26 พ.ค. 2020 เวลา 12:03 • ความคิดเห็น
เทคโนโลยี 💻สร้างความเหลือมล้ำ หรือความเท่าเทียม🧐❓❓🤷🏻‍♂️
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา สิ่งที่เราทำเป็นอย่างแรก แทบจะเป็นการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่ว่าการหยิบโทรศัพท์ของเราจะเป็นการหยิบโทรศัพท์เพื่อสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าเราจะเช็คเมลล์ที่เพิ่งเข้ามา หรือว่าการเช็คสื่อโซเชียลมีเดีย หรือเช็คสภาพอากาศ มันเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากสมัยก่อน อย่างสิ้นเชิง
ผมยังจำได้ดี เมื่อผมยังเด็ก การตื่นนอนขึ้นมาอย่างแรกคือการปิดนาฬิกาปลุก แล้วไปล้างหน้าแปลงฟัน นั้นเหลาะเรื่องที่ต้องทำ แต่ตอนนี้ เรายังคงตื่นไปปิดนาฬิกาปลุกแต่เราปิดจากมือถือ เราไปแปลงฟัน แต่เราก็เอามือถือไปในห้องน้ำด้วย เผลอๆ พวกเราเอามือถือเปิดดูไปด้วยแปลงฟันไปด้วยด้วยซ้ำ
เด็กแทบทุกตน กำมือถือ หรือแท็บเล็ต แม้ว่าเราจะรู้ว่ามันไม่เหมาะกับเด็กเล็กๆ แต่บอกตามตรงเลยครับ ว่ามันค่อนข้างจะเป็นการยากที่เราจะให้เด็กๆหันหน้าออกจากหน้าจอ ทั้งๆที่ผู้ใหญ่อย่างพวกเราเองก็ยังกำมันอยู่อย่างงั้น แต่สำหรับวันนี้เรายังไม่คุยกันเรื่องนี้ เราจะมาคุยกันว่า เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำหรือว่า ความเท่าเทียมกันแน่
เชื่อเถอะ เมื่อก่อนคนที่สามารถร่ำรวยจากการค้าขายได้ ต้องมีร้านเป็นของตัวเอง ทุกคนต่างใต่เต้าเพื่อให้ตัวเองมีร้านสักร้านหนึ่ง ทำเลอยู่ในตลาดยิ่งดี เพื่อให้สามารถขายของของตัวแองได้เยอะขึ้นคุ้มค่า ค่าเช่าร้าน แต่ปัจจุบัน คุณเทบไม่ต้องมีหน้าร้านเลย คุณขายขนม ขายของได้ในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ เสียเงินบ้างแต่ก็น้อยเมื่อเทียบกับการมีร้านเป็นของตัวเองสักร้านในตลาดแถวบ้าน
แน่นอนว่ามันดีมาก ทำให้เราสามารถมีเงินมากขึ้น ความฝันที่จะปลดหนี้สิน หรือมีรายได้ที่ดีขึ้น มันก็ดูเหมือนจะง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก สมัยก่อนนักร้องถ้าอยากดังต้องลงมากรุงเทพฯ คุณต้องไปหาชุมทางเสียงทอง หาครูเพลง หรือประกวดหลายๆ ที่เพื่อให้คุณโด่งดัง และใช้ว่าทุกคนจะประสบผลสำเร็จ บางคนก็โดนหลอก บางคนได้แค่เป็นนักร้องคาเฟ่ แต่หลายคนก็ประสบผลสำเร็จได้เป็นนักร้องดัง ผมคงไม่ต้องบอกว่ามีใครบ้าง ทุกท่านอาจจะเคยได้ยินได้ฟังกันมาไม่มากก็น้อย
ตอนนี้เหรอครับ เราแทบทุกคนมีสิทธิที่จะเปิดช่องยูทูปเป็นของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะถ่ายด้วยมือถือ ถ่ายด้วยกล้องอย่างดี ไม่ว่าคุณจะมีสตูดิโอ หรือมีแค่ห้องเช่า ทุกอย่างไม่เกี่ยง ขอให้คุณสามารถทำคอนเท้นที่น่าสนใจ ให้ใครๆเข้ามาดูวีดีโอของคุณ คุณก็สามารถเป็นคนดังในโลกออนไลน์ได้ ผมจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าความเท่าเทียมของโอกาส ได้หรือไม่ นั้นก็เป็นความเห็นของแต่ละคนครับ
แต่ที่แน่ๆ คุณมีโอกาสมากขึ้น การจะเสนอตัวตนของคุณได้ไม่อยาก แตกต่างจากเมื่อก่อนที่เราต้องอาศัย “แมวมอง” หรือ “โมเดลลิ่ง” ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่สร้างกำไรมหาศาล แต่ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี คุณสามารถดังได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงคุณเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง
ค่ายเพลงหลายค่ายได้ปิดตัวลง อย่างล่าสุด ก็โมโนมิวสิคละ ที่เพิ่งจะปิดตัวลงได้ไม่นาน ไหนจะ คามิคาเซ่ และค่ายเพลงใหญ่ๆ อื่นๆ เพราะทุกคนสนใจ เพลงใน ยูทูปแทน ค่ายเพลงสู้ไม่ไหว เพราะค่าใช้จ่ายเยอะครับ โปรดักส์ชั่นมากเท่าไร ก็เสียเงินมากเท่านั้น ยิ่งมาเจอวิกฤติแบบโควิดด้วยแล้ว ไปไม่ไหวแน่นอนที่จะต้องจ่ายเงินให้พนักงานจำนวนมากแต่ไม่สามารถผลิตผลงานออกมาได้ จะสู้ทุนน้อย อย่างยูทูบเบอร์ได้อย่างไร เพลงออกมาปัง แต่งดีๆ โดนใจวัยรุ่น ปังได้ในไม่กี่วัน
แตกต่างจากนักร้องสังกัดค่ายเพลง ต้องแข็งขันกันเอง แล้วยังต้องฝึกร้อง บางคนเป็นสิบปี ยังไม่ได้แจ้งเกิด นึกไม่ออกลองไปดูเด็กฝึกงานของไอดอลเกาหลีก็แล้วกันครับประมาณนั้น สมัยนี้เอาไวเข้าว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาน อาจจะไม่ทันกาล เพราะคนอื่นคงตัดต้นไม่ไปก่อน(ฮา)
แต่มันก็มีข้อเสียครับ พอนึกออกไหมครับว่า คนที่รวยมากที่สุดจะเป็นใคร แน่นอนครับว่าต้องเป็นพี่ มาร์ค (Mark zuckerberg) CEO ของ Facebook ที่เราๆ นั่งเขี่ยมันทั้งวันทั้งคืนแน่นอน ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา คุณพี่มาร์ค แกรวยขึ้นเกือบ 60 % เลยนะ ทั้งๆที่พวกเราแทบจะเอาตัวเองไม่รอด และ พี่แจ็ฟ (Jeff bezos) CEO Amazon หุ้นพี่แกเพิ่มขึ้น 23% และยังมีอีกหลายคน ผมเอามาให้พอเข้าใจ
สรุปคือ เจ้าของเทคโนโลยี ที่เราใช้ทุกวันเหล่านี้ มีแต่รวยขึ้น รวยขึ้น ไม่ว่าเราจะลำบากแค่ไหน ในโลกที่กลมๆ นี้คนรวยมีแต่จะรวยขึ้น คนจนก็อาจจะจนลง แต่ โอกาสของพวกเรากลับเพิ่มขึ้น !!
ยุคทองของโอกาสมาถึงแล้ว นึกภาพตัวละครเอกเรื่อง one piece ที่ชอบพูดว่า “ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย !!” ท้องฟ้าจรดท้องน้ำ เรือโจรสลัดได้แล่นออกไปแล้ว คุณจะเป็นคนที่นั่งดูกองเรือโจรสลัดแล่นออกไปตามความฝัน หรือว่า จะเป็นชาวบ้านที่โบกมือ อยู่ริมชายทะเล มองเรือโจรสลัดค่อยๆ มุ่งหน้าสู่โอกาส เขาอาจจะไม่ได้กลับมา หรือกลับมาพร้อมกองสมบัติมากมาย ใครจะรู้ ❓พวกคุณพร้อมหรือยัง เหล่าโจรสลัดแห่งความฝันทั้งหลาย‼️
โฆษณา