหวังก็ไม่เศร้าสร้อยจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ เพียงแต่ว่าเราหาทางแก้แล้วหรือยัง เป็นต้น
รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับตัวเรา แม้ว่ามันจะเป็นความเป็นจริงที่เจ็บปวดก็ตามเพื่อนำมาแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นต่อไป
ไม่วิตกกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เพราะความกังวลไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น รังแต่จะทำให้สิ่งที่กังวลเป็นจริงขึ้นมา เพราะการย้ำคิดย้ำทำเสมือนเป็นการสะกดจิตตัวเอง
รับฟังข้อมูลแล้วนำมาพิจารณาทุกครั้งโดยยึดหลักกาลามสูตร ได้แก่
อย่าเชื่อเพราะเขาทำตาม ๆ กันมา
อย่าเชื่อเพราะเป็นครูบาอาจารย์หรือคนที่เราเคารพเพราะเขาอาจจจะพูดผิดก็ได้ อย่าเชื่อเพราะฟังดูแล้วมีเหตุมีผลเพราะเขาอาจจะหลอกเราก็ได้ อย่าเชื่อเพราะว่ามันเหมือนกับที่เราคิดไว้เลยเพราะเราก็อาจจะคิดผิดได้เช่นเดียวกัน
อย่าปักใจเชื่อว่าข้อมูลที่ได้รับมา ณ ปัจจุบันนี้จะต้องเป็นจริงไปตลอดกาลเพราะเมื่อมีเหตุและปัจจัยใหม่ ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงได้เช่น มีข้อมูลใหม่มาหักล้างข้อมูลเดิมหรือข้อมูลเดิมอาจจะล้าสมัยไปแล้วใช้ไม่ได้ เป็นต้น