7 มิ.ย. 2020 เวลา 06:53 • ธุรกิจ
ช้าให้ชนะ 🐢......ตอนที่ 1/2
...เพราะเร็วกว่าใช่ว่าจะถึงเส้นชัยก่อนเสมอไป.....
ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากสถานการณ์โควิดแล้ว ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะอยู่ในความสนใจของพวกเรา...ก็คือข่าว "สายการบินแห่งชาติ" ที่เข้าสู่กระบวนการล้มละลายและแผนฟื้นฟู
ทำให้ชื่อของบุคคลท่านหนึ่งได้รับการกล่าวถึง ซึ่งก็คือ คุณอินาโมริ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้นั่นเอง
คุณอินาโมริ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทใหญ่อย่าง Kyocera และ KDDI แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ท่านได้รับเชิญจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้เข้าไปกอบกู้วิกฤติของเจแปนแอร์ไลน์ (JAL) ที่ล้มละลายและมีหนี้สินกว่าสองล้านล้านเยนจนสามารถกลับมามีกำไรได้ภายในระยะเวลาแค่สามปี ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์บริหารธุรกิจสายการบินมาก่อน (แถมไม่รับเงินเดือนในขณะดำรงตำแหน่ง CEO ของ JAL อีกด้วย)
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Kazuo_Inamori
*** สำหรับคนที่สนใจว่า คุณอินาโมริ ฟื้นฟู JAL ได้อย่างไร สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากสกู๊ปพิเศษที่ทางทีมข่าวไทยรัฐสรุปมาให้แล้วตามลิงก์ข้างล่าง
เราจะมาสำรวจความคิด และหลักการดำเนินชีวิตและธุรกิจของคุณอินาโมริ ที่ทำให้ท่านประสบความสำเร็จและได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งการบริหารของญี่ปุ่น" ผ่านหนังสือ "ช้าให้ชนะ" เล่มนี้กัน
ทบทวนความหมายของชีวิต
คุณอินาโมริบอกว่า เราอยู่ใน "ยุคแห่งความสับสนวุ่นวาย" ที่ถึงแม้จะมีเงินทองและวัตถุสิ่งของจำเป็นเพียบพร้อม แต่เราก็ยังรู้สึกเสมอว่าขาดอะไรไปบางอย่างไป
และนั่นก็คือ "หลักการในการดำเนินชีวิต"
เราควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า "เป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร?" เพื่อค้นหาหลักการในการดำเนินชีวิตที่เปรียบดั่ง "เข็มทิศที่เที่ยงตรง" ที่จะนำพาเราไปสู่จุดหมายของชีวิตได้
บุคลิกภาพ + หลักการ = ตัวตน
ตัวตนของเราประกอบขึ้นมาจากบุคลิกที่ติดตัวมา และหลักการที่เราได้รับจากบทเรียนต่างๆ ในชีวิต
ฉะนั้นการมีหลักการที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลักการที่ดีคือหลักการที่เรียบง่าย และมีศีลธรรม
สำหรับคุณอินาโมริแล้ว หลักการเหล่านั้น ได้แก่ "การไม่โกหก ไม่เบียดเบียนใคร ไม่โลภ และไม่เห็นแก่ตัว"
และเราทุกคนควรใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานนี้
คุณอินาโมริ มักจะแนะนำพนักงานในบริษัทอยู่เสมอว่า "จงใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความจริงใจ" ความหมายก็คือ การไม่เสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ ความจริงใจสามารถเปลี่ยนคนธรรมดาที่สุดให้กลายเป็นคนพิเศษได้ การทำงานไม่ได้เพียงแค่เพื่อเงิน แต่ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าความเป็นมนุษย์ในตัวเราด้วย
ชีวิตพลิก 180 องศา แค่เปลี่ยน "วิธีคิด"
สูตรสำเร็จเพื่อชีวิตที่ดีและมีความสุขของคุณอินาโมริ (ซึ่งมีความเรียบง่ายมาก) คือ
