Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Gulike
•
ติดตาม
30 พ.ค. 2020 เวลา 17:00 • ประวัติศาสตร์
กวนอู ขุนศึกแห่งความสัตย์ซื่อ กับข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์
เชื่อว่าทุกๆคนที่อ่านสามก๊ก คงจะรู้จักกับกวนอูเทพเจ้าสงครามผู้หยิ่งทรนงผู้นี้เป็นอย่างดี ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักรบที่เก่งที่สุดคนนึงในยุคสมัยสามก๊ก ชายผู้ได้ชื่อว่าถูกยกย่องจากชาวจีนในภายหลังว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความสัตย์ซื่อผู้นี้ แง่มุมในวรรณกรรมที่ประพันธ์โดยหลอกว้านจงนั้น ได้บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยอดขุนพลผู้นี้ไปพอสมควรเลยทีเดียว
เก่งกาจเป็นอันดับต้นๆของเกมอิงประวัติศาสตร์ นี่แหล่ะกวนอู
โดยวันนี้ เราจะมาพูดเรื่องข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของกวนอู เทพเจ้าแห่งความสัตย์ซื่อผู้นี้กัน
1.คำสาบานของสามพี่น้องในสวนดอกท้อ...ในฉบับนิยายของหลอกว้านจงนั้น ได้บรรยายถึงการสาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ในสวนดอกท้อเอาไว้อย่างละเอียด.... หากแต่ในประวัติศาสตร์จริงนั้น ทั้งสามคนไม่ได้มีพิธีสาบานในสวนดอกท้อแต่อย่างใด แค่พบเจอกันครั้งแรกแล้วดื่มสุราถูกคอ จึงคบหากันเพียงเท่านั้น เนื่องจากกวนอูและเตียวหุยนอนเตียงเดียวกันกับเล่าปี่ดุจดังพี่น้องกันจริงๆ จึงเป็นที่มาของการประพันธ์เรื่องคำสาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบานของสามพี่น้องในเวลาต่อมา
1
2.กวนอู(Guan yu) หรือกวนอวี่นั้นแปลว่าปีกนกครับ ชื่อรองหยุนฉาง(Yun Chang)หรือหุนเตี๋ยงนั้นแปลว่า"ยั่งยืนยาวดุจเมฆา" หากแต่ชื่อเดิมนั้นคือฉางเซิ่ง(Chang sheng)หรือเตี๋ยเช็งนั้นแปลว่าอายุยืนยาวไม่แก่ไม่ตาย นั่นคือกวนอูนั้นได้เปลี่ยนชื่อรองของตนเองเสียใหม่ให้พ้องความหมายกับชื่อเดิมนั่นเอง เหตุที่กวนอูต้องเปลี่ยนชื่อรองนั้น นั่นก็เพราะในช่วงวัยรุ่นกวนอูได้ก่อคดีฆ่าคนตายและหนีความผิดทำตนเป็นจอมยุทธพเนจร จึงเปลี่ยนชื่อเสียเพื่อหนีคดี(คล้ายๆกับเคสชีซีที่เปลี่ยนชื่อเป็นตันฮกนั่นแหล่ะ) จนมาพบกับเล่าปี่และเตียวหุยนั่นเอง
3.มีบางที่เคยวิเคราะห์เอาไว้ ว่าง้าวนิลนาคะของกวนอูนั้น หนักเพียงแค่18กิโลกรัมเท่านั้น หาใช่41-49กิโลกรัมตามที่อ้างอิงในนิยายไม่ อันนี้มาจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของมาตราชั่งตวงน้ำหนักของในยุคนั้นกับยุคปัจุบันนั่นเอง
