28 พ.ค. 2020 เวลา 23:09 • ปรัชญา
ความนิ่ง..คือทักษะชีวิต
"ยิ่งนิ่ง..ใจยิ่งมั่นคง"
3
เมื่อใดที่คนเรานิ่งได้ จึงเท่ากับการคลี่คลายเงื่อนปมแห่งความหลง จากการยึดติดในความคิดความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และสามารถเริ่มต้นสลัดทิ้งนิสัยสร้างทุกข์ จากกิเลสต่างๆลงได้เรื่อยๆ
ยิ่งคนเราถ้ามีความนิ่งมากขึ้นเท่าใด คลื่นลมปั่นให้ป่วนในใจ ที่เคยสร้างความสั่นกระเพื่อมให้เกิดคลื่นลมกระจายเป็นวงกระทบสู่ภายนอกก็ย่อมจะลดน้อยลง
ความนิ่ง ถือเป็นทักษะการจัดการชั้นเลิศ ที่ผู้นำที่ดีพึงมีไว้ติดตัว เสมือนเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพเหนือขีปนาวุธใดๆในโลก
ความนิ่งเงียบ..สร้างพลังชีวิต
ความนิ่งในที่นี้ ไม่ได้หมายความถึงความนิ่งจากภายนอก แต่เน้นที่การสร้างความนิ่งที่เกิดขึ้นภายในตนเอง เป็นสำคัญ
ความนิ่งคือขีดความสามารถที่จะหยุดและยับยั้งสิ่งรบกวนในใจตนเอง ที่พยายามเข้ามาสร้างความสั่นสะเทือนให้ใจคนเราหวั่นไหวจนขุ่นและหมองมัว
ซึ่งล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวเราเอง ที่ยอมปล่อยความคิดความเชื่อบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เข้ามาครอบงำใจ
และยังมาจากการเพาะบ่มนิสัยสร้างทุกข์กังวลให้เกิดขึ้นเป็นอารมณ์ จากกิเลสตัณหา ราคะ โมหะ ที่คอยหาช่องจังหวะเข้ามากระตุ้นเร่งเร้าลวงล่อ ทุกวันเวลาให้คนเราหลงทาง
จะเห็นได้ว่าเมื่อคนเราขาดความนิ่ง คือนิ่งไม่เป็น ทุกสิ่งที่ได้มองเห็น และจากการสัมผัสรับรู้ ย่อมเต็มไปด้วยความมีอคติ ปิดกั้นใจให้จำกัด วนเวียนจนฟุ้งซ่านไปทั่วใจ
ชีวิตคนเราจึงขาดพลังแห่งความมีอิสระเสรีในการเรียนรู้เพื่อรับรู้สิ่งดีๆเพิ่มเติมเข้ามาในชีวิตได้
ดังนั้นในที่สุดคนเราจึงมักจะใช้การมองสิ่งต่างๆรอบตัวเพียงแค่ด้านเดียวบ่อยๆอย่างไม่รู้ตัว บางทีมองแง่ดีอย่างเดียวบ้าง บางครั้งก็มองเห็นแง่ร้ายได้เพียงด้านเดียว
จึงมักทำให้การมองของคนเรานั้น ไม่เข้าใจความจริงที่เป็นไปของสิ่งนั้น เราจึงไม่เห็นสิ่งดีในสิ่งไม่ดี และไม่เห็นสิ่งไม่ดีในสิ่งดี จึงพลาดโอกาสที่จะพัฒนาชีวิตที่ดีกว่า
เมื่อคนเรามีความนิ่งในใจตนเองมากเพียงใด ชีวิตของเราก็จะสามารถพลิกและคลิกชีวิตไปมาได้อย่างยืดหยุ่นคล่องแคล่ว และมีความพร้อมในการเผชิญกับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิผลสูงอย่างน่ามหัศจรรย์
เราจะมองเห็นสิ่งที่อาจจะไม่เคยเห็นแง่มุมของชีวิตเพิ่มขึ้นอีกมากมาย อย่างน้อยก็จะเห็นใน 7 ประการ ดังนี้คือ
1."ทุกสิ่งคือภาพสะท้อนมาจากตัวเราเอง "
2
เพราะตัวเรานั้นคือต้นเหตุของทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต และสภาพแวดล้อมของเราเอง
เมื่อใดที่เราคิด พูดและทำเช่นไร เราย่อมได้รับผลสะท้อนกลับคืนมาจากสิ่งที่เราได้คิดพูดและทำเสมอ ดั่งการหว่านเมล็ดพันธุ์พืชเช่นไร ก็ย่อมจะได้ผลตามนั้นมาเสมอ
2."ทุกความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความล้มเหลวในชีวิต "
เพราะทั้งหมดคือบทเรียนที่มีคุณค่าซึ่งอาจเกิดจากการขาดความลุ่มลึกและละเอียดรอบคอบอย่างเพียงพอ