ผลลัพธ์ของชีวิตและการทำงาน =
ทัศนคติ x ความพยายาม x ความสามารถ
(สังเกตุว่าผลลัพธ์เกิดจาก "ผลคูณ" ไม่ใช่ "ผลบวก")
"ความสามารถ" คือ พรสวรรค์ สติปัญญา สุขภาพ และคุณสมบัติต่างๆ ที่เรามีมาตั้งแต่เกิด
"ความพยายาม" คือ สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง และสามารถควบคุมได้ โดยจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเรารักและทุ่มเทในสิ่งที่ทำมากแค่ไหน
** โดยความสามารถและความพยายามมีคะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 100
"ทัศนคติ" คือ ความรู้สึกนึกคิด แนวทางในการดำเนินชีวิต หลักการและความเชื่อส่วนบุคคล และมีคะแนนตั้งแต่ -100 ถึง 100
ทัศนคติ มีความสำคัญกับผลลัพธ์สุดท้ายมากที่สุด
ทัศนคติที่ดี (เป็นบวก) จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาทวีคูณ (ในทางบวก)
ในทางตรงกันข้าม ทัศนคติที่ไม่ดี (เป็นลบ) ก็ทำให้ผลของความสามารถและความพยายามออกมาแย่มากๆ (คูณด้วยลบจะยิ่งออกมาลบมาก)
ทัศนคติในแง่บวก คือ "การยึดมั่นในความถูกต้อง" ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของสามัญสำนึก (ที่ประกอบไปด้วย การมองโลกในแง่ดี การมีทัศนคติที่ดี ความกตัญญู ความร่าเริงแจ่มใส ความโอนอ่อนผ่อนตาม ความมีไมตรีจิต การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความมีน้ำใจ ความขยันหมั่นเพียร ความพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ความเสียสละ และการไม่ยึดติด)
ยกตัวอย่างคุณอินาโมริเอง ก็เคยเกือบไปเข้าแก๊งค์ยากูซ่า (เพราะมีทัศคติที่ไม่ดี) ในช่วงที่จบออกมาหางานทำไม่ได้เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นในตอนนั้นตกต่ำ แต่เมื่อฉุกคิดได้ (มีทัศนคติที่ดี) ทำให้คุณอินาโมริเลือกที่จะทำงานที่ถูกต้อง จนกลายมาเป็นสุดยอดผู้บริหารอย่างทุกวันนี้
กฎจักรวาล "คิดอย่างไรได้อย่างนั้น"
ความคิดนำไปสู่การกระทำ ความคิดของเราสร้างแรงผลักดันทำให้สิ่งที่คิดกลายเป็นจริง
เราจึงไม่ควรวาดภาพเชิงลบขึ้นมาในหัว เพราะสิ่งที่เราคิดจะกลายเป็นจริง และเป็นตัวกำหนดชีวิตของเรา
การคิดหาวิธีดำเนินชีวิตด้วยหัวใจสะอาดบริสุทธิ์ (ความคิดที่ดี) โดยเฉพาะการทำประโยชน์เพื่อคนอื่นจะสอดค้องกับ "เจตจำนงดั้งเดิม" ของจักรวาล
เมื่อเราดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับ "เจตจำนงแห่งจักรวาล" ที่เต็มไปด้วยความรัก ความจริงใจ และความกลมเกลียว มันจะนำพาเราไปบนเส้นทางของการเติบโตและพัฒนา
จักรวาลมีขุมทรัพย์ทางปัญญาซ่อนอยู่ที่จะช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจ และเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ เป็นคลังความรู้ที่เราสามารถค้นพบได้โดยการหลงใหลในสิ่งที่เราทำและทุ่มเทพยายามอย่างเต็มที่
จากสูตรชีวิตของคุณอินาโมริ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน และไม่ว่าเราจะมุมานะสักเพียงใด แต่ถ้าไม่มีทัศนคติ หลักการ ความเชื่อหรืออุดมการณ์ที่ถูกต้องนำทางชีวิต สุดท้ายเราก็จะสร้างหายนะ "ครั้งใหญ่" แก่โลกใบนี้ (อย่างเช่นปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เรากำลังเผชิญอยู่)