4.หากแต่...ในการวิเคราะห์ภายหลังนั้น ในยุคสมัยของสามก๊กนั้นยังไม่มีการใช้อาวุธประเภทง้าวเสี้ยวจันทร์ครับ อาวุธชนิดนี้ถูกใช้ในการแสดงเท่านั้น ในหนังสือ “อู่เป้ยจื้อ” (ประมวลยุทธการ) บรรพยวดยานและอาวุธ” บันทึกไว้ว่า “ง้าวเสี้ยวจันทร์ใช้ฝึกซ้อมแสดงอานุภาพ ไม่ใช้ในสมรภูมิจริง” ในหนังสือ “ซันไฉถูฮุ่ย-สามสมรรถประกอบภาพ” ซึ่งมีภาพประกอบสมบูรณ์ ง้าวจันทร์เสี้ยวมีลูกกระพรวนคล้องประดับอยู่สองลูก เห็นชัดว่าไม่ใช่อาวุธที่ใช้ในการรบจริงแต่ใช้ในการแสดง และในบันทึกของราชวงศ์ถังเรื่องกวีนิพนธ์บท “ส่งเกาหยวนไว่กลับจิงโจวที่ศาลกวนอู” ในรวมกวีนิพนธ์สมัยถัง บทที่ 248 ของหลางจวินโจ้ว กวีสมัยราชวงศ์ถัง มีข้อความว่า “ขุนพลสง่ามีราศี กล้าหาญลบอดีตและปัจจุบัน ควบม้าผ่านร้อยสมรภูมิกระบี่เดียวสู้คนได้นับหมื่น”
และในสมัยราชวงศหยวนมีบันทึกเรื่อง“ฉงเจี้ยนเมี่ยวจี้ (สร้างศาลใหม่อีกครั้ง)” ของห่าวจิง คนสมัยราชวงศ์หยวนกล่าวถึงกวนอูว่า “โผนม้าตัดหัวข้าศึกกลางไพร่พลนับหมื่น ได้รับป้ายทองและบรรดาศักดิ์ด้วยฝีมือตนเอง ควงดาบเขียนหนังสือลาแล้วจากโจโฉไป มีความสง่าของวีรชนแห่งชาติเป็นอมตะตลอดมา” จะเห็นว่าในสมัยถังและหยวนนั้นยังไม่มีอาวุธประเภทง้าวเสี้ยวจันทร์เลย ดังนั้นอาวุธของกวนอูที่แท้จริงน่าจะเป็นกระบี่หรือดาบเสียมากกว่า ยิ่งในสมัยสามก๊กนั้น ขุนพลผู้เลื่องชื่อคนอื่นๆก็ไม่ได้มีการบันทึกเรื่องการใช้อาวุธประเภทง้าวเลยด้วยยิ่งสนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้ โดยเฉพาะในบท“พงศาวดารสามก๊ก ภาคจ๊กก๊ก บทประวัติกวนอู” ก็มีบันทึกว่า “อ้วนเสี้ยวส่งทหารเอกชื่องันเหลียงไปโจมตีเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองตังกุ๋นที่อำเภอเป๊กหม่า โจโฉให้เตียวเลี้ยวกับกวนอูเป็นทัพหน้าไปรับศึก กวนอูเห็นธงและสัปทนรถของงันเหลียงก็โผนม้าเข้าไปแทงงันเหลียงตายท่ามกลางทหารมากมาย แล้วตัดหัวกลับมา ทหารอ้วนเสี้ยวมิอาจรับมือได้ อำเภอเป๊กหม่าจึงพ้นจากวงล้อม” บันทึกประวัติศาสตร์ตอนนี้บอกว่ากวนอูแทงงันเหลียงตาย แสดงว่าอาวุธที่ใช้มิใช่ง้าว ควรจะเป็นทวน หอก หรือกระบี่ เพราะง้าวใช้ฟันมิได้ใช้แทงนั่นเอง จึงคาดว่าการใช้ง้าวของกวนอู เป็นการแต่งเติมขึ้นมาในภายหลัง เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของกวนอูเพียงเท่านั้น
5.เหตุการณ์ที่กวนอูสังหารฮัวหยง... ในบทประพันธ์นั้น กวนอูได้อาสาตัดหัวของฮัวหยงในครั้งเมื่อเล่าปี่ติดตามกองซุนจ้านเข้าร่วมกับทัพพันธมิตรปราบตั๋งโต๊ะ แต่ในข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์นั้น จากจดหมายเหตุสามก๊กในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น กวนอูยังอยู่กับเล่าปี่ในอำเภอเล็กๆอย่างอันห้อกวนอยู่เลย ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกับที่เล่าปี่เฆี่ยนตีต๊กอิ๋วนั่นแหล่ะ ในความจริงนั้นช่วงนี้เล่าปี่ยังไม่ได้เข้าร่วมกับทัพพันธมิตรปราบตั๋งโต๊ะแต่อย่างใด ดังนั่นคนฆ่าฮัวหยงไม่ใช่กวนอูครับ แต่เป็นขุนศึกเลื่องชื่อแห่งกังตั๋ง เจ้าเมืองเตียงสา ซุนเกี๋ยนนั่นเอง
