26 พ.ค. 2020 เวลา 12:00 • การเมือง
พิธีกรรมลับพันปี “การเลือกตั้งสันตะปาปา”
2000 กว่าปีมาแล้วที่พระคริสต์ได้กลับไปสู่สรวงสวรรค์
แต่ก่อนไป ท่านได้ถามผู้ติดตามของท่านคนหนึ่งว่า “ท่านคิดว่าเราเป็นใคร”
ผู้ติดตามคนนั้นก็ตอบว่า “พระองค์คือพระคริสต์ บุตรของพระเจ้า”
พระคริสต์จึงตอบกลับว่า “เราจะตั้งท่านเป็นผู้นำแทนเรา ทั้งจะมอบกุญแจแห่งอาณาจักรสวรรค์”
1
แล้วผู้ติดตามคนนั้นก็ขึ้นเป็นผู้นำของเหล่าคริสตชน
ผู้ติดตามที่ผมพูดถึง มีชื่อว่า ปีเตอร์ (หรือเปโตรในภาษาละติน)
ปีเตอร์ (ในภายหลังกลายเป็นเซนต์ ปีเตอร์ ที่เรารู้จักกัน) ได้ถูกยกให้เป็นผู้นำ และถือกำเนิดตำแหน่งที่เรียกว่า สันตะปาปา แห่งคริสตจักรคาทอลิกในที่สุด
1
สันตะปาปาองค์แรกถูกเลือกโดยพระคริสต์
สันตะปาปาองค์ต่อๆมาจนปัจจุบันถูกเลือกขึ้นมาจากพิธีกรรม...
พิธีกรรมที่เรียกว่า การเลือกตั้งสันตะปาปา
พิธีกรรมนี้เป็นความลับอันสูงสุดในคริสตจักรโรมันคาทอลิก
ไม่มีผู้ใดในโลกที่เป็นคนธรรมดาเคยเห็นพิธีกรรมนี้
1
มีเพียงพระคาร์ดินัลที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถล่วงรู้และทำพิธีกรรมนี้ได้
1
สิ่งที่เรารู้มีเพียงขั้นตอนของพิธีเท่านั้น (ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กระทำกันจริงๆหรือไม่ ก็ไม่ทราบได้)
แต่โปรดนั่งลงเถิดครับ ผมจะเล่าให้ฟัง...
ภาพจาก ภาพยนต์ Angle and demon
หากพูดถึงตำแหน่งสันตะปาปา (Pope) แล้ว ทุกท่านคงรู้จักว่าเป็นตำแหน่งผู้นำสูงสุดในทางธรรมของคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก
ตำแหน่งนี้จึงเป็นตำแหน่งที่ถือว่ามีอำนาจสูงสุดของผู้ที่เป็นคาทอลิก (ในยุคหนึ่งมีอำนาจมากกว่ากษัตริย์ทั่วยุโรปซะอีกครับ)
ดังนั้น ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ได้มาโดยการสืบทอด แต่ได้มาด้วยการเลือกตั้ง
บอกได้เลยครับว่า การเลือกตั้งสันตะปาปานี้ มีการแข่งขันดุเดือดไม่แพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศเลยทีเดียว
1
โดยการเลือกตั้งสันตะปาปานี้เป็นพิธีกรรมที่เป็นความลับในแง่ของการไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อป้องกันการแทรกแซงทางการเมืองจากภายนอก
1
ภาพจาก NBC News ( สันตะปาปาฟรานซิส เป็นสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน ค.ศ.2020)
โดยกรณีที่จะเป็นเหตุให้เกิดพิธีกรรมนี้ขึ้น มี 2 กรณีครับ ได้แก่
1) สันตะปาปาองค์เดิมทรงสละตำแหน่ง
2) สันตะปาปาองค์เดิมสิ้นพระชนม์
2
ซึ่งหากเป็นกรณีที่สิ้นพระชนม์ เขาจะมีธรรมเนียมในการชันสูตรพระศพที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ
โดยเมื่อสันตะปาปาสิ้นพระชนม์แล้ว จะไม่อนุญาตให้แพทย์หรือคนนอกเป็นผู้ชันสูตรพระศพ ผู้ที่จะเป็นคนตรวจสอบและชันสูตร คือ แชมเบอร์เลน ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดสันตะปาปามากที่สุด เข้าใจง่ายๆก็เหมือนเลขานั่นแหละครับ
1
โดยแชมเบอร์เลนจะตรวจสอบและชันสูตรต่อหน้านายจารีตพิธีกรรมและพระคาร์ดินัลชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งมีวิธีคือ ใช้ค้อนเหล็กเคาะที่หน้าผากของสันตะปาปา พร้อมกับเรียกชื่อกำเนิด 3 ครั้ง หากไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิกิริยาใดๆ ก็จะถือว่าสิ้นพระชนม์แล้ว แล้วเชมเบอร์เลนจะเป็นผู้ประกาศให้ประชาชนทั้วไปรับทราบถึงการสิ้นพระชนม์ ซึ่งถือว่าเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้น 15-20 วัน พิธีกรรมเลือกตั้งสันตะปาปาจึงจะเริ่มขึ้น
1
ภาพจาก Salt and Light Catholic Media (การสิ้นพระชนม์ของสันตะปาปาจอห์นพอลที่ 2)
พิธีกรรมเลือกตั้งสันตะปาปา หรือ Papal Conclave ว่ากันว่าเป็นพิธีกรรมที่ลึกลับซับซ้อนมากที่สุดในโลก (ถึงอย่างนั้นเราก็รู้ขั้นตอนของพิธีกรรมนี้เกือบทั้งหมด จะเรียกว่าลึกลับได้หรือไม่ก็ไม่รู้นะครับ แหะๆ)
2
โดยจะมีการเชิญพระคาร์ดินัลจาก 51 ประเทศทั่วโลกมาที่วาติกัน ซึ่งมีอยู่ราว 115 องค์ และอายุของพระคาร์ดินัลแต่ละองค์นั้นต้องไม่เกิน 80 ปี
1
พระคาร์ดินัลเหล่านี้แหละครับ ที่เป็นแคนดิเดตสันตะปาปาองค์ใหม่...
เมื่อมาถึงวาติกันแล้ว เหล่าคาร์ดินัลจะได้รับหนังสือ “Universi Dominici gregis” ซึ่งเป็นเหมือนรัฐธรรมนูญของคริสตจักรคาทอลิก และเป็นการแสดงรายละเอียดของพิธีกรรมนั่นเองครับ
1
หลังจากนั้นเหล่าคาร์ดินัลจะเริ่มทำพิธีกรรม โดยเข้าไปในห้องปิดผนึกที่ โบสถ์ซิสทีน (Sistine Chapel) โดยจะถูก “ขัง” ใช้คำไม่ผิดหรอกครับ เรียกได้ว่าถูก “ขัง” อยู่ในนั้นจนกว่าจะได้สันตะปาปาองค์ใหม่เลยทีเดียว
1
ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากโลกภายนอก และห้ามคาร์ดินัลติดต่อโลกภายนอกด้วยครับ หากใครฝ่าฝืนจะถูกบัพพาชนัยกรรมทันที(เป็นการขับไล่ออกจากศาสนา ถือว่าเป็นการลงโทษสูงสุดของคริสตจักรคาทอลิก) โดยการปิดผนึกนี้จะเรียกเป็นภาษาละตินว่า “กลอนกาเว” ซึ่งแปลว่า ล็อกประตู นั่นเองครับ
1
ดังนั้นจึงเป็นการตัดขาดระหว่างโลกภายนอกกับภายในโบสถ์อย่างสมบูรณ์
1
หลังจากนี้เราจะไม่สามารถเห็นหรือรับรู้พิธีกรรมที่แท้จริงได้ รู้แต่เพียงขั้นตอนที่ทางวาติกันเปิดเผยเท่านั้น...