เราต้องนำหลักศีลธรรมขั้นพื้นฐานอย่าง ความอุตสาหะ ความจริงใจ ความมุ่งมั่น และความซื่อสัตย์ มาเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต เพื่อมองหาเส้นทางการดำเนินชีวิตที่ถูกที่ควร (ซึ่งคนญี่ปุ่นสมัยโบราณเรียกมันว่า "วิถีทางแห่งกษัตริย์")
การเปลี่ยนความปรารถนาให้กลายเป็นจริง
กฎของชีวิต "เราจะได้ในสิ่งที่เราขอ"
ชีวิตคือภาพสะท้อนของความคิด ผลลัพธ์ที่เราจดจ่อจะถูกดึงดูดเข้าหาเราโดยอัตโนมัติ หากหมั่นนึกถึงความคิดใดๆ ก็ตามอยู่ตลอด เราจะสามารถ "มองเห็น" ผลลัพธ์ของมันได้อย่างชัดเจน คุณอินาโมริจะนึกถึงสิ่งที่อยากทำและจัดลำดับขั้นตอนในการทำมันให้สำเร็จรวมไปถึงหนทางทั้งหมดที่เป็นไปได้ เปรียบเสมือนนักหมากรุกที่คำนวณการเดินหมากล่วงหน้าไว้เป็นหมื่นๆ แบบ
คุณอินาโมริบอกว่า เราควรพยายามจดจ่ออยู่กับเป้าหมายจนถึงขั้นที่สามารถนึกภาพขึ้นในหัวได้ เป้าหายที่มีภาพชัดเจนในหัวตั้งแต่แรกจะให้ผลลัพธ์ที่เฉียบคมจนบาดมือได้ ในทางตรงกันข้าม หากเราไม่สามารถนึกภาพเป้าหมายได้ชัดเจน ต่อให้เราทำสำเร็จผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะไม่เฉียบคม
สำหรับขั้นตอนในการเปลี่ยนความคิดให้กลายเป็นความจริง
1. เริ่มจากการมองโลกในแง่ดี (และรับฟังความคิดเห็นจากคนที่มองโลกในแง่ดีเหมือนกัน แทนที่จะรับฟังความคิดเห็นจากคนที่คอยวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เราทำอยู่)
2. แล้วจึงวางแผนด้วยการมองโลกในแง่ร้าย (เพื่อประเมินปัจจัยเสี่ยงอย่างรอบคอบ) และ
3. ลงมือทำด้วยการมองโลกในแง่ดี (มุ่งมั่นสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด)
คุณอินาโมริบอกให้เราเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ศักยภาพคือ "ความสามารถในอนาคต" เราไม่ควรประเมินความสามารถของตัวเองจากสิ่งที่ทำได้ในปัจจุบัน เพราะเราจะไม่มีวันทำสิ่งใหม่หรือเอาชนะความท้าทายที่เข้ามาในชีวิตได้ แต่ถ้าเราเชื่อในศักยภาพของตัวเองและวางเป้าหมายให้สูงขึ้นเล็กน้อย เราก็จะประสบความสำเร็จและขยายขอบเขตความสามารถของตัวเองได้
จงตั้งความหวังและความฝันให้สูงเข้าไว้ แล้วทุ่มเทพยายามกับงานที่ทำอยู่ทุกวัน แก้ปัญหาไปทีละอย่างและก้าวไปให้ไกลกว่าจุดที่ยืนอยู่เมื่อวาน
เพราะชีวิตคือ "ผลรวมของสิ่งที่เราทำได้ในแต่ละวัน" ทำให้ดีกว่าเมื่อวานทีละนิด เมื่อเวลาผ่านไปเราจะได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่
แต่ถึงแม้ว่าการพยายามอย่างไม่ลดละจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การทำอย่างต่อเนื่องกับการทำซ้ำซากนั้นแตกต่างกัน
เราควรทำวันพรุ่งนี้ให้ดีแตกต่างจากเมื่อวาน ค้นหาวิธีการที่ดีกว่าเดิมและทำให้ดีที่สุด
จงก้าวช้าๆ อย่างมั่นคงให้เหมือนเต่าที่เอาชนะกระต่ายในที่สุด
"จงรับรู้อย่างตั้งใจ"
ถ้าอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เราต้องสนใจและคอยเฝ้าสังเกตความเป็นไปรอบตัว
การรับรู้อย่างมีสติ โดยมีเป้าหมายและมุ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการจดจ่อ
การจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเรื่องยาก แต่หากเราพยายามจดจ่อไปเรื่อยๆ เราก็จะค่อยๆ สร้างนิสัยของการรับรู้อย่างตั้งใจ และบ่มเพาะความสามารถในการเข้าใจแก่นแท้ของสรรพสิ่ง
คิดและดำเนินชีวิตบนพื้นฐานของความจริงและหลักการ
คุณอินาโมริบอกให้เรายึดหลักการเรียบง่ายในการใช้ชีวิตและการทำงาน
ใช้ศีลธรรมและจริยธรรมพื้นฐานทั้งในการดำเนินชีวิตและทำงานในการตัดสินใจการกระทำว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดี
ในชีวิตเรามีสถานการณ์ให้ต้องตัดสินใจอยู่เสมอ การมองโลกตามความเป็นจริงและยึดหลักการเรียบง่ายจะช่วยให้เราตัดสินใจและอยู่บนเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง
โดย "หลักการ" ที่เราใช้ทำธุรกิจไม่ควรมีเรื่องผลประโยชน์ หรือชื่อเสียงส่วนบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ให้ยึดการทำประโยชน์เพื่อสังคมเป็นหลัก
เราต้องยืนหยัดอยู่บนหลักการ และไม่หลงไปตามกระแส
คนเราจะพบความสำเร็จที่แท้จริงเมื่อมีหลักการที่มีค่าพอให้ยึดถือ แม้จะต้องเผชิญกับความสูญเสีย และพร้อมยอมรับความเจ็บปวดจากการตัดสินใจของตัวเองมากแค่ไหน
แต่แค่รู้หลักการยังไม่พอ ต้องนำไปใช้ด้วย
ต้องมีจิตใจเข้มแข็งที่จะยึดและใช้ชีวิตตามหลักการ โดยไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อตาล่อใจและความทะยานอยาก
นอกจากนั้นเราต้องให้คุณค่ากับประสบการณ์มากกว่าความรู้
เพราะสิ่งที่เรารู้ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราทำได้ อย่าคิดว่าตัวเองมีความสามารถเพียงเพราะรู้มากกว่าคนอื่น
การเรียนรู้โดยไม่ลงมือทำจริงก็เหมือนการหัดว่ายน้ำบนพื้นแห้งๆ
เราไม่ควรคิดว่าตัวเองสามารถบริหารธุรกิจได้ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำจริงๆ
"จุดไฟ" ให้ตัวเองด้วยการ "รัก" ในสิ่งที่ทำ
ถ้าเรารักในสิ่งที่ทำอยู่ เราก็จะประสบความสำเร็จ การรักงานที่ทำเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มคุณค่าให้ชีวิต
ถ้าเราทำใจรักงานของตัวเองไม่ได้ ให้เริ่มต้นด้วยการทุ่มเทให้กับงานก่อน
ความรักกับการอุทิศตัวในสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน เราอุทิศตัวให้กับงานเพราะเรารักมัน และในทางกลับกัน เราจะรักงานที่ทำถ้าเราอุทิศตัวให้กับมัน
ในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต เราต้องมีมุมมองที่ปราศจากอคติจึงจะตัดสินเรื่องต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและยุติธรรม
เมื่อมองปัญหาจากจุดยืนที่เป็นกลาง เราจะไม่ไขว้เขวไปกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และสามารถขุดรากถอนโคนปัญหาได้
ยิ่งปัญหาซับซ้อนมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น แล้วนำหลักการที่เรียบง่ายมาตัดสินใจเลือกแนวทางที่เหมาะสม และหากเจอกับปัญหาที่แก้ไขไม่ตกจนอยากยอมแพ้ วิธีที่ดีที่สุดคือให้ลองประเมินดูว่าอะไรถูกอะไรผิดด้วยใจที่เปิดกว้างและหลักการที่เรียบง่ายชัดเจนที่สุด
"คิดให้เรียบง่ายเข้าไว้ ต่อให้เป็นปัญหาหรือความขัดแย้งระดับประเทศก็ตาม"
ยังสรุปไม่จบนะครับ โปรดติดตามตอนที่ 2
รายละเอียดหนังสือ
ช้าให้ชนะ (Ikikata)
หลักคิดจากเทพเจ้าแห่งการบริหารของญี่ปุ่น
ผู้เขียน คาซุโอะ อินาโมริ (Kazuo Inamori)
แปลโดย โยซุเกะ, ทสมา วรรธนะภูติ
ISBN 978-616-287-245-7
ความหนา 202 หน้า
ราคา 185 บาท
สำนักพิมพ์ วีเลิร์น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา