28 พ.ค. 2020 เวลา 03:08 • กีฬา
ผมลงบทความนี้ทางเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมาครับ
Serie A mania
โดย นพนันท์
 
ไม่วุ่นวายไม่ใช่อิตาลี
จริงๆช่วงนี้มีข่าวคราวเกี่ยววงการลูกหนังเมืองมะกะโรนีที่น่าสนใจอยู่เพียบ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะจริงแท้แค่ไหนกันหากตลาดซื้อขายนักเตะช่วงหน้าร้อนเปิดทำการอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลังจากเปิดหนังสือพิมพ์กีฬาอิตาลีฉบับไหนก็มีแต่ข่าวโยกย้ายนักเตะเต็มหน้าหนึ่งไปหมดเลย
 
ความเคลื่อนไหวพวกนี้บางครั้งไม่อยากเอามาคุยกันตรงนี้มากนัก โดยธรรมชาติของสื่อกีฬาข่วงนี้หากไม่มีประเด็นสำคัญๆแล้ว การเสนอข่าวเกี่ยวกับการผู้เล่นคนนู้นเตรียมย้ายไปอยู่ทีมนี้ ผู้เล่นคนนี้เป็นที่ต้องการของทีมนู้นมันสามารถดึงดูดความสนใจของคอบอลได้ไม่น้อยทีเดียวหากเอามาพาดหัว
แม้มีข่าวทำนองนี้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่พอถึงเวลาที่ตลาดซื้อขายนักเตะเปิดทำการจริงๆปรากฏว่าข่าวที่ลือกันไปอย่างนู้นอย่างนี้กลับไม่เป็นจริงเกินกว่า 60เปอร์เซ็นต์เอาเสียด้วยซ้ำ
 
ดังนั้นอย่าไปใส่ใจมากกับการข่าวย้ายทีมย้ายสโมสรของนักเตะให้มากนักช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นความเคลื่อนไหวที่บรรดาเอเยนต์กับนักข่าวช่วยกันกุขึ้นมาเพื่อหวังให้มีผู้เล่นในสังกัดของตัวเองมีประเด็นมีสตอรี่มากยิ่งขึ้นคล้ายๆกับหุ้นปั่นในตลาดหลักทรัพย์บ้านเรานั่นแหละ ขยับหนีห่างจากความเคลื่อนไหวของตลาดซื้อขายนักเตะไปซักวันสองวันเปลี่ยนไปดูเรื่องที่เซเรีย อา เตรียมกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งซักนิดหนึ่ง ล่าสุดรัฐบาลอิตาลีของจูเซ็ปเป้ คอนเต้ยอมอ่อนข้อให้ทีมต่างๆในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรการป้องกันระบาดของโควิด 19 ในการซ้อมไปพอสมควร ผมมองว่าชาติอื่นๆเค้าไปถึงไหนกันแล้ว อย่างเยอรมนีเป็นชาติแรกในบรรดาลีกชั้นนำของยุโรบ 5 ลีกที่ไฟเขียวให้บุนเดสลีก้ากลับมาแข่งขันต่อเป็นลีกแรก ต้นเดือนหน้าจะเป็นคิวของลาลีก้าของสเปน และพรีเมียร์ลีกอังกฤษตามติดๆ
 
การเปิดไฟเขียวของรัฐบาลชาติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นความกล้าหาญ โดยเฉพาะการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของคนในประเทศโดยใช้กีฬา(ฟุตบอล)เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยที่ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันหมดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมือง ภาคธุรกิจ การกีฬาตลอดจนประชาชน แต่ในอิตาลีกลับลังเลเหมือนไม่ค่อยมั่นใจว่าหากตัดสินใจเปิดไฟเขียวให้กีฬากลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง หากเกิดปัญหาหนักขึ้นมาอีกตัวเองจะต้องรับผิดชอบไหวหรือเปล่า เผลอๆอาจจะเป็นการจบอนาคตทางการเมืองของพรรคที่ทำหน้าที่รัฐบาลไปเลยก็ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นชาติอื่นๆในยุโรบต่างขยับมาตรการต่างๆให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้นทำให้รัฐบาลอิตาลีต้องหันกลับไปทบทวนนโยบายของตัวเองมากยิ่งขึ้น อะไรที่เคยแข็งกร้าวกับวงการกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลก็ดูจะผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น มาตรการป้องกันการระบาดรอบสองที่ภาครัฐยันกระต่ายขาเดียวมาตลอดตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ช่วงที่สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี(เอฟไอจีซี)เสนอให้คณะกรรมาธิการฝ่ายแพทย์ของรัฐบาลพิจารณาในช่วงของการกลับมาซ้อมทั้งเดี่ยวและเป็นกลุ่มได้รับการเห็นชอบและอนุญาตให้ดำเนินการได้ แม้กระทั่งวันแข่งขันของเซเรียอาก็กล้าที่จะประกาศออกมาล่วงหน้าโดยวินเชนโซ่ สปาดาโฟร่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาและเยาวชนว่าหากไม่ใช่วันที่ 13 มิถุนายนก็อาจจะล่าช้าไปอีกสัปดาห์หนึ่ง
ดูเถอะครับแม้แต่รัฐมนตรีกีฬายังออกมาให้ความเชื่อมั่นขนาดนี้อะไรๆมันน่าจะดูดี แต่ก็นั่นแหละครับที่นี่(อิตาลี)ถ้าไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายก็ไม่ใช่เมืองมะกะโรนีเสียเป็นแน่เมื่อฝ่ายฟุตบอลเปิดเกมรุกเข้าใส่ฝ่ายรัฐบาลอีกระลอกยืนกรานว่าจะไม่ยอมแข่งตอน 16.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นเป็นอันขาดหากเซเรียอากลับมาแข่งแล้วต้องมาแข่งเวลานี้ตอนเดือนสิงหาคม
เหตุผลน่ะรึ ก็แค่หากไปแข่งช่วงสิงหาคมเป็นช่วงอากาศที่อิตาลีกำลังร้อนระอุทำให้นักเตะหมดแรงเอาง่ายๆ ถ้าจะให้เหมาะสมควรขยับไปแข่งตอนกลางคืนจะดีกว่า รัฐบาลมองว่าหากเซเรียอากลับมาแข่งขันกันตามวันเวลาที่วางไว้(13 มิ.ย.หรือช้ากว่าสัปดาห์หนึ่ง) ฤดูกาลน่าจะปิดฉากได้ไม่สุดสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมก็น่าจะสัปดาห์หนึ่งให้หลัง ถึงตอนนั้นจริงๆน่าจะเป็นการแข่งขันให้ครบตามโปรแกรมเท่านั้น
เรื่องทำนองนี้จับเข่าคุยกันหาทางออกได้ แต่กลับไม่ยอมเจรจากัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฝั่งฟุตบอลเห็นว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าอยู่หรือเปล่าเลยพยายามบีบให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมตาม
 
นี่แหละครับเรื่องไม่เป็นเรื่องทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาได้ วงการลูกหนังเมืองมะกะโรนีเป็นอย่างนี้จริงๆ
โฆษณา