1
ภาพจาก Art & Tourism in Rome and Italy (เหล่าพระคาร์ดินัลภายในโบสถ์ซิสทีน)
ลำดับแรกของพิธีกรรมจะเป็นการฟังเทศน์และประชุมหารือครั้งที่ 1 ซึ่งจะหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของคริสตจักรและโลก เพื่อที่จะเลือกผู้ที่เหมาะสมเป็นสันตะปาปาในการรับมือกับสถานการณ์ของโลกในขณะนั้น
1
และเมื่อการประชุมครั้งที่ 1 จบลง จะเริ่มการประชุมครั้งที่ 2 ทันที! (จะแบ่งเป็นครั้งทำไมก็ไม่รู้นะครับ)
ตามสังฆธรรมนูญนั้นได้กำหนดว่า “ผู้ที่จะมีสิทธิได้รับเลือกเป็นสันตะปาปา คือ ทุกคนที่ผ่านการรับศีลล้างบาปในนิกายโรมันคาทอลิก” พูดง่ายๆคือทุกคนที่นับถือโรมันคาทอลิกมีสิทธิเป็นสันตะปาปาได้หมด โดยพระคาร์ดินัลจะเลือกคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องก็ได้ ซึ่งให้พูดกันตรงๆแล้วคงยากที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นในทางปฏิบัติพระคาร์ดินัลก็จะเลือกกันเองนั่นแหละครับ...
4
และเมื่อประชุมหารือครั้งที่ 2 จบลง ต่อไปจะเป็นการลงคะแนนเสียงครับ โดยจะมีการแจกบัตรลงคะแนนเสียง ซึ่งมีข้อความระบุว่า “ข้าพเจ้าขอเลือก...............เป็นประมุขของศาสนจักรองค์ต่อไป”
1
จากนั้นพระคาร์ดินัลทุกองค์จะยืนขึ้นร่วมใจกันสาบานต่อพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าจะเลือกบุคคลที่ข้าพเจ้าเห็นว่าเหมาะสมที่สุด โดยจะไม่มีอิทธิพลใดๆเข้ามาแทรกแซง” หลังจากนั้นตัวแทนคาร์ดินัลจะนำคัมภีร์มา และเดินไปให้เหล่าคาร์ดินัลองค์อื่นๆยื่นมือมาแตะเพื่อแสดงสัจจะต่อพระเจ้าอีกครั้ง พร้อมกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอสัญญา ข้าพเจ้าขอสาบาน” ทีละองค์จนครบ
2
ต่อไปจึงถึงขั้นตอนการหย่อนบัตร โดนจะมีการขานชื่อคาร์ดินัลแต่ละองค์ให้ออกมาหย่อนบัตรในอ่างทองคำ และก่อนหย่อนก็ต้องกล่าวคำสาบานอีกครั้งทีละองค์
เมื่อครบแล้วเจ้าหน้าที่จะตรวจนับคะแนนเสียง โดยผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นสันตะปาปานั้นจะต้องได้รับคะแนนเสียงอย่างน้อยเกิน 2 ใน 3 มา 1 คะแนน ซึ่งหากคะแนนยังมีการกระจายกันอยู่จะมีการเลือกตั้งใหม่ไปเรื่อยๆ โดยอาจใช้เวลาหลายวันหรือเป็นสัปดาห์เลยทีเดียวครับ!!
โดยตามบันทึกทางประวัติศาสตร์มีการบันทึกสถิติเอาไว้ว่า การเลือกตั้งสันตะปาปาที่ยาวนานที่สุดใช้เวลาถึง 3 ปี!!! (เลือกกันไปได้ยังไงผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน) โดยเหล่าคาร์ดินัลต้องอยู่กินนอนในนั้น ซึ่งเป็นเพียงแค่ห้องโล่งๆ โดยต้องนอนเตียงพับชั่วคราว ขับถ่ายใส่กระโถน อยู่อย่างนั้นจนกว่าจะได้สันตะปาปาองค์ใหม่!!!
กลับมาที่พิธีการเลือกตั้งครับ เมื่อยังไม่มีผู้ได้รับเลือก บัตรเลือกตั้งทั้งหมดจะถูกเผาพร้อมสารเคมีที่ทำให้เกิดควันสีดำผ่านทางปล่องควันของโบสถ์ซิสทีน เพื่อแสดงให้โลกรับรู้ว่ายังไม่ได้สันตะปาปาองค์ใหม่นะ ให้รอไปก่อน...
1
ภาพจาก Chicago Tribune (ควันสีดำจากโบสถ์ซิสทีน แสดงให้เห็นว่ายังไม่ได้สันตะปาปาองค์ใหม่)
แต่ถ้าหากว่ามีผู้ได้รับคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 มา 1 คะแนนแล้ว คาร์ดินัลอาวุโสซึ่งเป็นประธานจะเดินตรงไปหาคาร์ดินัลที่ถูกเลือกแล้วถามว่า ”ท่านได้รับเลือกเป็นประมุขแห่งศาสนจักร ผ่านพระประสงค์ของผู้เป็นเจ้า ท่านจะน้อมรับพระประสงค์นี้หรือไม่?”
