31 พ.ค. 2020 เวลา 10:16 • ปรัชญา
*คำเตือน* โพสต์นี้ของผมอาจมีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ เรื่อง "Joy เธอสู้เพื่อฝัน" ถ้าหากใครยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ หรือ "เกิดสนใจที่อยากจะดูหนังเรื่องนี้ขึ้นมา" และคิดอยากจะดูขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ขอให้เชิญไปดูหนังเรื่องนี้ก่อนก็ได้ครับ หรือ ถ้าใครอยากรู้ว่าตัวหนังมันเป็นยังไงเดี๋ยวผมทิ้งลิงค์ตัวอย่างภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ไว้ให้ด้านล่างนะครับ *ทางเราไม่ได้มีสปอนเซอร์จากภาพยนตร์เรื่องนี้แต่อย่างใด* (ไม่ได้โปรโมทนะ) "จะดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้" ไม่ว่ากันครับ ขอบคุณครับ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้มันมีข้อคิดที่วิเศษมากๆเลย ก็อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวดีๆจากหนังเรื่องนี้ ให้กับทุกๆคนครับ ขอบคุณครับ
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกๆท่านด้วยนะครับ ประจำวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษาภาคม 2563 อีกไม่นานโรงหนังก็จะเปิดแล้ว ก็ขอให้ทุกคนอดใจรอกันอีกสักนิดนะครับ อีกแค่อึดใจเดียวเท่านั้นก็จะได้ดูหนังที่พวกเราอยากจะดูกันแล้วในโรงภาพยนตร์ และพอถึงตอนนั้นก็ขอให้ทุกคนอย่าได้ประมาทสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งนะครับ และที่สำคัญอย่าลืมล้างมือโดยใช้เจลแอลกอฮอล์ หรือถ้าใครไม่มีก็ไม่เป็นไรใช้สบู่ก็ได้ครับ อย่างน้อยก็ทำความสะอาดมือได้เหมือนกันนะ เอาล่ะครับผม เนื่องในโอกาสโรงภาพยนตร์ใกล้จะเปิดในวันพรุ่งนี้แล้ว ผมมีหนังอยู่เรื่องนึงครับ ในอดีตหนังเรื่องนี้ผมได้ดูกับเพื่อนๆที่โรงเรียนกับคุณครู (ช่วงก่อนโควิด) ในตอนนั้นคุณครูเปิดหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะว่ามีงานให้ทำหลังจากนั้น นั่นก็คือ"ให้นักเรียนเขียนสรุปเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้หลังจากที่ได้ดูจบแล้ว" โดยในตอนนั้นนะครับ ผมรู้สึกเบื่อมากแล้วที่สำคัญ(ง่วงนอน) มากด้วยและยิ่งเปิดแอร์เย็นๆสบายๆ พร้อมด้วยปิดไฟควบคู่ไปกับตอนนั้นหลังพักเที่ยงพอกินข้าวเสร็จ มันทำให้เกิดอาการรู้สึกง่วงนอนขึ้นมา(ไม่ใช่แค่ผม) มีคนอื่นด้วยที่เป็นเหมือนผม จากนั้นพอถึงเวลาดูหนังผลปรากฎว่า "ดูรู้เรื่องบ้าง ดูไม่รู้เรื่องบ้าง" แต่สุดท้ายพวกเราก็ดูหนังเรื่องนี้ด้วยกันจนจบ (แต่) ถึงครูจะบอกว่านี้เป็นงาน(เดี่ยว)ก็ตาม สุดท้ายพวกเราในห้องก็ช่วยกันอยู่ดีครับ หลังจากนั้นไม่นานเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเกิดไวรัสระบาดขึ้น และจนถึงตอนนี้โรงเรียนก็ยังคงปิดอยู่ครับ และพอผมอยู่ที่บ้านมันทำให้ผมมีเวลาทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมครับว่า เราผ่านอะไรมาบ้างและในวันหนึ่งในเศษเสี้ยวของความทรงจำของผมเกิดนึกถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมา จากนั้นผมก็ลองไปเซิร์ทหาเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ดูแล้วปรากฎว่า มันเป็นหนังที่มีบทเรียนสำคัญ สำหรับคนที่มีความใฝ่ฝันที่คิดอยากจะเป็นอะไรก็ตามที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งมันก็มีบทเรียนของชีวิตที่แอบแฝงอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย หลังจากนั้นผมก็คิดกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง(แค่เสี้ยวเดียวนะ) เท่านั้นแหละครับมันทำให้ผมรู้สึกว่าในตอนนั้นที่ผมดูหนังเรื่องนี้ที่โรงเรียนผมได้พลาด "เมสเสจ"ที่สำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ไปครับ