6.สัญญาสามประการของกวนอูกับโจโฉ... ในศึกที่โจโฉเข้าตีชิงซีจิ๋วคืนจากเล่าปี่ ทั้งสามพี่น้องต่างหนีพลัดพรากกันไปคนละทิศละทาง กวนอูถูกทัพโจโฉล้อมไว้ที่เนินเขาแห่งนึง โจโฉส่งเตียวเลี้ยวไปเกลี้ยกล่อมเพื่อให้กวนอูเข้าร่วมด้วย ซึ่งตามบทประพันธ์นั้นกวนอูขอสัญญาสามข้อจากโจโฉ นั่นคือ ข้อแรกเขาถือว่าเขาคือข้ารับใช้พระเจ้าเหี้ยนเต้หาใช่ข้ารับใช้ของโจโฉไม่ ข้อสองต้องรับประกันความปลอดภัยของพี่สะใภ้ทั้งสองคือนางบิฮูหยินและนางกำฮูหยินมิให้ใครทำอันตราย(โจโฉนั้นมีชื่อเรื่องความเจ้าชู้หื่นกามอยู่ไม่น้อยครับ และสมัยนั้นมีธรรมเนียมที่ว่าผู้รบชนะสามารถทำอย่างไรกับครอบครัวลูกเมียของผู้แพ้ก็ได้ แปลว่าฮูหยินสองนางของเล่าปี่ก็คงงดงามไม่น้อยแหล่ะ) ข้อสาม หากรู้ว่าเล่าปี่ยังมีชีวิตอยู่ในที่ใด กวนอูจะไปหาทันที ห้ามมิให้โจโฉขัดขวาง ซึ่งโจโฉรับปากกวนอูทั้งสามข้อ กวนอูจึงยอมแพ้แก่โจโฉแต่โดยดี.... แต่ในข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์นั้น ในจดหมายเหตุสามก๊ก บทชีวประวัติกวนอู ได้ระบุว่า เล่าปี่เข้าตีแคว้นชีจิ๋วอย่างฉับพลันไม่ให้กีเหมาทันตั้งตัวแล้วสังหารกีเหมา จากนั้นจึงให้กวนอูไปรักษาเมืองแห้ฝือ ส่วนตัวเล่าปี่ไปรักษาเมืองเสียวพ่าย ในปี ค.ศ. 200 โจโฉนำทัพเข้าตีเล่าปี่แตกพ่าย เล่าปี่หนีไปพึ่งอ้วนเสี้ยว ส่วนกวนอูถูกทหารโจโฉจับตัวได้แล้วถูกนำตัวไปเมืองฮูโต๋ โจโฉตั้งให้กวนอูเป็นขุนพลเพียนเจียงจวิน และปฏิบัติต่อกวนอูอย่างดี ไม่มีการกล่าวถึงการยอมจำนนของกวนอู รวมถึงเรื่องที่กวนอูเสนอเงื่อนไขสามข้อในการยอมจำนนแต่อย่างใด
7.เหตุการณ์การสังหารงันเหลียงและบุนทิว.... ในบทประพันธ์นั้น เมื่อกวนอูมาอยู่กับโจโฉ ในสมรภูมิศึกที่กัวต๋อก็ได้ออกรบด้วย และสังหารสองขุนพลสำคัญของอ้วนเสี้ยว นั่นคืองันเหลียงกับบุนทิวได้.... แต่ในทางบันทึกประวัติศาสตร์นั้นในจดหมายเหตุสามก๊ก บทชีวประวัติกวนอู ได้ระบุไว้ว่าอ้วนเสี้ยวสั่งให้งันเหลียงยกทัพไปล้อมเล่าเอี๋ยนขุนพลฝ่ายโจโฉที่แปะแบ๊ โจโฉจึงส่งเตียวเลี้ยวและกวนอูให้นำทัพหน้าไปโจมตีงันเหลียง ระหว่างการรบกวนอูได้สังเกตเห็นงันเหลียงจึงบุกฝ่าทหารงันเหลียงเข้าไปถึงตัวงันเหลียงแล้วสังหาร จากนั้นจึงตัดศีรษะงันเหลียงกลับมา ขุนพลของอ้วนเสี้ยวคนอื่นไม่อาจต้านทานได้ กวนอูสลายการล้อมที่แปะเบ๊ได้สำเร็จ
ส่วนในบทชีวประวัติอ้วนเสี้ยวของ จดหมายเหตุสามก๊ก ได้ระบุไว้ว่า หลังงันเหลียงตาย ทหารอ้วนเสี้ยวนำโดยเล่าปี่และบุนทิวได้ข้ามแม่น้ำฮองโหมาที่ด้านใต้ของตำบลเหยียนจิน แล้วถูกทหารโจโฉโจมตีแตกพ่าย บุนทิวถูกสังหารในการรบ แต่ไม่ได้ระบุว่าถูกสังหารโดยกวนอูแต่อย่างใด
8.เรื่องกวนอูฝ่าน5ด่านลาโจโฉ... ในบทประพันธ์นั้น กวนอูเมื่อทราบข่าวของเล่าปี่ จึงคิดอำลาโจโฉไปหาเล่าปี่ แต่โจโฉแกล้งทำเป็นไม่สบายไม่ให้เข้าพบ กวนอูจึงทิ้งสิ่งของสมบัติที่โจโฉมอบให้รวมทั้งตราตำแหน่งของตนเองเอาไว้ พร้อมทั้งเขียนจดหมายร่ำลาโจโฉทิ้งไว้ด้วย ก่อนจะเป็นเหตุการณ์ที่กวนอูฝ่าห้าด่านของโจโฉอันเลื่องลือนั่นเอง.... แต่ในข้อเท็จจริงจากประวัติศาสตร์นั้น ในจดหมายเหตุสามก๊ก บทชีวประวัติกวนอู มีการบันทึกถึงเรื่องที่กวนอูลาจากโจโฉไป รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่กวนอูจะจากไป แต่ไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กวนอูฝ่าห้าด่าน รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวนายด่านทั้งหกคน (ขงสิ้ว ฮันฮก เบงทัน เปี๋ยนฮี อองเซ็ก และจินกี๋) ก็ไม่มีการกล่าวถึงแต่อย่างใด
9.เหตุการณ์การสังหารซัวหยงที่เก๋าเสีย.... ในบทประพันธ์นั้น กวนอูเดินทางต่อมาหลังจากฝ่าห้าด่านจนมาพบกับเตียวหุยที่เก๋าเซีย เตียวหุยกล่าวหาว่ากวนอูทรยศต่อคำสาบานต่อพี่น้อง จึงจะเข้าต่อสู้กับกวนอู แม้ว่าภรรยาของเล่าปี่จะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง ประจวบกับตอนนั้นซัวหยงยกทัพมาเพื่อจะล้างแค้นกวนอูที่ฆ่าจินกี๋ผู้เป็นหลานพอดี กวนอูจึงชักม้าออกไปสังหารซัวหยงเพื่อพิสูจน์ตนเองต่อเตียวหุยนั่นเอง..... แต่ในประวัติศาสตร์นั้น ในจดหมายเหตุสามก๊ก บทชีวประวัติเล่าปี่ ได้ระบุว่าอ้วนเสี้ยวส่งเล่าปี่ไปเมืองยีหลำเพื่อเกลี้ยกล่อมหัวหน้ากลุ่มโจรชื่อก๋งเต๋าให้มาเป็นพวก โจโฉได้ส่งซัวหยงไปโจมตี ซัวหยงได้ถูกเล่าปี่ฆ่าในศึกครั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกวนอูเลย
10.เหตุการณ์ที่กวนอูปล่อยโจโฉที่ช่องแคบฮัวหยง... หลังจากที่พ่ายศึกเซ็กเพ็กแล้ว ขงเบ้งคาดการณ์ว่าโจโฉจะหลบหนีมาทางช่องแคบฮัวหยง จึงต้องหาคนไปดักทัพโจโฉไว้ ซึ่งกวนอูขออาสาเป็นผู้ทำงานนี้เอง แต่ขงเบ้งกลัวว่ากวนอูจะนึกถึงบุญคุญที่โจโฉเคยมีให้เมื่อครั้งเก่าก่อน จนปล่อยโจโฉไป กวนอูจึงให้สัตย์สัญญาไว้ว่า ถ้าเขาปล่อยโจโฉไปขอให้ตัดศีรษะเขาเสีย(ขงเบ้งก็ทำสัญญาตรงนี้เช่นกัน ว่าถ้าโจโฉไม่ผ่านมาทางนี้ตามที่คาด เขาจะให้ตัดศีรษะเช่นกัน) สุดท้ายกวนอูก็ปล่อยโจโฉไปจริงๆ และขงเบ้งก็จะสั่งประหารกวนอูจริงๆเช่นกัน เพียงแต่เล่าปี่ขอร้องไว้เท่านั้น..... เหตุการณ์นี้กลับไม่ถูกกล่าวถึงใน จดหมายเหตุสามก๊กแต่อย่างใด คาดว่าเป็นเรื่องที่แต่งเสริมขึ้นภายหลัง ในจดหมายเหตุ ชานหยางกงไจ้จี้ ได้บันทึกไว้ว่าหลังโจโฉพ่ายแพ้ในศึกเซ็กเพ็ก ได้ถอยทัพพร้อมทหารที่เหลือรอดผ่านเส้นทางฮัวหยง ตลอดเส้นทางมีหล่มโคลนเดินทางลำบาก โจโฉจึงสั่งให้ทหารที่อ่อนแอนำฟางและหญ้ามาถมหล่มโคลนให้ทหารม้าผ่านไปได้ ทหารเหล่านี้ถูกม้าเหยียบจมโคลนตายไปหลายนาย เมื่อโจโฉผ่านสถานการณ์วิกฤตนี้มาได้ก็มีความยินดี ขุนพลทั้งหลายจึงถามโจโฉว่าเหตุใดจึงยินดี โจโฉตอบว่า "แม้เล่าปี่จะเทียบได้กับข้าแต่มิอาจคิดการได้ไวเท่า หากเล่าปี่จุดไฟสกัดทางไว้เร็วกว่านี้ข้าก็จะหมดทางหนี" ฝ่ายเล่าปี่นั้นก็คิดการจะจุดเพลิงตามที่โจโฉคาดไว้แต่กระทำการช้าไปเพราะโจโฉหนีไปได้แล้ว
11.กวนอูไปร่วมกินโต๊ะเจรจาแบ่งเมืองเกงจิ๋วกับโลซก....ในบทประพันธ์นั้น กวนอูยอมรับคำเชิญจากฝ่ายกังตั๋ง ยอมไปร่วมกินโต๊ะจัดเลี้ยงของฝ่ายกังตั๋ง โดยมีจิวฉ่องถือง้าวมังกรเขียว(หรือง้าวนิลนาคะ)ติดตามไปแค่คนเดียวเท่านั้น โดยฉากหลังนั้นทางกังตั๋งวางกำลังเอาไว้เพื่อสังหารกวนอู มีลิบองและกำเหลงเป็นหัวหอก หากแต่กวนอูแสร้งทำเป็นเมาสุราและจับโลซกเป็นตัวประกัน ล่าถอยไปขึ้นเรือแล้วจึงปล่อยโลซกไป เหตุการณ์นี้เป็นการแสดงความกล้าห้าวหาญของกวนอูนั่นเอง.... แต่ในประวัติศาสตร์นั้น จดหมายเหตุสามก๊กระบุว่ากวนอูและโลซกได้เจรจากันเรื่องการแบ่งดินแดนของแคว้นเกงจิ๋ว ระหว่างการเจรจา ทั้งสองฝ่ายมีทหารตั้งมั่นอยู่ห่างจากสถานที่เจรจากว่าร้อยก้าว ขุนพลของแต่ละฝ่ายที่ร่วมในสถานที่เจรจาล้วนถืออาวุธ
12.ฮัวโต๋รักษาแขนให้กับกวนอู... ในสมรภูมิอ้วนเสียนั้น กวนอูโดนเกาทัณฑ์อาบยาพิษเข้าที่แขนได้รับบาดเจ็บ ในคราวนั้นฮัวโต๋ได้มาที่ค่ายของกวนอูและเสนอจะรักษาให้ กวนอูได้แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง ด้วยการให้ฮัวโต๋ผ่าแขนได้เลยโดยไม่ต้องรมยาสลบแต่อย่างใด เขาขอแค่ดื่มสุราแล้วให้ฮัวโต๋ผ่าแขนทั้งอย่างนั้นเลย... แต่ในข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์นั้น ในจดหมายเหตุสามก๊ก บทชีวประวัติฮัวโต๋ไม่ได้ระบุปีที่ฮัวโต๋เสียชีวิต แต่สามารถอนุมานได้ว่าฮัวโต๋เสียชีวิตก่อนปี ค.ศ. 208 (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การตายของโจโฉ) ศึกอ้วนเซียเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 219 คือ 11 ปีหลังจากปี ค.ศ. 208 ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฮัวโต๋จะมารักษาแขนของกวนอู อย่างไรก็ดี ในจดหมายเหตุสามก๊ก บทชีวประวัติกวนอูมีการบันทึกถึงเรื่องที่หมอคนหนึ่งผ่าตัดแขนของกวนอู แต่หมอคนนั้นไม่ใช่ฮัวโต๋ แถมเรื่องดื่มสุราขณะผ่าแขนก็ไม่น่าเป็นไปได้ตามหลักการแพทย์อีกด้วย(เพราะสุราจะเข้าไปทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น มีเลือดสูบฉีดมากขึ้น ซึ่งในขณะผ่าตัดอาจทำให้เลือดออกจนตายได้ สมัยนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีถ่ายเลือดด้วย)
13.การฆ่าลิบองจากอิทธิฤทธิปิศาจกวนอู..... ภายหลังจากยึดครองเกงจิ๋วและสามารถสังหารกวนอูจึงถือว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ซุนกวนได้จัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะแก่ลิบองและขุนพลอื่นๆ แต่จู่ๆลิบองได้ลุกขึ้นมาด่าว่าซุนกวน แท้ที่จริงแล้วถูกอสุรกายกวนอูที่ตายแล้วเข้าสิง หลังจากนั้นลิบองก็กระอักเลือดจนเสียชีวิตกลางงานเลี้ยง.... แต่ในจดหมายเหตุสามก๊กนั้น ระบุเอาไว้เพียงแค่ว่า ลิบองนั้นล้มป่วย และเสียชีวิตอย่างสงบ เพียงเท่านี้
14.ตำราที่กวนอูชอบอ่าน.... ในเรื่องนั้นจะมีการกล่าวถึงว่ากวนอูชอบอ่านตำราอยู่เป็นประจำ ซึ่งตำราที่ว่านี้หาใช่นวลนางหรืออะจึ๋ยสวรรค์รำไรแต่อย่างใด(555)แต่เป็นตำราประวัติศาสตร์ยุคชุนชิว อันเป็นตำราที่นิยมกว้างขวางในสมัยนั้น ในจดหมายเหตุสามก๊กก็มีอ้างอิงถึงเรื่องนี้ ในเชิงอรรถของเผยซงจือได้มีบันทึกเอาไว้ว่า"กวนอูนั้นชอบอ่านตำราประวัติศาสตร์ยุคชุนชิว จนสามารถท่องจำได้อย่างคล่องแคล่ว" ซึ่งชุนชิวเป็นคัมภีร์สำคัญของลัทธิหยู คนในสมัยฮั่นยุคสามก๊กนิยมอ่านกันมาก บันฑิตและขุนนางหลายๆคนสามารถท่องจำตำรานี้ได้อย่างแม่นยำ ในตำรากล่าวถึงบันทึกการทำสงคราม ชีวะประวัติของบุคคลสำคัญในยุคนั้น หลักปรัชญา วิถีการดำเนินชีวิต หลักปฏิบัติและวิธีคิดต่างๆ จัดว่าเป็นตำราที่แพร่หลายมาก อันเป็นที่นิยมของปัญญาชนในยุคนั้น(เหมือนเรานิยมอ่านสามก๊กในยุคนี้นั่นแหล่ะ) ซึ่งภาพลักษณ์ตรงนี้ถูกนำมาทำรูปสักการะองค์เทพเจ้ากวนอูในปางอ่านตำรากันเลยทีเดียว อันจะประกอบด้วยลักษณะอ่านตำราและง้าว สื่อถึงว่ากวนอูนั้นเก่งทั้งบู๊และบุ๋นนั่นเอง
15.การยกย่องให้กวนอูเป็นเทพเจ้าแห่งความสัตย์ซื่อ..... เดิมทีนั้น คนจีนมิได้นับถือกวนอูในฐานะเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ครับ เดิมนั้นตำแหน่งนี้เป็นของงักฮุย(ที่คู่กับเปาบุ้นจิ้นที่เป็นเทพเจ้าแห่งความยุติธรรม) แต่เมื่อครั้งมาถึงช่วงราชวงศ์ชิงหรือราชวงศ์แมนจู อันเป็นคนนอกด่านเข้ามาปกครองแผ่นดิน การยกย่องงักฮุยอันเป็นผู้ต่อต้านชนนอกด่าน(สมัยนั้นงักฮุยต่อต้านราชวงศ์เหลียวอันเป็นพวกนอกด่าน)มันก็ดูแสลงใจไปสักหน่อย จึงเปลี่ยนค่านิยมให้ยกกวนอูขึ้นเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์แทน เพื่อลดแรงต้านในค่านิยมต่อต้านชนนอกด่านของชาวจีนดั่งเดิมนั่นเอง
จบแล้ว... นี่คือความคิดเห็นส่วนตัว ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยเอาไว้ด้วยครับ
2 บันทึก
6
2
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย