26 พ.ค. 2020 เวลา 08:38 • การศึกษา
เล่าเรื่อง..ที่มาของระดูปกติโลหิต
คัมภีร์ มหาโชตรัต เป็นคัมภีร์ที่เล่าเรื่องโลหิตระดูของสตรี กับการเกิดโรคต่างๆที่มีเหตุให้เป็น ประจำเดือนไม่มา มาน้อย มามาก ปวดประจำเดือน ก้อนซีสในมดลูก ช๊อคโกเลทซีส เนื้องอก จนถึงมะเร็งปากมดลูก โพรงมดลูก ในแผนปัจจุบัน
คราวนี้มาดูกันว่าที่เราเข้าใจ เรื่อง โลหิตปกติโทษ ในโชตรัตทั้ง ๓ ผูก เราเข้าใจถูกไหม
ความเดิมกล่าวถึงความต่าง สตรีและบุรุษมีความแตกต่างกันอยู่ ๔ ประการ เพื่อที่จะให้เป็นที่กำเนิดทารก ได้แก่
๑. ถันประโยธร (เต้านมสำหรับเลี้ยงลูก)
๒. จริตกิริยา (การแสดงออกของร่างกาย)
๓. ประเวณี (อวัยวะเพศ)
๔. ต่อมโลหิตระดู (มดลูก)
หญิงจำพวกใด เมื่ออายุได้ ๑๔–๑๕ ปี สิ้นกำหนดตานซางแล้ว ต่อมโลหิตแห่งหญิงนั้นให้บังเกิด ขึ้นตามปกติ ให้แพทย์ทั้งหลายพิจารณาดูให้รู้ว่า โลหิตนั้นเกิดแต่ที่ใดๆ ตามอาการโทษก่อนหน้ามีระดู อาการไม่สบายเหล่านี้เรียกว่า โลหิตปกติโทษ
๑. หทัย (หัวใจ) มีอาการจิตระส่ำระส่าย ใจลอย บ้าบ่น โกรธง่ายริมฝีปากเขียว ขอบตาเขียว หากแก้ไขไม่ได้ อาจทำให้ถึงแก่ความตาย
๒. ขั้วดี (ดีแลตับ) ถ้าสตรีผู้ใดไข้ลง มักทำให้เชื่อม ให้มันมัวเมาซบเซา มิได้รู้รุ่งแลค่ำคืนแลวัน(มีไข้ก่อน ๔-๕ วัน นอนซมไม่รู้กลางวันกลางคืน ) แล้วให้นอนสะดุ้งหวาดไหวเจรจาด้วยผี สมมุติว่าขวัญกินเถื่อน ให้สวิงสวาย หาแรงมิได้ บางทีผุดขึ้นมาเป็นจ้ำดำโทษทั้งนี้คือ โลหิตกระทำเอง ถ้ารู้ไม่ถึงกำหนด 7 วันตาย เมื่อตายแล้วจึงผุดขึ้นมาเป็นแว่นเป็นวงสีเขียว สีแดง ก็มีดุจกล่าวมานั้น
๓. ผิวเนื้อ มีอาการร้อน ผิวเนื้อผิวหนังแดงดุจผลตำลึงสุก บางทีมีผื่นขึ้นคล้ายออกหัด หรือมีเม็ดผื่นคล้ายไข้รากสาด ๒-๓ วัน บางทีว่าเป็นประดง / หรือ ถ้าสตรีผู้ใดไข้ลง มักทำให้ร้อนในผิวเนื้อ ผิวหนังจะแดงเหมือนลูกตำลึงสุก ขึ้นเป็นผดคันไปทั่วตัว เมื่อมีระดูอาการนี้จะหายไป
๔. เส้นเอ็น มีอาการประดุจดังไข้จับ ปวดศีรษะเป็นกำลัง มักทำให้เจ็บไปทั่วทั้งตัว รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว ร้ เมื่อมีระดูอาการเหล่านี้ก็หายไป / หรือ ถ้าสตรีผู้ใดไข้ลง มักทำให้เจ็บไปทั่วทั้งตัว ปวดศีรษะ รู้สึกร้อนบ้างหนาวบ้าง เมื่อมีระดูอาการเหล่านี้ก็หายไป
๕. กระดูก มีอาการเมื่อยขบไปทุกข้อ ดังจะขาดจากกัน เจ็บบั้นเอวสันหลังยิ่งนัก ต้องบิดตัวแบบบิดขี้เกียจแก้ปวดเมื่อย /ถ้าสตรีผู้ใดไข้ลง จะทำให้เมื่อยตามข้อกระดูก กระดูกคลาด ปวดเอว ปวดหลัง เมื่อระดูมาอาการต่างๆ ก็จะหายไป
สรุปว่า
โลหิตระดูมาจากที่ต่างๆ กัน เมื่อโลหิตนั้นคั่งอยู่ ณ ที่ใด ก็จะให้โทษ มีอาการไปต่างๆ เมื่อโลหิตนั้นออกมาเป็นโลหิตระดูแล้ว อาการต่างๆ เหล่านั้นก็จะหายไป
โลหิตปกติโทษทั้ง ๕ ประการนี้ ท่านสังเคราะห์ไว้พอเป็นที่สังเกตแห่งแพทย์ทั้งหลาย
ถ้าใครตีความว่า ประจำเดือนมาแล้วอาการต่างๆก็หายไป ถือว่าเป็นเรื่องปกติของสตรี แสดงว่าอันนี้ตีความผิด ที่จริงคัมภีร์แจ้งว่าเมื่อมีประจำเดือนอาการจากต้นเหตุ และจะกระทำออกมาให้ หมอทั้งหลายได้สังเกตุว่าต้นเหตุมาจากไหน แล้วจึงวางยา เพื่อให้ถูกกับสมุฏฐานกับอาการ จะได้ไม่เกิดอาการเหล่านี้อีก
โบราณถือว่า มดลูกเป็นอวัยวะพิเศษ ไว้เป็นที่อยู่ของทารก มีระดูมาหล่อเลี้ยงเป็น นิจสินคราวละ ๑ รอบเดือน หรือเรียกโลหิตชุ่มแช่นี้ว่า นิจสันจโลหิต
โดยมีที่มาจาก ตับ(ระบายเลือดมีส่วนไปน้ำดี เอ็นและข้อต่อกระดูก) ม้าม(ลำเลียงเลือดไปที่ชิ้นเนื้อ) หัวใจ(สูบฉีดเลือดไปตามท่อโลหิตและเป็นที่ตั้งแห่ง หทัยวัตถุ) ซึ่งทั้ง๓ ลงไปเลี้ยงมดลูกด้วย ถ้าอวัยวะต้นกำเนิดทำงานผิดพลาดไป การขับของเสียคือเลือดเก่าจะมีผลกับมดลูกทันที..แล้วสำแดงอาการเป็นโรคอื่นๆต่อไป
รวมทั้งเลือดหลุดตกหมกช้ำที่แนวกระดูกสันหลังด้านในกลายเป็น เอกสันทฆาตเช่นกัน
ส่วนยาก็ให้แก้ตามที่มาของโลหิตปกติโทษนั้นๆ ฝากให้คิดให้วิเคราะห์ในสูตรยาจะเข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงปวดท้องประจำเดือน ไม่ใช่ให้ยาแก้ปวดประจำเดือนอันนั้นแก้ปวดไม่ได้แก้ต้นทางโรคค่ะ
ถ้าถูกใจในส่วนขยายความนี้ กดติดตามให้กำลังใจอ.ด้วยนะคะ
โฆษณา