30 พ.ค. 2020 เวลา 17:26 • กีฬา
เมื่อโรคของโลกมันร้าย....ก็เอาแชมป์ไปเลย!!!!
ฟุตบอลในยุค"โรค"ครอง"โลก"ยังต้องลุ้นกันแบบ"วันต่อวัน" และมาถึงวันนี้นี่ยังลุ้นกันแบบ"ชั่วโมงต่อชั่วโมง"ด้วยซ้ำไป
แต่ขอยกตัวอย่างฟุตบอลรอบโลก มาให้ได้ทราบกันว่า เมื่อเกิดปัญหา"แข่งไม่จบ"
แล้วชีวิตเจ้าจะเอาอย่างไรกันต่อไป?!?!?!?............
เคยมีเคสตัวอย่างเกิดขึ้นมาในปีที่แล้ว เมื่อซีซั่นแข่งไม่จบ และล่าสุดก็คือ ซีซั่นนี้เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน แต่เป็นลีกที่ห่างไกลจากสายตาของแฟนฟุตบอลอย่างเราท่าน
นั่นคือที่ประเทศชิลี กับ ที่ประเทศเอล ซัลวาดอร์
เริ่มจากเคสแรก ปีที่แล้วที่ชิลี......................
การแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่น 1 ของประเทศชิลี ประจำปี 2019 หรือ 2019 Chilean Primera Division ปีที่ 89 ของวงการลูกหนังประจำประเทศ
เกมออกสตาร์ทตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยระบบการแข่งขันมีทั้งหมด 16 ทีม แข่งแบบเหย้า-เยือน รวม 32 นัด แต่หลังจากผ่านไป 24 นัดต้องยุติการแข่งขัน
เมื่อมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น
ทั้งที่ ชิลี คือประเทศซึ่งได้ชื่อว่า “ดีที่สุด” ในอเมริกาใต้
เพราะในบรรดากลุ่มประเทศลาตินอเมริกานั้น ชิลีมีอัตรารายได้ประชากรต่อหัวสูงที่สุด ด้วยจำนวนประชากรราว 18 ล้านคน
ค่า GDP ในปี 2018 โดยเฉลี่ยโตราว3% อัตราเงินเฟ้อต่ำ ดัชนีคอร์รัปชั่นต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ในอเมริกาใต้ด้วยกัน รวมถึงรัฐบาลมีการจัดสวัสดิการด้านสาธารณสุขการศึกษา ระบบบำนาญให้กับประชาชนอย่างครบทุกภาคส่วน และเป็นเพียงประเทศเดียวในอเมริกาใต้ที่ถูกจัดอยู่ในสถานะประเทศพัฒนาแล้วของ OECD
แต่แล้วก็มีเหตุให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาประท้วงรัฐบาลจนได้!!!
ภาครัฐต้องการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน จาก 800 เปโซชิลี หรือ 34 บาท ไปเป็น 830 เปโซชิลี หรือ 35 บาท เท่านั้นเป็นเรื่องทันที!!!
4 เปอร์เซ็นต์ ที่ถูกเรียกเก็บ มันมีผลกระทบต่อประชาชน เพราะถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อในการเป็นประเทศที่เจริญที่สุดในลาตินอเมริกา แต่ก็เหมือนกับหลายแห่ง
ที่รวยกระจุก และจนกระจาย
มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูงมากๆ
หัวใจในการเดินทางของชิลี ในกรุงซานติอาโก เพราะมีระบบขนส่งรถไฟฟ้าที่ทันสมัยและครอบคลุมที่สุดในบรรดากลุ่มทวีปนี้ มีสถานีบริการถึง 136 สถานี ในระยะทางกว่า 140 กิโลเมตร
เหตุการณ์นี้ทำให้ นักศึกษา เป็นหัวหอกออกมาเดินขบวนประท้วง เมื่อ6 ตุลาคม 2019 แล้วก็บานปลายจนหยุดไม่อยู่ เกิดการรุนแรงไปในหลายพื้นที่และเริ่มลามจากเมืองหลวงไปตามหัวเมืองต่างๆ ทำให้รัฐบาลชิลีต้องประกาศภาวะฉุกเฉินภายในเมืองหลวง
ก่อนที่จะมีการลงประชามติเรื่องการปฏิรูปในที่สุด
ในเรื่องของฟุตบอล เมื่อมีการประท้วงหนักเกิดขึ้นลุกลามไปทั้งประเทศ ทำให้เกมต้องยุติลีกไปตั้งแต่มีการประท้วงในเดือนตุลาคม ซึ่งสมาคมฟุตบอลชิลี พยายามจะกลับมาเตะให้ได้แต่ก็ต้องล้มเหลว เนื่องจากความรุนแรงทางการเมือง
สุดท้ายในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2019 สภาประธานาธิบดี หรือ ANFP ของประเทศ ได้จัดให้มีการลงมติ ปรากฏว่ายูนิเวอร์ซิดัด คาโตลิก้า ทีมนำจ่าฝูงอยู่ในตอนนั้น ได้แชมป์ไปครองแบบใสสะอาด
ในตอนนั้น ยูนิเวอร์ซิดัด คาโตลิก้า เตะ24 นัด มีอยู่ 53 คะแนน มีคะแนนนำห่าง โคโล-โคโล่ ทีมอันดับ 2 อยู่ 13 คะแนน ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์สมัยที่ 14 มาครองแบบ “เตะไม่จบฤดูกาล”
พร้อมกันนี้ไม่มีการปรับให้ทีมใดตกชั้นโดยทีมบ๊วยตอนนั้นคือ ยูนิเวอร์ซิดัด เดอ คอนเซปซิโอน
........มาถึงเคสที่ 2 ในปีนี้ สดๆ ร้อนๆ ที่เอล ซัลวาดอร์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา.................
ในแผนที่ของฟุตบอล เอล ซัลวาดอร์จัดว่าเป็นประเทศที่แฟนบอลแทบไม่รู้จักนักบอลจากที่นี่นาทีนี้ใครคือซูเปอร์สตาร์ ตอบได้เลยว่า......ไม่มี!!!!
ประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มประเทศอเมริกากลาง มีพื้นที่ประมาณ 21,041 ตารางกิโลเมตร กับการเข้าไปเล่นในระดับใหญ่สุด ก็ต้องฟุตบอลโลก 2 สมัย ปี 1970 กับ 1982 พวกเขาไม่ชนะใครเลยทั้ง 6 เกม และแพ้ทุกนัด
แต่สิ่งที่พวกเขาแทรกตัวเข้าไปอยู่ใน “คัมภีร์ฟุตบอล” ก็คือ เป็นชาติที่มีสถิติแพ้ในรอบสุดท้ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก!!!
นั่นคือการแพ้ให้กับ “แมกยาร์” ฮังการี ถึง 1-10 ในเวิลด์คัพ 1982 ฉบับเอสปันญ่า
การแข่งขันในระดับประเทศ ชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ พรีเมร่า ดิวิชั่น เดอ เอล ซัลวาดอร์ (2019–20 Primera Division de El Salvador) มีทั้งหมด 12 ทีม ทุกทีมแข่งแบบพบกันหมดแบบเหย้า-เยือนเหมือนกับระบบทั่วโลก ปีหนึ่งจะต้องลงเล่นทีมละ 22 เกม
แต่หลังจากลงเล่นไปแค่ 11 นัด จบแมทช์เดย์ในวันที่ 9 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมาทุกอย่างก็ต้องยุติลงเพราะโคโรนาไวรัส หรือ โควิด-19
ในเวลานั้น ประเทศเอล ซัลวาดอร์ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพียงแค่ 1 รายเท่านั้น!!!
สุดท้าย รัฐบาลสั่งฟาดลงมาให้ยุติทุกสิ่งที่อย่าง ทำให้สมาคมลูกหนังก็ต้องน้อมรับและตัดสินใจที่จะเลือกเส้นทาง “ยุติการแข่งขัน”
พร้อมกับเลือกเส้นทางในการ “ตัดจบ”ณ เวลาที่แข่งขันในทันที!!!
กลายเป็นลีกแรกของโลกที่ทำแบบนี้ เพื่อหนีไวรัส
น่าสนใจก็คือ ตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของสโมสร อองซ์ เดปอร์ติโบ เดอ อาอัวชาปัน (Once Deportivo de Ahuachapan) สโมสรใหม่เอี่ยมถอดด้าม ได้ฉลองแชมป์ ทั้งที่เพิ่งก่อตั้งทีมมาไม่ถึง 8 เดือน!!!
อองซ์ เดปอร์ติโบ มีรากเหง้าเดิมสโมสร อองซ์ มูนิซิปาล ที่ยุบทีมไปเมื่อ 3 ปีก่อน พวกเขากลับมา “เป็นทีม” ได้อีกครั้ง หลังจากที่ พาซากีน่า เอฟซี(Club Deportivo Pasaquina Futbol Club) ไม่สามารถชำระหนี้ที่ค้างจ่ายได้ ทำให้สโมสรถูกริบใบอนุญาต และต้องขายสิทธิ์ให้กับทีมอื่นที่พร้อมกว่า
3 กรกฎาคม 2019 คือวันที่พาซากีน่า ต้องหลุดจากลีก จากนั้นลีก(พรีเมร่า) ก็ได้ให้ใบอนุญาตใหม่กับกลุ่มที่มีความพร้อม ซึ่งกลุ่มนั้นต้องการให้ทีมอยู่ในอาฮัวชาปัน
21 กรกฎาคม ทีมที่เข้ามาเติมเต็มการขาดหายไปของ พาซากีน่า ก็คือ อดีตอองซ์ มูนิซิปาล นั่นก็คือ อองซ์ เดปอร์ติโบ
หลังจากจบเกมนัดที่ 11 อองซ์เดปอร์ติโบ มีอยู่ 20 แต้ม เหนือทีมรองจ่าฝูงอย่าง เอล เวนเซดอร์ เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อประเทศสั่งให้ลีกตัดจบ
มืออาชีพก็คือมืออาชีพ ไม่ว่าลีกไหน เตะมาได้แค่ครึ่งเดียวก็ไม่โมฆะ หรือทำร้ายการเป็นมืออาชีพซึ่งกันและกัน
อองซ์ เดปอร์ติโบ จึงได้เป็นแชมป์ด้วยสถิติลงเตะ 11 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 3 และน่าจะเป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วยเพราะก่อตั้งทีมมาได้ไม่ครบ 8 เดือน
……ภาพตัดกันมาในวินาทีปัจจุบันลีกอื่นๆ ในทุกมุมโลกจะเป็นอย่างไรนั้น ยังถือว่าน่าสนใจ
ลีกในยุโรปโดยเฉพาะ พรีเมียร์ลีก มีออกมาไว้แต่ละวัน ทั้งจริงทั้งปลอม สุดท้ายก็ต้องรอดูว่า จะเตะได้หรือไม่เมื่อมีการซื้อเวลาเอาไว้อีก 1 เดือนนับจากนี้
ไม่รู้ว่า “เทวดา” ดูทิศทาง หรือ“ซาตาน” กำหนด
“โควิด” จะหมดแรง หรือเลือกจะมี “สปิริต” เดินจากไป สุดท้ายย้อนถามตัวเองว่า ตอนนี้
อะไร??สำคัญที่สุดกันแน่……………
บี แหลมสิงห์
โฆษณา