29 พ.ค. 2020 เวลา 12:53 • ครอบครัว & เด็ก
ปัญหามีอยู่ว่า "ลูกน้อยติดโทรศัพท์"
พิมมี่ โดยตกหลุมรัก
ท้องแรกของฉัน มีพี่เลี้ยงคนสำคัญ 2 คนทันที
อันที่จริงแล้วก็ไม่เชิงว่าฉันเพิ่งจะมาศึกษาพี่เลี้ยง 2 คนนี้เมื่อตอนที่ฉันเริ่มท้องหรอกค่ะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า
น้องที่ออฟฟิศเธอมีลูกสาว 1 คน อายุประมาณ 5-6 ขวบ ฉันเห็นสาวน้อยคนนี้ตั้งแต่เธออายุได้ประมาณ 4 ขวบ แม่ของเธอก็พามาที่ออฟฟิศบ่อยๆโดยเฉพาะช่วงเวลาปิดเทอมฉันก็จะเจอหนูน้อยบ่อยขึ้น
สิ่งที่ฉันสังเกตเห็นทุกวันและแทบจะทั้งวันคือ หนูน้อยเธอจะนอนบนที่นอนเล็กๆข้างโต๊ะทำงานของแม่ และดูคลิปวีดีโอจากช่อง Youtube จากจอโทรศัพท์มือถือตั้งแต่เช้า 9 โมง - เที่ยง จากนั้นก็ทานข้าว ตอนบ่ายกลับมาก็ดูต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง แม่ของหนูน้อยก็จะบอกให้นอนกลางวันได้แล้ว 4 โมงเย็นแม่จะปลุกให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ระหว่างรอกลับบ้าน 1 ชั่วโมง จากนี้ก็ดู Youtube ต่อจนถึง 5 โมงเย็น นี่คือสิ่งที่ฉันเฝ้าสังเกตเห็นเฉพาะที่ออฟฟิศเท่านั้นนะ
1
การจ้องดูจอโทรศัพท์ของหนูน้อยในระยะห่างไม่ถึง 25 ซม. เพ่งดูอยู่อย่างนั้น ขนาดฉันนั่งอ่านบทความ 1 ชม. จากจอมือถือ ฉันก็รู้สึกว่าปวดที่ลูกตามากเหลือเกิน ก็เลยแอบๆพูดเล่น อยากให้แม่ของเด็กฉุกคิดว่า "หนูดูโทรศัพท์ทั้งวันเลยไม่ปวดตาบ้างเลยเหรอลูก"
บางวันฉันก็ลองเอากระดาษวาดรูปกับดินสอสีไปให้เด็กน้อยเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง แต่ก็ช่วยได้แค่ไม่ถึง 30 นาที เธอก็กลับลงไปนอนดู Youtube ที่เธอโปรดปราณอีกอยู่ดี
สิ่งที่ฉันสังเกตเห็นข้อต่อมาคือ เวลาที่แม่ของเธอพูดด้วยขณะที่เธอกำลังดู Youtube กว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา มันก็เลยเวลาไปหลายนาทีแล้ว ฉันชักไม่แน่ใจว่านี่คืออาการสมาธิสั้นหรือสมาธิยาวของหนูน้อยกันแน่
อีกข้อ หนูน้อยเธอไม่ค่อยมีสัมพันธ์กับคนในออฟฟิศ ถามไม่ตอบ ให้ของไม่กล้ารับ ไม่กล้าสบตา แม้ว่าเธอจะมีอาการว่าอยากได้อย่างเห็นได้ชัด แม้เราจะเจอหน้ากันมา เป็นเวลา 2 ปีแล้วก็ตาม
ฉันเคยอ่านเจอบทความหนึ่งเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา พ่อแม่ที่ต้องมารักษาผ่าตัดดวงตาให้ลูกน้อย เนื่องจากพิษของแสงสีฟ้าจากจอโทรศัพท์มือถือทำให้ลูกของพวกเขากำลังจะตาบอด ฉันก็ชักจะเป็นห่วงเด็กน้อยคนนี้แล้วสิ ก็เลยเตือนๆไปบ้าง แต่ฉันจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเดิมๆ
ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นปัญหาสำหรับแม่ของเด็กน้อยหรือป่าว เพราะว่ายัยหนูแกก็ไม่กวนแม่เลยถ้าแกมีโทรศัพท์มือถือข้างกาย แต่มันดันเป็นปัญหาใหญ่และกรณีศึกษาสำหรับฉัน ฉันจะต้องทำอย่างไร ฉันจะเลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ให้เป็นแบบน้องคนนี้ล่ะ นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังเตรียมรับมือทันทีที่รู้ว่าฉันกำลังจะมีเจ้าตัวเล็ก
พี่อีกคนมีลูกชายวัย 10 ขวบ เขามักจะมาเล่าถึงความทุกให้ฟังเสมอว่า ลูกติดโทรศัพท์มาก กว่าจะนอนได้ก็ เที่ยงคืนตีหนึ่งเข้าไปแล้ว ตื่นอีกทีก็ สายๆบ่ายๆ ก็ช่วงโควิดระบาดแบบนี้ โรงเรียนก็ปิดเทอมนานเข้าไปอีก
ฉันรู้สึกตกใจ เฮ้ย!พี่ ช่วงเวลาเที่ยงคืน ถึงตีหนึ่งนี้มันคือช่วงที่ร่างกายต้องการพักผ่อนนอนหลับสนิทแบบหลับลึกเพื่อผลิต Growth Hormone เป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกายเด็ก กว่าจะหลับลึกได้ก็สัก 1 ชม. ร่างกายจึงผลิต Growth Hormone และกว่าจะตื่นก็เท่ากับว่าอาหารเช้าไม่ได้กินแน่นอน
พี่แกก็ดูกังวลอยู่ไม่น้อยแต่ปัญหาคือเด็กมันติดไปแล้วจะทำอย่างไรดี
เอาหละเรื่องแก้ไขลูกติดโทรศัพท์มือถือ ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เขาต่อไป เราก็คงแนะนำได้บ้างเผื่ออะไรๆจะดีขึ้น พูดมากไปเขาก็จะพาลว่าเราไปตำหนิเขาอีก แต่ถ้าจะปรึกษากันยินดีอย่างยิ่ง ฉันก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ฉันพูดเตือนๆออกไปเขาจะได้คิดขึ้นมาบ้าง
1
ทีนี้ก็มาที่ปัญหาของเราแล้วล่ะสิ วางแผนการเลี้ยงลูกตั้งแต่ตอนนี้ ตั้งแต่ลูกยังไม่คลอด ในเมื่อเรามีกรณีศึกษาทางด้านไม่ดีในความรู้สึกเราแล้ว ก็ถือว่าเราโชคดี ต่อมาก็หากรณีศึกษาด้านที่ดีที่จะเป็นแนวทางให้เราได้ต่อ ซึ่งมันช่วยให้ฉันคลายกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มากเลยทีเดียว
อย่าให้ต้องรู้สึกว่า "ใช้โทรศัพท์เลี้ยงลูกเลย" ก็จริงที่ฉันเองก็นึกตำหนิพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบนี้อยู่ในใจเหมือนกัน
ส่งท้าย ความจำเป็นและเหตุผลของคนแต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่การวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ คงจะช่วยให้ฉันกำจัดความจำเป็นและเหตุผลแย่ๆออกไปได้ 🤔
เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันพอจะมีแนวทางในการป้องกันปัญหานี้แล้วล่ะค่ะ 😊
พิมมี่ โดยตกหลุมรัก
โฆษณา