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ กล่าวถึง"จอย" นำแสดงโดย "เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์"นะครับ แล้ว(ที่สำคัญ)เรื่องนี้ได้อิงจาก"เรื่องจริง"จากผู้หญิงที่มีชื่อเดียวกันกับในเรื่อง ก็คือ "Joy Mangano" โดยในเรื่องนี้นะครับ"จอย" เป็นเด็กที่มีความสามารถมาตั้งแต่เด็กๆครับ เกี่ยวกับการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ และจอยเธอมีความใฝ่ฝัน"ที่อยากจะสร้างสรรค์สิ่งของสักชิ้นนึงขึ้นมา เพื่อให้คนทั่วโลกได้ใช้ในสิ่งที่เธอสร้างมันขึ้นมา" โดยในวัยเด็กของจอยนะครับ ไม่ค่อยที่จะมีความสุขมากเท่าไรนัก เธอมี"ปม"(เกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่) "ที่ต้องหย่าร้างกันตั้งแต่ตอนที่เธอเป็นเด็ก" โดยมีคนที่เธอรักนะครับคือผู้ที่ค่อยเป็นผู้"ค้ำจุนจิตใจ"ของจอยในตอนเป็นเด็กจวบจนถึงตอนโตนะครับ ก็คือ"คุณยาย" ของจอยนั่นเองครับ (รวมถึง) เพื่อนสนิทตอนเด็ก กับ พี่สาวต่างแม่ นั่นเอง โดยเวลาล่วงเลยผ่านไปเมื่อจอยโตกลายเป็น"วัยรุ่น" (ตรงนี้)คือเป็นจุด"ที่ทำใหชีวิตของจอยคาดเคลือนอีกครั้ง" โดยมันจะส่งผลระยะยาวต่อจอยในภายหลัง แน่นอนครับว่าเมื่อเป็น"วัยรุ่น"จอยเธอเองก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่อยากจะไปงานปาร์ตี้สักครั้งนึงในชีวิตของเธอ โดยคืนนึงเพื่อนของจอยได้ชักชวนให้ไปงานปาร์ตี้นี้ครับ แน่นอนครับว่า จอยเธอตอบ"ตกลง"และพอไปถึงงานปาร์ตี้ ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เธอวาดฝันไว้ไม่ว่าจะเป็น "เสียงเพลง, เสียงดนตรีและอาหาร" และที่ร้ายที่สุดก็คือ"การเต้นรำ"นั่นเองครับ แน่นอนครับว่าจะเต้นรำได้มันก็ต้องมี"คู่" จริงไหมล่ะครับ? ในวินาทีนั้นเองจอยได้ไปสะดุดตากับ"หนุ่ม"คนนึงที่กำลังยืนร้องเพลงให้คนอื่นฟังอยู่ในงาน อย่างมีความสุขในตอนนั้นจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ มันเหมือนมีแรงดึงดูดบ้างอย่างที่ทำให้ทั้งสองเข้าหากัน สุดท้ายทั้งสองคนก็ได้เต้นรำด้วยกันในคืนนั้นจนเวลาต่อมาก็ตกลงปงใจที่จะ"แต่งงาน"ด้วยกัน พอเวลาผ่านไปไม่นานจอยเธอก็ได้ตั้งท้องมีลูกกับชายคนนั้น (แต่) พอเวลาผ่านไปไม่นานจอยก็เริ่มที่จะรู้ว่า"สามี"ของเธอไม่ค่อยช่วยเธอทำมาหากินสักเท่าไรนัก เค้าพยายามจะไปสมัครตามบริษัทต่างๆแล้ว แต่ก็ตกงานทุกรอบแถมอาชีพการร้องเพลงของเค้าก็เริ่มที่จะทำเงินไม่ค่อยได้ (บ้างที)บ้างวันอาจจะมีเรื่องเจ็บตัวกลับมาอีกด้วย
"จนสุดท้ายทั้งสองคนทะเลาะกัน และแน่นอนมันไม่ใช่สิ่งที่จอยไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย" นั่นก็คือ (การหย่าร้าง)นั้นเอง หลังจากหย่าร้างกันไม่นาน(ความตลกของเรื่องนี้) ก็คือ "เค้ากลับยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไป" (ถ้าให้ผมเดาคงไม่มีที่จะไปและขออาศัยอยู่ไปก่อนจนกว่าจะหาเงินได้) และได้อาศัยอยู่ใต้ห้องใต้ดินของบ้าน หนำซ้ำพ่อของจอยก็กลับมาเพราะว่าได้เลิกกับแฟนคนล่าสุดของเค้า และจำเป็นจะต้องอาศัยอยู่ร่วมกับแฟนเก่าของเธอ(ที่สำคัญ) พอมาถึงบ้านก็ได้ทะเลาะกับแม่เป็นยกใหญ่
ในตอนนี้ชีวิตของจอยกลับดูเลวร้ายไปซะหมดจนทำให้เธอได้(ลืมตัวตนของเธอไปว่า"เคยชอบอะไร และอยากที่จะเป็นอะไร" จนในที่สุดวันหนึ่งฟ้าก็เล่นตลกกับเธออีกครั้ง! เมื่อพ่อของจอยได้เจอเนื้อคู่ใหม่และเธอคนนั้นได้เชิญครอบครัวไปนั่งเรือเล่นกัน (แต่) ต้องห้ามนำไวน์แดงขึ้นไปบนเรือโดยเด็ดขาด! แต่สามีเก่าของจอยได้ร่วมไปกับการเดินเรือในครั้งนี้(และที่สำคัญ) เค้าได้นำไวน์แดงมาด้วย จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ด้วยความที่ว่าหมอนี้(เป็นนักร้องเพลง) และทำให้เจ้าของเรือประทับใจ ท้ายที่สุดก็อนุญาติให้นำไวน์แดงขึ้นมาบนเรือได้ซะอย่างงั้น? และแน่นอนอุบัติเหตุก็เกิดขึ้น! มีใครบ้างคนในเรือได้ทำไวน์แดงตกลงบนพื้น ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของจอยต้องเป็นคนทำความสะอาด และด้วยความที่ใช้มือเปล่าๆ ประกอบด้วยใช้ผ้าบิดเศษแก้ว มันจึงทำให้มือของจอยเกิดบาดแผลขึ้นที่มือของเธอ!! หลังจากวันนั้นในหัวของจอยได้หมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์นี้ (และ)ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเองหลายอย่างในหัว จนสุดท้ายจอยก็ได้กินยาและได้เผลอหลับไป (และในที่สุดก็นึกออกว่า) "ตัวตนของเธอคืออะไร" สุดท้ายเธอก็ปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นจากวังวนของความทุกข์นี้ และจู่ๆก็มาพร้อมด้วยไอเดียในการสร้างสรรค์ผลงานของเธอ นั่นก็คือ"ไม้ม็อบถูพื้นอเนกประสงค์" หลังจากนั้นเส้นทางแห่งโชคชะตาของจอยก็ได้เริ่มต้นขึ้น "ขอแค่อย่าลืมฝัน ทุกอย่างก็ยังไม่สาย" ปัจจุบัน(ตัวบุคคลในชีวิตจริง) คุณ "Joy Mangano"เป็นนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันและผู้ประกอบการหลายใหญ่ รู้จักกันดีในการประดิษฐ์ของ ไม้ม็อบถูพื้น หรือ Miracle mop อเนกประสงค์ ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งเราจะผิดพลาด หรือ ลืมสิ่งสำคัญเกี่ยวกับตัวเองไปก็ตาม (แต่) มีเพียงอย่างเดียวที่เราจะลืมไม่ได้เลยนั้นก็คือ "ครอบครัว" เพราะ ครอบครัวถือว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในการผลักดันเรา ให้ไปถึงฝั่งฝันครับ และไม่ใช่เพียงแค่ครอบครัวเท่านั้นที่สำคัญ บ้างที่ความผิดพลาดหรือความบังเอิญก็อาจจะจุดประกายให้กับเราก็ได้ครับ บวกกับถ้าเรายังมีความฝันหรือยังมีเศษเสี้ยวความหวังๆเล็ก (พร้อมพรแสวง)เท่านี้ก็หน้าจะพอแล้วละครับ
เครดิตโปรแกรมภาพทำโพสต์: Canva
เครดิตภาพประกอบทำโพสต์: Internet
เครดิตแหล่งข้อมูล: ภาพยนตร์เรื่อง Joy เธอสู้เพื่อฝัน, https://youtu.be/co0HRFseBJo (ข้อมูลของหนัง)
ตัวอย่างภาพยนตร์: https://youtu.be/_QZsNPf1Wlo
เครดิตที่มาของโพสต์นี้: Joy เธอสู้เพื่อฝัน
ปล. "ขอแค่อย่าลืมฝัน ทุกอย่างก็ยังไม่สาย" วลีนี้ของผมนะครับ ไม่ได้ ได้มาจากในหนังนะ ><

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา