29 พ.ค. 2020 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง "ท้าวหิรัญพนาสูร" จากอสูรป่าสู่เทพารักษ์ประจำรัชกาลที่ 6
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวหรือรัชกาลที่ 6 ว่ากันว่าพระองค์ทรงมีสัมผัสเร้นลับที่สามารถมองเห็นคนตายได้ โดยเฉพาะเหล่าโอปปะติกะหรือพวกวิญญาณ เทวดา อสูรกายต่างๆ
ครั้งหนึ่ง คุณพระมหาเทพกษัตรสมุห (เนื่อง สาคริก) เคยเล่าถึงประสบการณ์การเจอวิญญาณของรัชกาลที่ 6 ในหนังสือวชิราวุธานุสรณ์สาร ปีที่ 2 ฉบับที่ 11 มกราคม 2525 ว่าพระองค์เคยทอดพระเนตรเห็นผีมาบ่อยนัก อย่างตอนเสด็จพระราชดำเนินซ้อมรบเสือป่าที่พระราชวังสนามจันทร์ก็เคยมีวิญญาณมาปรากฎให้เห็น
หรือในช่วงสิ้นพระชนน์ของพระบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ รัชกาลที่ 6 ทรงเคยเห็นวิญญาณทหารองครักษ์มาปรากฎให้พระองค์เห็นอยู่เหมือนกัน
โดยขณะนั้นทรงประทับอยู่พระที่นั่งอุดร และเตรียมไปพระราชทานน้ำสรงพระศพ
1
พระองค์เดินทางย้ายจากพระที่นั่งอุดรเพื่อไปยังพระที่นั่งอัมพร แต่ในวันนั้นทรงเสด็จไปเพียงลำพัง ไม่มีใครตามเสด็จด้วย
3
ระหว่างทางเดินรัชการที่ 6 ทรงทอดพระเนตรเห็นนายพันโทจมื่นฤทธ์รณจักร (กรับ โฆษะโยธิน) ผู้บังคับการทหารรักษาวัง และเป็นราชองครักษ์เวรยืนเฝ้าถวายการเคารพอยู่ พระองค์ทรงนึกในใจว่าทำไมราชองครักษ์คนนี้ไม่ไปยืนเฝ้าพระที่นั่งอัมพร มายืนมาเฝ้าอยู่ที่นี่ทำไม
ในขณะนั้นเอง พระองค์ทรงนึกขึ้นได้ว่า หรือราชองครักษ์คนนี้จะมาคอยเฝ้าถวายหนังสือ เพราะอาจมีเรื่องถวายกราบบังคมทูลเฉพาะพระองค์ก็ได้
แต่พอรัชกาลที่ 6 ทรงมองไปที่ราชองครักษ์คนนั้นแล้ว ก็ไม่เห็นถวายหนังสือหรือกราบบังคมทูลอะไร มิหนำซ้ำยังแต่งตัวผิดใส่ชุดเต็มยศใหญ่ ทั้งๆที่วันนี้มีหมายการให้แต่งเต็มยศขาว
ครั้นพระองค์จะทรงทักว่าแต่งตัวผิดก็กลัวว่าจะสร้างความตกใจ พระองค์จึงเสด็จขึ้นรถโดยไม่ได้ทักทายต่อนายพันโทจมื่นฤทธิ์รณจักรเลย
หลังจากรัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานน้ำสรงพระศพกรมพระนเรศวรฤทธิ์เสร็จสิ้นแล้ว จึงประทับในรถส่วนพระองค์ เพื่อเดินทางกลับตำหนักพระที่นั่งอุดร
พอมาถึง พระองค์เห็นดอกไม้ธูปเทียนและซองหนังสือถวายบังคมทูลลาตายตั้งอยู่อย่างน่าแปลกใจ จึงทรงหยิบซองหนังสือขึ้นเพื่อเปิดดู โดยพบกระดาษที่เขียนข้อความไว้ว่า
1
"ดอกไม้ธูปเทียนของข้าพระพุทธเจ้า นายพันโทจมื่นฤทธิ์รณจักร (กรับ โฆษะโยธิน) ขอพระราชทานกราบบังคมลาถึงแก่กรรม ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ"
เมื่อพระองค์ทรงอ่านแล้วเห็นดังนี้ จึงรู้ได้ทันทีว่า แท้จริงแล้วเป็นวิญญาณนายพันโทจมื่นฤทธิ์รณจักร ที่แต่งตัวเต็มยศใหญ่เพื่อมาถวายบังคมลาตายนี่เอง
เรื่องราวลี้ลับของรัชกาลที่ 6 ได้รับการบันทึกโดยขุนนางในวังไว้พอสมควร และยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมาก แต่เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดที่พระองค์ทรงพบเจอ คือเหตุการณ์ที่ข้าราชบริพารเห็นอสูรในป่าเมื่อคราวเสด็จประพาสในป่าลึกของมณฑลพายัพ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วง ร.ศ.126 หรือปีพ.ศ.2449 เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร โดยครั้งนั้นทรงพาข้าราชบริพารและขุนนางชั้นผู้ใหญ่เข้าเดินทางไปพักในป่าลึกแถบมณฑลพายัพ
1
ในตอนนั้นมณทลพายัพเป็นบริเวณภาคเหนือของไทย ไม่ปรากฎเส้นทางถนนการจราจรให้เห็นแบบทุกวันนี้ ทุกสถานที่ล้วนเต็มไปด้วยต้นไม้ทึบและความเงียบสงัด สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้ติดตามอยู่ไม่น้อย ประกอบกับความเชื่อเรื่องภูติผีในป่ายิ่งสร้างความหวาดระแวงแก่ข้าราชบริพารเป็นอันมาก
3
ซึ่งในขณะนั้นเองผู้ติดตามหลายคนก็มีอาการป่วยไข้ป่าอยู่หลายราย เหตุการณ์เหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นลางไม่ดีนัก ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 จึงทรงตรัสเพื่อคลายกังวลแก่บุคคลเหล่านั้นว่า
"ธรรมดาเจ้าใหญ่นายโตจะเสด็จฯ ณ ที่แห่งใด ก็จะมีเทวดา ปีศาจฤาอสูรอันเป็นสัมมาทิฐิ คอยติดตามป้องกันภยันตรายทั้งพระองค์และบริวาร อย่าได้ให้ผู้หนึ่งผู้ใดวิตกเลย"
3
เมื่อพระองค์ทรงรับสั่งดังนั้น ข้าราชบริพารก็พากันคลายความกังวล อุ่นใจมากขึ้น
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อในคืนนั้นเองมีผู้ติดตามเสด็จท่านหนึ่งฝันเห็นอสูรป่าที่มีรูปร่างใหญ่โต ล่ำสัน บอกว่าตนชื่อ "หิรัญ" จะมาขอตามเสด็จล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 และจะคอยดูแลไม่ให้ภยันตรายมากล้ำกรายท่านได้"
เช้าวันต่อมา ผู้ติดตามท่านนั้นนำเรื่องที่ตนฝันไปกราบทูลให้รัชกาลที่ 6 ทราบ พอพระองค์ได้ฟังดังนั้น จึงรับสั่งให้จัดธูปเทียนและทรงโปรดแบ่งเครื่องเสวยของพระองค์ไปไว้ริมพลับพลาแก่อสูรที่ว่าด้วย
3
และไม่น่าเชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ข้าราชบริพารผู้ติดตามพระองค์จากที่ป่วยเป็นไข้ป่าต่างพากันอันตธารหายจากโรคร้าย และเดินทางได้ราบรื่นไม่มีติดขัดอย่างน่าอัศจรรย์
1
พอถึงคราวเสด็จประพาสป่าครั้งต่อๆ มา เหล่าผู้ติดตามจึงอัญเชิญอสูรตนนั้นให้คอยตามไปปกปักษ์รักษาด้วย และปรากฎว่าข้าราชบริพารมักเห็นคนรูปร่างสูงใหญ่ในอิริยาบถนั่งบ้าง ยืนบ้าง คอยตามขบวนเสด็จในป่าอยู่ตลอดเวลา
3
ครั้นเมื่อถึงปีพ.ศ.2453 พระองค์เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ จึงทรงมีพระกระแสรับสั่งให้สร้างรูปปั้นจำลองท้าวหิรัญพนาสูรขนาดความสูง 20 เซนติเมตร จำนวน 4 องค์และนำไปสถิตฐานตามที่ต่างๆ ได้แก่
- องค์แรก ให้ตั้งที่ข้างพระแท่นบรรทมของรัชกาลที่ 6
- องค์ที่สอง พระราชทานแก่พระยาอนิรุทธเทวา โดยให้ตั้งอยู่บนกำแพงในบ้านบรรทมสินธุ์ (ปัจจุบันคือทำเนียบรัฐบาล)
- องค์ที่สาม ให้นำไปไว้หน้ารถยนต์พระที่นั่ง ยี่ห้อโอเปิ้ล
- องค์ที่สี่ พระราชทานให้กรมมหาดเล็กหลวง แล้วนำมาไว้ที่พระที่นั่งราชกรัณยสภา
รวมไปถึงการจัดให้มีเครื่องสังเวยทุกวัน โดยนำอาหารจากสำหรับต้นของพระองค์เองมาถวายแก่ท้าวหิรัญพนาสูร
นอกจากนี้ ในปีพ.ศ.2465 หลังจากพระราชวังพญาไทสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระองค์ได้รับสั่งให้ใช้ทองสัมฤทธิ์หล่อรูปท้าวหิรัญพนาสูรขนาดใหญ่ ในลักษณะถือไม้เท้า สวมชฎาเทริดโบราณ เพื่อให้เป็นที่สถิตประจำของท้าวหิรัญพนาสูร
โดยมีพระยาอาทรธรศิลป์ (ม.ล.ช่วง กุญชร) เป็นผู้ดูแลงานสร้าง และให้มิสเตอร์แกลเลตตี นายช่างสิบหมู่ชาวอิตาเลี่ยนที่ทำงานในกรมศิลปากรมาเป็นผู้หล่อ
ในระหว่างที่หล่อเสร็จและกำลังเคลื่อนย้ายส่วนต่างๆ ไปประกอบ ขณะนั้นมิสเตอร์แกลเลตตี ได้ใช้รอกผูกเชือกเพื่อดึงคอท้าวหิรัญพนาสูรขึ้นไป แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดแก่นายช่างชาวอิตาเลี่ยนคนนี้จนได้
1
เพราะอยู่ๆ มิสเตอร์แกลเลตตีกลับมีอาการคอเคล็ดโดยไม่ทราบสาเหตุ!!
พระยาอาทรธรศิลป์ ในฐานะผู้ดูแลงานจึงเดินทางไปเยี่ยม และสอบถามเรื่องราวทั้งหมดแก่มิสเตอร์แกลเลตตีว่าเกิดอะไรขึ้น
นายช่างอิตาเลี่ยนจึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระยาอาทรธรฟังว่า ตนได้ใช้รอกผูกเชือกไว้ที่คอรูปหล่อท้าวหิรัญพนาสูรเพื่อดึงขึ้นไปประกอบ แต่แล้วก็เกิดอาการคอเคล็ดขึ้น
พอพระยาอาทรธรได้ฟังดังนั้น ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเกิดอาเพศแก่นายช่างอิตาเลียนผู้นี้เสียแล้ว จึงได้แนะนำให้ไปขอขมาแก่ท้าวหิรัญพนาสูรเสีย
หลังจากนั้น มิสเตอร์แกลเลตตีจึงนำดอกไม้ ธูป เทียนไปขอขมา และไม่น่าเชื่อว่าอาการคอเคล็ดที่เกิดขึ้นในตอนแรกก็ได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์
เรื่องราวของท้าวหิรัญพนาสูรที่สำแดงฤทธิ์ในวังมีมากมาย แม้แต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าออศคาร์นุทิศ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ ก็เคยประสบพบเจอเรื่องแปลกประหลาดมาเช่นเดียวกัน
โดยครั้งหนึ่ง ในสมัยแผ่นดินของรัชกาลที่ 7 กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ได้กราบบังคมทูลขอรถยนต์พระที่นั่งมาใช้คันหนึ่ง
รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดให้รถยนต์แก่กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ไป โดยรถคันนั้นเคยเป็นรถพระที่นั่งของรัชกาลที่ 6 ซึ่งมีรูปท้าวหิรัญพนาสูรติดอยู่ด้วย
1
กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ ได้ขับรถคันนั้นออกไปสี่แยกถนนหลานหลวงแล้วนำรถไปเก็บไว้ในโรงรถที่วัง
พอถึงเวลากลางคืน ปรากฎว่ามีเสียงดังกึกๆกักๆ ในโรงรถ อีกทั้งอยู่ๆ ก็มีแสงไฟสว่างขึ้นมาเอง
กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์เห็นท่าไม่ดี จึงเรียกคนไปช่วยกันดู พอไปถึงก็ต้องตกใจ เพราะรถถูกจอดในสภาพขวางโรง ทั้งๆที่ตอนแรกไม่ได้จอดอยู่ในลักษณะนี้
เช้าวันต่อมา กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ไปขอขมาท้าวหิรัญพนาสูร และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าใช้รถคันดังกล่าวอีกเลย
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องราวส่วนหนึ่งของอสูรที่รัชกาลที่ 6 ทรงเลี้ยงเท่านั้น โดยปัจจุบันเราสามารถไปไหว้สักการะเคารพท้าวหิรัญพนาสูรได้ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเมื่อปี 2553 ก็ได้มีการบวงสรวงรูปหล่อท้าวหิรัญพนาสูรที่ครบ รอบ 100 ปี ด้วย
โดยเชื่อกันว่าสามารถขอให้หายจากอาการเจ็บป่วยได้ ใครมีโอกาสลองไปแวะชมกันได้นะครับ
ส่วนใครมีความคิดเห็นอย่างไร สามารถแสดงความคิดเห็นกันได้อิสระเลยครับ
ปล.เรื่องราวบางส่วนนำมาเรียบเรียงใหม่จากเว็บไซต์ของพระราชวังพญาไทย โดยในแต่ละที่อาจมีข้อมูลแตกต่างกันไปบ้าง
โฆษณา