บทเรียนที่มาจากความผิดพลาด เหล่านั้นต้องการสื่อสารบอกให้คนเรารู้ว่า มต้องฝึกฝนให้ชำนาญ พร้อมเผชิญหน้า เพื่อสามารถสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า
3."ปัญหาที่ซ้ำๆเข้ามาหาไม่จบสิ้น นั่นเป็นเพราะเรายังไม่เข้าใจและยังแก้โจทย์ที่เป็นเหตุรากฐานไม่ได้ "
ชีวิตจึงถูกตัดเกรดว่ายังไม่ผ่านที่จะก้าวไปต่ออีกระดับหนึ่งได้ จึงต้องพบกับการทดสอบซ้ำย้อนเวียนมาใหม่อีกครั้งจนกว่าจะทำได้
หลังจากผ่านไปได้แล้ว ก็จะส่งปัญหาใหม่มาเป็นแบบทดสอบที่เข้มข้นยิ่งขึ้นเพื่อยกระดับความแกร่งในชีวิตให้เราต่อไป
4."การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด "
3
เพราะทุกสิ่งที่เรียนรู้นั้นมีมากมายสุดประมาณได้จึงไม่มีขอบเขตจำกัด "Unlimited"
ดุจดั่งมีเพียงแต่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ปลายทางไม่มี การเรียนรู้จึงจำเป็นต้องใช้ความนิ่งหมั่นเรียนรู้ที่ละขั้น ไม่เร่งรีบ ลัดขั้นตอน หาทางลัด
1
5."ไม่ว่าอนาคตจะเป็นไปเช่นไร ขึ้นอยู่กับตัวเราเองในวันนี้ "
ดังนั้นการที่คนเราได้ตัดสินใจวางตน วางใจ เพื่อตอบสนองต่อแรงกระตุ้นเร้าที่เข้ามาได้ดีเช่นไร
ไม่ว่าสิ่งใดที่ตัดสินใจต่อต้าน สิ่งใดหลีกหนี หรือสิ่งใดผ่อนปรน ล้วนย่อมส่งผลตามไปสู่อนาคตทั้งสิ้น
6."ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น และพอใจในสิ่งที่เราทำ และพอเพียงในสิ่งที่เรามี "
เมื่อใดที่เราเปิดใจรับทุกสิ่งด้วยมุมมองอย่างไร้อคติ เราจะพบสิ่งที่เป็นความจริงในความเป็นตัวของเราเอง
เราจะรักในสิ่งที่เราทำอย่างมีความสุข ไม่ดิ้นรนไปแสวงหา ว่าที่อื่นดีกว่าที่ตนเองมี
แต่เราจะสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งที่เรามี และสิ่งแวดล้อมทั้งหมดที่ตัวเราให้เป็นกลายเป็นแหล่งสร้างความสุขที่มั่นคง และดีเหนือกว่าที่อื่นใดในโลกใบนี้
7."คำตอบของชีวิตนั้นล้วนอยู่ในตัวเราเองทั้งสิ้น"
เมื่อใดที่เรามีสติรู้ตัวในตนเอง ว่าเราทำอะไรและไม่ทำอะไร สิ่งใดดีและสิ่งใดไม่ดี เราจะมีความสงบนิ่งและสามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง ไปตามเส้นทางความฝันตามความจริงและความดีงามได้ด้วยตัวเรา
เพราะทุกคำตอบต่อคำถามในชีวิตนั้นล้วนอยู่ที่จิตและใจของเราเองเท่านั้น ไม่ได้อยู่ไกลไปถึงที่ไหนเลย
ในที่สุดเมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะรู้ว่าทักษะความนิ่งของคนเรานั้นจะเป็นตัวช่วยให้คนเราสามารถพัฒนาความมีสติรู้อย่างมีสมาธิ สามารถแยกแยะสิ่งที่เข้ามารบกวนความขุ่นมัวข้างในตัวเราได้อย่างชัดเจน
ยิ่งจิตนิ่งยิ่งมองเห็นแสงสว่างแห่งปัญญา จึงรู้วิธีการที่จะเลือกพฤติกรรมการแสดงออกไปสู่ภายนอกได้อย่างสง่าผ่าเผยเยือกเย็น อบอุ่นและอ่อนโยน
เมื่อนั้นทุกสิ่งย่อมพบสันตินำความสุขให้เกิดขึ้นตามมาได้อย่าง ไร้ความกลัว ความไม่กล้า จึงทำให้คนเราสัมผัสรู้ถึงความมีอิสระเสรีอันล้ำค่า..สะท้อนไปสู่สังคมให้ปราศจากความรุนแรงและสร้างความปั่นป่วน..ได้อีกต่อไป..
แม้ไม่มีใครนิ่ง..แต่ใจเรานิ่ง เราย่อมสงบสุขได้ที่ใจเราเองก็เกินพอแล้ว....LL&L29/5/63
โฆษณา