2
ถ้าหากคาร์ดินัลองค์นั้นตอบว่า “ไม่รับ” ก็จะต้องเลือกตั้งกันใหม่ทันที...
1
แต่หากคาร์ดินัลองค์นั้นตอบว่า “รับ” จะมีการถามต่อว่าจะใช้พระนามอะไรในการดำรงตำแหน่ง
1
เมื่อเสร็จแล้วก็จะมีการเผาบัตรลงคะแนนเช่นเดียวกัน แต่จะใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดควันสีขาวครับ เพื่อเป็นการแสดงให้โลกได้รับรู้ว่าคริสตจักรได้สันตะปาปาองค์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พิธีกรรมภายในโบสถ์ซิสทีนจึงจะสิ้นสุดลง...
ภาพจาก National Geographic (ควันสีขาวจากโบสถ์ซิสทีน แสดงให้เห็นว่าได้สันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว)
เมื่อพิธีกรรมเลือกตั้งสิ้นสุดลงแล้ว สันตะปาปาองค์ใหม่จะถูกพาไปห้องๆหนึ่ง และถูกขังไว้ให้อยู่คนเดียว
1
โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สันตะปาปาได้ปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมาให้เต็มที่ในห้องนั้น ร้องไห้ออกมาให้พอ ไม่ว่าจะเกิดจากความตื้นตันใจที่ได้เป็นสันตะปาปา หรือจากการที่ต้องแบกรับภาระงานที่หนักหน่วงหลังจากนี้ เพราะเมื่อดำรงตำแหน่งแล้วจะไม่สามารถร้องไห้อย่างเต็มที่ได้อีก เพราะเป็นการแสดงถึงความอ่อนแอ ห้องนี้จึงถูกเรียกว่า “ห้องแห่งน้ำตา” นั่นเองครับ
นอกจากจะเป็นห้องแห่งน้ำตาที่เอาไว้ปลดปล่อยความรู้สึกแล้ว ห้องนี้ก็เป็นห้องที่ใช้เปลี่ยนชุดเพื่อปรากฏตัวต่อสาธารณชนด้วย โดยจะมีชุดคลุมสีขาว 3 ชุด 3 ขนาดให้เลือกสวม เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว สันตะปาปาองค์ใหม่ก็จะออกไปปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่ จตุรัสเซนต์ปีเตอร์
2
จึงจะถือว่าพิธีกรรมได้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์...
ภาพจาก The Irish Times (สันตะปาปาหนานซิสเต็ม ณ จตุรัสเซนต์ปีเตอร์)
พิธีกรรมเลือกตั้งสันตะปาปานี้ถือเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์อย่างมากสำหรับชาวคริสต์คาทอลิก
1
มีการปฏิบัติกันมาเป็นพันปี
มีความลึกลับซับซ้อนในเรื่องการเปิดเผยต่อสาธารณชน
เราไม่สามารถรู้ได้ว่าขั้นตอนที่วาติเปิดเผยมานั้น เป็นขั้นตอนทั้งหมด หรือเป็นขั้นตอนจริงๆที่ปฏิบัติกัน
1
มีเพียงเหล่าคาร์ดินัลที่อยู่ในพิธีเท่านั้นที่ล่วงรู้
แต่อย่างไรก็ตามพิธีกรรมนี้ก็ถือเป็นศูนย์รวมความศรัทธาอย่างมหาศาลของคริสตจักรโรมันคาทอลิก
และเชื่อได้เลยว่า พิธีนี้จะคงอยู่คู่กับคริสตจักรไปจวบจนที่ผู้คนที่นับถือยังต้องการสันตะปาปาเป็นผู้นำไปสู่เส้นทางแห่งความถูกต้อง
ทั้งในเรื่องการเมืองของคริสตจักรเอง
ทั้งในเรื่องการเมืองระหว่างคริสตจักรและโลก
และเรื่องการมุ่งไปสู่อาณาจักรพระเจ้าที่แท้จริงของเหล่าผู้ศรัทธาในคาทอลิก....
ภาพจาก viator (จตุรัสเซนต์ปีเตอร์)
โฆษณา